“นายกฯ อนุทิน” โพสต์“ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” หลังกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการทั่วไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร มีขึ้นหลังจากที่สมาชิกรัฐสภา เสียงข้างมากมีมติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256/28 ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ซึ่งนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน และเป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้นายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยุบสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่มีสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ลงมติเป็นเสียงข้างมาก
ขณะที่ นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ”
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ.2568
วันที่ 12 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ.2568 แล้ว โดยมีใจความระบุว่า
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
ด้วยนายกรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่มิได้มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ในระหว่างที่ประเทศได้เผชิญความท้าทายหลายประการ เพราะความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา
รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกวิถีทางในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศที่รุมเร้าให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง อันจะนำพาการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน อาทิ การผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การเร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า การขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ การช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ การป้องกันและปราบปรามบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติภัยไซเบอร์ และการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ การเร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสม ควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง รวมทั้งกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อรองรับและลดผลกระทบในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน
แต่การบริหารราชการแผ่นดิน จำเป็นต้องมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม โดยที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพ หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภาและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในที่สุดทางออกที่เหมาะสมคือการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชนเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไป
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา๑๐๓ และมาตรา๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๘”มาตรา
๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปมาตรา
๓ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่
เป็นการเลือกตั้งทั่วไป
มาตรา ๔ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
มาตรา ๕ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
เปิดไทม์ไลน์การเมือง คาด 8 ก.พ. 2569 หย่อนบัตรเลือกตั้งส.ส.ใหม่
KEY POINTS
นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60 วัน นับจากวันยุบสภา
มีการคาดการณ์ว่า วันเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ”
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นายกฯ ได้กราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการทั่วไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” รายงานว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 103 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า
ในกรณีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับตั้งแต่ “วันยุบสภา”
หากการยุบสภา คือ วันที่ 12 ธันวาคม 2568 ระยะเวลา 60 วัน นับจากวันดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2569 (12 ธ.ค. + 60 วัน = 10 ก.พ.)
วันสุดท้ายที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ไม่เกินวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ 2569
วันเลือกตั้งที่น่าจะเป็น : ตามประเพณีปฏิบัติของไทย การเลือกตั้งทั่วไป มักจะถูกกำหนดให้เป็น “วันอาทิตย์” ซึ่งหากพิจารณาวันอาทิตย์ที่อยู่ภายในกรอบเวลา 45-60 วัน จะมีความเป็นไปได้ดังนี้:
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 : (เป็นวันที่ 51 นับจากวันยุบสภา)
วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 : (เป็นวันที่ 58 นับจากวันยุบสภา)
ดังนั้น การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ จึงมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าวันยุบสภา จะตรงกับวันไหน...
“อนุทิน”โพสต์ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ คาด 8 ก.พ. 2569 หย่อนบัตรเลือกตั้งส.ส.ใหม่