ลิงค์ตอนที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/31230306
รวมเรื่องทั้งหมดจากเด็กดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://my.dek-d.com/dek-d/story/view.php?id=800340
วันนั้นโลกใบเล็กของหล่อนพลิกคว่ำ ชีวิตหกคะเมนตีหลังกา
ทำให้ได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ซึ่งกว้างใหญ่เดิม มีมือของเขาที่แสนอบอุ่นคอยจับจูง และก้าวไปข้างหน้าในทางเดินแห่งรักด้วยกัน
(ตอนต้นของบทที่ ๒๐ ดราม่านะครับ เตรียมทิชชู่ เล็กน้อย ผมเปล่าสปอยนะฮะ)


บทที่๒๐
เพชรเอกนอนแทบไม่หลับทั้งคืนเพราะแพทย์เจ้าของไข้ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมมีบริบูรณ์ เพียงแต่ทราบผลว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว กระนั้นยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะน้องชายยังไม่รู้สึกตัว ตกอยู่ในสภาพประหนึ่งเจ้าชายนิทรา
ดังนั้นหลังจากแวะไปตรวจสอบดูโรงงานใหม่ และสั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพชรเอกก็ขับรถมุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที
ชายหนุ่มผลักบานประตูห้องพักผู้ป่วย เดินผ่านห้องรับรองสู่ด้านในสุดซึ่งเป็นเตียงคนไข้ มีบริบูรณ์นอนหลับอย่างสงบ เขาถูกสวมหน้ากากช่วยหายใจเอาไว้ แขนข้างหนึ่งเจาะเข็มเพื่อให้น้ำเกลือ สีหน้าซีดเซียวและริมฝีปากล่างมีรอยแตก
ยามหลับมีบริบูรณ์ดูเหมือนเด็กที่เล่นซนแล้วเหนื่อย ร่างกายอ่อนล้าจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งใด เพชรเอกเลื่อนเก้าอี้เข้าใกล้เตียง เขานั่งลงช้าๆ ทอดสายตามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด และโศกเศร้า
อันที่จริงเขาควรดีใจมิใช่หรือ หากน้องชายคนเดียวหลับเป็นตายตลอดไป โอกาสที่ทรัพย์สมบัติตระกูลรัตนทองธารจะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ย่อมง่ายขึ้น
ชายหนุ่มใช้นิ้วบีบระหว่างคิ้ว จู่ๆ ก็ปวดจี๊ดปุบปับ ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่า ด้วยความสะเทือนใจ
“โลกนี้มันไม่ยุติธรรม ปล่อยให้คนอ่อนแอ ขี้ขลาด ไม่เอาไหนอย่างแก ต้องมานอนแบ็บเป็นผักอย่างนี้” ถ้อยคำที่เอ่ย อีกฝ่ายไม่อาจรับรู้ มีบริบูรณ์ยังหลับตานิ่ง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเขาซึ่งดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“...รีบลุกขึ้นมาทำงานเร็วๆ อย่าปล่อยให้ฉันทำคนเดียว ตั้งแต่มีแกเข้ามาวุ่นวายในโรงงาน ฉันกลายเป็นคนนิสัยเสีย หมู่นี่ชักขี้เกียจสันหลังยาว” เขายกมือสองข้างกุมกันไว้แน่น ทอดสายตามองไปยังน้องชาย
ยามนี้ใจก็ไพล่ถึงความหลังเมื่อเกือบสิบกว่าปีก่อน จำได้ว่าเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่บิดาพาเข้าไปต่างจังหวัด เพื่อดูงานที่กำลังขยายสาขาไปแถบภาคอีสาน และนครเวียงจันทร์ ทำให้เขาได้พบกับใครคนหนึ่ง
ครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กชายผิวขาวหน้าตาละม้ายตน ส่งเสียงเรียกเขาว่า ‘เฮียเผ็ด’ เขาทั้งความตื่นเต้นและประหลาดใจ
คุณอนันต์บอกว่า เด็กชายตัวเล็กผิวขาวชื่อ ‘เจ้านาย’ คือลูกน้าช่อแก้ว เป็นน้องชายของเขา...
