เสียงข้างมาก และการถอยหลังเข้าคลอง โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 (มติชนรายวัน 22 พ.ย.2556)
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย 20 พฤศจิกายน ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เรื่องที่มาของ ส.ว.จบสิ้นลง ความคิดเห็นจากบรรดาผู้รู้ว่อนไปทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต
ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอซ้ำดังนี้
ต่อประเด็นเสียงข้างมากในสภา คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า
"ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย แม้จะยึดถือเอามติฝ่ายเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์
แต่หากละเลยหรือใช้อำนาจอำเภอใจกดขี่ข่มเหงฝ่ายเสียงข้างน้อย โดยไม่ฟังเหตุผล
จนทำให้ฝ่ายเสียงข้างน้อย ไม่มีที่อยู่ที่ยืน จะถือว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ได้อย่างไร หากแต่จะกลับกลายเป็นระบอบเผด็จการฝ่ายข้างมาก ขัดแย้งต่อระบอบการปกครอง
ประเทศ ไปอย่างชัดแจ้ง"
แต่แล้วในตอนท้ายของคำวินิจฉัย
"อาศัยเหตุได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น จึงวินิจฉัยโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า การดำเนินการ
พิจารณาและลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมดในคดีนี้ เป็นการกระทำที่
ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ..."
และอีกตอนหนึ่ง
"วินิจฉัยด้วยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่า มีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐาน
และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..."
อ้าว!
นักคิดเหล่านี้ ก็ช่างคิด ช่างเสียดสีกันเสียจริง
แต่แน่นอนว่า คงจะสร้างความสับสนงุนงงให้กับสังคมไปพอประมาณ ต่อประเด็น
"เสียงข้างมาก"
ทั้งเสียงข้างมากในสภา ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน มาจากคะแนนนิยม ความเชื่อมั่น
ของชาวบ้าน ว่าในการเลือกตั้งขณะวันนั้น ปีนั้น เขาตั้งใจจะเลือกใคร เลือกพรรคไหน
ให้ได้เสียงข้างมาก ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เพื่อมาจัดตั้งรัฐบาล และเข้าไปผลักดัน
กฎหมายต่างๆ ในสภา
ไปจนถึงเสียงข้างมากในสำนักงาน องค์กรต่างๆ
หรือแม้แต่เสียงข้างมากในที่ประชุมเล็กๆ
ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ปูกระแส
"เผด็จการเสียงข้างมาก" "เสียงข้างมากลากไป"
มาโดยตลอด ซึ่งบรรดานักประชาธิปไตยฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก็ต้องถามว่า ทำไม
ประชาธิปัตย์ซึ่งลงเลือกตั้งในสนามเดียวกัน เหตุใดจึงไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากได้เล่า
จนเมื่อปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ได้แต่ฮากันไป
เพราะสุดท้าย ตุลาการก็ต้องใช้เสียงข้างมากในการตัดสินเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นั่นเอง
อีกประเด็นหนึ่งซึ่งนักคิดนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์พากันงุนงง
เมื่อตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยกล่าวถึง กรณีการแก้ไขให้เลิก ส.ว.สรรหา เพื่อให้
ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง
คำวินิจฉัยระบุว่า
"สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามคำร้องนี้ เป็นการแก้กลับไปสู่จุดบกพร่อง
ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต เป็นจุดบกพร่องที่ล่อแหลม เสี่ยงต่อการสูญเสียสิ้นศรัทธา
และสามัคคีธรรมของมวลหมู่มหาชนชาวไทย เป็นความพยายามนำประเทศชาติให้
ถอยหลังเข้าคลอง"
คงต้องมาถกเถียงกันต่อไปว่า จากการ "สรรหา" มาทำให้เป็น "การเลือกตั้ง"
จากประชาชนนั้น คือการถอยหลังเข้าคลองหรือ
วันนี้เรื่องหนึ่งที่ต้องถกเถียงปนเฮฮาในทุกวงสนทนา
ไม่พ้นนิยามของคำว่าเสียงข้างมากและการเลือกตั้งเป็นการถอยหลังเข้าคลอง!?!
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385115584&grpid=&catid=02&subcatid=0207
วินิจฉัย 5 ต่อ 4 เสียงข้างมาลากไป ไหม ? หรือถ้า ตลก. เรียกว่า เป็นประชาธิไตย
อ้าว .... ใช้วิธีการเลือกตั้ง ... เป็นการถอยหลังเข้าคลอง และคงต้อง ทะลุคลอง แน่นอน
เพราะ "เทพเทือก" ประกาศก้อง บนเวที ราชดำเนิน คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนุญนี้ ต้องเป็น
บันทัดฐาน ให้ยึดถือไป ชั่วลูกชั่วหลาน จำไว้ด้วย ....
แล้ว "เทพเทือก" เขาเป็นใคร ล่ะ ทำไมต้องเชื่อด้วย ....
จะไส่ร้ายป้ายสีอย่างไร...!!!