นับแต่นั้นสายใยเล็กๆ ได้เชื่อมต่อระหว่างสายเลือด เหมือนมีปาฏิหาริย์บางอย่างที่ทำให้เขาถูกชะตากับเด็กชายมีบริบูรณ์
ชีวิตในช่วงนั้นเหมือนฝัน เขาได้รับรู้ว่าบิดามีอีกหนึ่งครอบครัว และดูจะมีความสุขมากกว่าการอยู่กับมารดาที่กรุงเทพฯ บ้านทั้งหลังมีเสียงหัวเราะ น้าช่อแก้วแสนใจดี ให้คนขับรถพาไปเที่ยวทั้งภูเขา และน้ำตกในละแวกใกล้ๆ บ้านไม้หลังใหญ่ พอฟ้ามืดเขากับน้องชาย ได้มีเวลาแห่งความสุขนอนอ่านหนังสือการ์ตูน ตกดึกมีโปรแกรมเด็ดคือดูวีดีโอจากโทรทัศน์จอขนาดใหญ่ พร้อมลำโพงเสียงกระหึ่ม คือความสุขในวัยเด็กที่เขาตื่นตาตื่นใจ
ในโมงยามนั้นเขาลืมความทุกข์ใจเมื่อครั้งต้องคอยปรนนิบัติมารดาที่เรือนแฝด
มารดาซึ่งป่วยด้วยโรคซึมเศร้า อารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย บางคราวอาละวาดใส่เขาอย่างไม่มีเหตุผล ดังนั้นเมื่อได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ พบเจอผู้คนมากกว่าห้องสี่เหลี่ยมในเรือนแฝด เขาจึงยิ้มและหัวเราะ มีวันเวลาแห่งความสุขเหมือนเด็กทั่วไป
ท่ามกลางความสนุกสนานกับครอบครัวใหม่ของบิดา ในขณะเดียวกันนั้นมารดาของเขากำลังตกลงสู่หุบเหวของความเจ็บปวด อาการป่วยใจทรุดหนัก ครั้งกลับจากต่างจังหวัด มารดาก็ขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่ข้องไปเกี่ยวกับน้าช่อแก้วและน้องชายอีก ซึ่งเขาก็รับปากเอาใจมารดา มิเช่นนั้นท่านจะเอาแต่ร้องไห้และคร่ำครวญ ทั้งวันทั้งคืน
หากในความเป็นจริง เพชรเอกมิอาจขัดคำสั่งคุณอนันต์ได้
‘แกต้องรักน้องให้มากๆ รู้ไหม มีกันแค่สองคน อย่าทำให้ป๊าผิดหวัง พี่น้องเหมือนแขนขาตัดยังไงก็ไม่ขาด ...จำคำป๊าเอาไว้!’ คุณอนันต์ย้ำกับเขาด้วยเสียงหนักแน่น
จวบจนบ้านหลังใหญ่สร้างใกล้เสร็จ เขาเข้าไปบอกกับแม่ด้วยความไร้เดียงสาว่า
‘แม่ครับ บ้านใหม่โก้มากๆ เราจะย้ายไปอยู่ที่นั้นใช่ไหม ป๊าบอก อีกไม่นานเจ้านายกับน้าแก้วก็จะมาอยู่ด้วย บ้านซ้วยสวย มีห้องกว้างเต็มไปหมด ผมจะขอป๊าอยู่ห้องใต้หลังคา แม่ละอยากนอนห้องไหน' คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดหัวใจบุพการี
มารดากอดเขาแน่น ในช่วงเวลาสุดท้ายชีวิต มีแต่เพชรเอกที่เธอเป็นห่วง แม้จะพยายามยื้อชีวิตต่อลมหายใจเพื่อดูทุกย่างก้าวของเขาในอนาคต แต่โรคร้ายกับความเครียดที่รุมเร้ามาหลายปีส่งผลให้เวลาของเธอหมดลงอย่างรวดเร็ว
‘แม่อยากอยู่ที่นี่มากกว่า ถ้าเพชรชอบก็ไปเถอะ’ บิดาสร้างเรือนแฝดให้มารดาเขาแยกอยู่ต่างหาก ด้วยหลังจากป่วย เธอมักทำให้ทุกคนในบ้านเครียด แม้แต่คุณตา คุณยายเองก็ทุกข์ใจหนัก
‘ทำไมละครับ บ้านใหม่หลังใหญ่มาก ผมจะขอป๊า ให้แม่อยู่ชั้นบนสุดยังได้เลย ห้องนั้นเห็นวิวทะเลสาบด้วย’ คนเป็นแม่น้ำตาไหล ลูกน้อยไร้เดียงสา ไม่อาจเข้าใจความข่มขื่นของท่าน
ชีวิตรักระหว่างมารดากับบิดาปิดฉากลง หลังมากลับจากต่างประเทศไม่ถึงสองปี คุณอนันต์ไปเยี่ยมญาติที่หนองคาย และกลับมาพร้อมข่าวว่าผู้ใหญ่จับคู่ให้กับสาวน้อยแสนสวย นามว่าช่อแก้ว
ทุกอย่างเปลี่ยนนับแต่นั้น พิกุลทองติดเหล้าและบุหรี่ คอยตามอาละวาดคุณอนันต์จนเขาหายไปเป็นเดือนๆ กระทั่งพิกุลทองให้สัญญาว่าจะปรับปรุงตนเอง หากทุกอย่างไม่ได้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้นอย่างที่เธอวาดหวัง
คุณอนันต์ให้ได้เพียงคำว่าเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น ด้วยความรักที่เคยหวานชื่นจืดจางลงแล้ว และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพชรเอกไม่เคยรับรู้ว่ามารดาแยกทางกับบิดา
ผู้ใหญ่ต่างเก็บงำเรื่องนี้ไว้ กระทั่งระเบิดเวลาทำงาน เพชรเอกในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เลยเหมือนถูกฟ้าฝ่าเปรี้ยงใหญ่ เขาทั้งสับสนและไม่อาจยอมรับสภาพครอบครัวล่มสลายได้
จวบจนวันสุดท้าย...ที่มารดาสิ้นลมไปต่อหน้า ต่อตา เขาจึงฝังใจว่า มีบริบูรณ์กับช่อแก้วคือต้นเหตุที่พรากทุกสิ่งไปจากเขา...
ตำแยกิ่งเพชร บทที่ ๒๐
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมเรื่องทั้งหมดจากเด็กดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนั้นโลกใบเล็กของหล่อนพลิกคว่ำ ชีวิตหกคะเมนตีหลังกา
ทำให้ได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ซึ่งกว้างใหญ่เดิม มีมือของเขาที่แสนอบอุ่นคอยจับจูง และก้าวไปข้างหน้าในทางเดินแห่งรักด้วยกัน
(ตอนต้นของบทที่ ๒๐ ดราม่านะครับ เตรียมทิชชู่ เล็กน้อย ผมเปล่าสปอยนะฮะ)
บทที่๒๐
เพชรเอกนอนแทบไม่หลับทั้งคืนเพราะแพทย์เจ้าของไข้ยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมมีบริบูรณ์ เพียงแต่ทราบผลว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว กระนั้นยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะน้องชายยังไม่รู้สึกตัว ตกอยู่ในสภาพประหนึ่งเจ้าชายนิทรา
ดังนั้นหลังจากแวะไปตรวจสอบดูโรงงานใหม่ และสั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพชรเอกก็ขับรถมุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที
ชายหนุ่มผลักบานประตูห้องพักผู้ป่วย เดินผ่านห้องรับรองสู่ด้านในสุดซึ่งเป็นเตียงคนไข้ มีบริบูรณ์นอนหลับอย่างสงบ เขาถูกสวมหน้ากากช่วยหายใจเอาไว้ แขนข้างหนึ่งเจาะเข็มเพื่อให้น้ำเกลือ สีหน้าซีดเซียวและริมฝีปากล่างมีรอยแตก
ยามหลับมีบริบูรณ์ดูเหมือนเด็กที่เล่นซนแล้วเหนื่อย ร่างกายอ่อนล้าจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งใด เพชรเอกเลื่อนเก้าอี้เข้าใกล้เตียง เขานั่งลงช้าๆ ทอดสายตามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิด และโศกเศร้า
อันที่จริงเขาควรดีใจมิใช่หรือ หากน้องชายคนเดียวหลับเป็นตายตลอดไป โอกาสที่ทรัพย์สมบัติตระกูลรัตนทองธารจะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ย่อมง่ายขึ้น