เขาก็คือ...วีระบุรุษแห่งราชดำเนิน "สถานการณ์สร้างวีระบุรุษ"
http://pantip.com/topic/31278443comment8
จบแล้วนะคะ จับแพะมาชนแกะ ฝากไว้ให้จดจำกันด้วย
ถูกใจ ...เสียงข้างมากเป็นประชาธิปไตย !!!!!! ..... ไม่ถูกใจ .....เลือกตั้ง... นี่ ...ถอยหลังเข้าคลอง บ้านเมืองวันนี้
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย 20 พฤศจิกายน ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เรื่องที่มาของ ส.ว.จบสิ้นลง ความคิดเห็นจากบรรดาผู้รู้ว่อนไปทั่วในโลกอินเตอร์เน็ต
ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอซ้ำดังนี้
ต่อประเด็นเสียงข้างมากในสภา คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า
"ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตย แม้จะยึดถือเอามติฝ่ายเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์
แต่หากละเลยหรือใช้อำนาจอำเภอใจกดขี่ข่มเหงฝ่ายเสียงข้างน้อย โดยไม่ฟังเหตุผล
จนทำให้ฝ่ายเสียงข้างน้อย ไม่มีที่อยู่ที่ยืน จะถือว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ได้อย่างไร หากแต่จะกลับกลายเป็นระบอบเผด็จการฝ่ายข้างมาก ขัดแย้งต่อระบอบการปกครอง
ประเทศ ไปอย่างชัดแจ้ง"
แต่แล้วในตอนท้ายของคำวินิจฉัย
"อาศัยเหตุได้วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น จึงวินิจฉัยโดยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า การดำเนินการ
พิจารณาและลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมดในคดีนี้ เป็นการกระทำที่
ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ..."
และอีกตอนหนึ่ง
"วินิจฉัยด้วยเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่า มีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐาน
และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย..."
อ้าว!
นักคิดเหล่านี้ ก็ช่างคิด ช่างเสียดสีกันเสียจริง
แต่แน่นอนว่า คงจะสร้างความสับสนงุนงงให้กับสังคมไปพอประมาณ ต่อประเด็น "เสียงข้างมาก"
ทั้งเสียงข้างมากในสภา ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน มาจากคะแนนนิยม ความเชื่อมั่น
ของชาวบ้าน ว่าในการเลือกตั้งขณะวันนั้น ปีนั้น เขาตั้งใจจะเลือกใคร เลือกพรรคไหน
ให้ได้เสียงข้างมาก ให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง เพื่อมาจัดตั้งรัฐบาล และเข้าไปผลักดัน
กฎหมายต่างๆ ในสภา
ไปจนถึงเสียงข้างมากในสำนักงาน องค์กรต่างๆ
หรือแม้แต่เสียงข้างมากในที่ประชุมเล็กๆ
ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ปูกระแส "เผด็จการเสียงข้างมาก" "เสียงข้างมากลากไป"
มาโดยตลอด ซึ่งบรรดานักประชาธิปไตยฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วก็ต้องถามว่า ทำไม
ประชาธิปัตย์ซึ่งลงเลือกตั้งในสนามเดียวกัน เหตุใดจึงไม่สามารถเป็นเสียงข้างมากได้เล่า
จนเมื่อปรากฏอยู่ในคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ได้แต่ฮากันไป
เพราะสุดท้าย ตุลาการก็ต้องใช้เสียงข้างมากในการตัดสินเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นั่นเอง
อีกประเด็นหนึ่งซึ่งนักคิดนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์พากันงุนงง
เมื่อตอนหนึ่งของคำวินิจฉัยกล่าวถึง กรณีการแก้ไขให้เลิก ส.ว.สรรหา เพื่อให้
ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง
คำวินิจฉัยระบุว่า
"สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามคำร้องนี้ เป็นการแก้กลับไปสู่จุดบกพร่อง
ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต เป็นจุดบกพร่องที่ล่อแหลม เสี่ยงต่อการสูญเสียสิ้นศรัทธา
และสามัคคีธรรมของมวลหมู่มหาชนชาวไทย เป็นความพยายามนำประเทศชาติให้
ถอยหลังเข้าคลอง"
คงต้องมาถกเถียงกันต่อไปว่า จากการ "สรรหา" มาทำให้เป็น "การเลือกตั้ง"
จากประชาชนนั้น คือการถอยหลังเข้าคลองหรือ
วันนี้เรื่องหนึ่งที่ต้องถกเถียงปนเฮฮาในทุกวงสนทนา
ไม่พ้นนิยามของคำว่าเสียงข้างมากและการเลือกตั้งเป็นการถอยหลังเข้าคลอง!?!
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385115584&grpid=&catid=02&subcatid=0207
วินิจฉัย 5 ต่อ 4 เสียงข้างมาลากไป ไหม ? หรือถ้า ตลก. เรียกว่า เป็นประชาธิไตย
อ้าว .... ใช้วิธีการเลือกตั้ง ... เป็นการถอยหลังเข้าคลอง และคงต้อง ทะลุคลอง แน่นอน
เพราะ "เทพเทือก" ประกาศก้อง บนเวที ราชดำเนิน คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนุญนี้ ต้องเป็น
บันทัดฐาน ให้ยึดถือไป ชั่วลูกชั่วหลาน จำไว้ด้วย ....
แล้ว "เทพเทือก" เขาเป็นใคร ล่ะ ทำไมต้องเชื่อด้วย ....
จะไส่ร้ายป้ายสีอย่างไร...!!!
เขาก็คือ...วีระบุรุษแห่งราชดำเนิน "สถานการณ์สร้างวีระบุรุษ"
http://pantip.com/topic/31278443comment8
จบแล้วนะคะ จับแพะมาชนแกะ ฝากไว้ให้จดจำกันด้วย