ชายหนุ่มใช้นิ้วบีบระหว่างคิ้ว จู่ๆ ก็ปวดจี๊ดปุบปับ ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่า ด้วยความสะเทือนใจ
“โลกนี้มันไม่ยุติธรรม ปล่อยให้คนอ่อนแอ ขี้ขลาด ไม่เอาไหนอย่างแก ต้องมานอนแบ็บเป็นผักอย่างนี้” ถ้อยคำที่เอ่ย อีกฝ่ายไม่อาจรับรู้ มีบริบูรณ์ยังหลับตานิ่ง ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของเขาซึ่งดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
“...รีบลุกขึ้นมาทำงานเร็วๆ อย่าปล่อยให้ฉันทำคนเดียว ตั้งแต่มีแกเข้ามาวุ่นวายในโรงงาน ฉันกลายเป็นคนนิสัยเสีย หมู่นี่ชักขี้เกียจสันหลังยาว” เขายกมือสองข้างกุมกันไว้แน่น ทอดสายตามองไปยังน้องชาย
ยามนี้ใจก็ไพล่ถึงความหลังเมื่อเกือบสิบกว่าปีก่อน จำได้ว่าเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่บิดาพาเข้าไปต่างจังหวัด เพื่อดูงานที่กำลังขยายสาขาไปแถบภาคอีสาน และนครเวียงจันทร์ ทำให้เขาได้พบกับใครคนหนึ่ง
ครั้งแรกที่ได้เห็นเด็กชายผิวขาวหน้าตาละม้ายตน ส่งเสียงเรียกเขาว่า ‘เฮียเผ็ด’ เขาทั้งความตื่นเต้นและประหลาดใจ
คุณอนันต์บอกว่า เด็กชายตัวเล็กผิวขาวชื่อ ‘เจ้านาย’ คือลูกน้าช่อแก้ว เป็นน้องชายของเขา...
นับแต่นั้นสายใยเล็กๆ ได้เชื่อมต่อระหว่างสายเลือด เหมือนมีปาฏิหาริย์บางอย่างที่ทำให้เขาถูกชะตากับเด็กชายมีบริบูรณ์
ชีวิตในช่วงนั้นเหมือนฝัน เขาได้รับรู้ว่าบิดามีอีกหนึ่งครอบครัว และดูจะมีความสุขมากกว่าการอยู่กับมารดาที่กรุงเทพฯ บ้านทั้งหลังมีเสียงหัวเราะ น้าช่อแก้วแสนใจดี ให้คนขับรถพาไปเที่ยวทั้งภูเขา และน้ำตกในละแวกใกล้ๆ บ้านไม้หลังใหญ่ พอฟ้ามืดเขากับน้องชาย ได้มีเวลาแห่งความสุขนอนอ่านหนังสือการ์ตูน ตกดึกมีโปรแกรมเด็ดคือดูวีดีโอจากโทรทัศน์จอขนาดใหญ่ พร้อมลำโพงเสียงกระหึ่ม คือความสุขในวัยเด็กที่เขาตื่นตาตื่นใจ
ในโมงยามนั้นเขาลืมความทุกข์ใจเมื่อครั้งต้องคอยปรนนิบัติมารดาที่เรือนแฝด
มารดาซึ่งป่วยด้วยโรคซึมเศร้า อารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย บางคราวอาละวาดใส่เขาอย่างไม่มีเหตุผล ดังนั้นเมื่อได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ พบเจอผู้คนมากกว่าห้องสี่เหลี่ยมในเรือนแฝด เขาจึงยิ้มและหัวเราะ มีวันเวลาแห่งความสุขเหมือนเด็กทั่วไป
ท่ามกลางความสนุกสนานกับครอบครัวใหม่ของบิดา ในขณะเดียวกันนั้นมารดาของเขากำลังตกลงสู่หุบเหวของความเจ็บปวด อาการป่วยใจทรุดหนัก ครั้งกลับจากต่างจังหวัด มารดาก็ขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่ข้องไปเกี่ยวกับน้าช่อแก้วและน้องชายอีก ซึ่งเขาก็รับปากเอาใจมารดา มิเช่นนั้นท่านจะเอาแต่ร้องไห้และคร่ำครวญ ทั้งวันทั้งคืน
หากในความเป็นจริง เพชรเอกมิอาจขัดคำสั่งคุณอนันต์ได้
‘แกต้องรักน้องให้มากๆ รู้ไหม มีกันแค่สองคน อย่าทำให้ป๊าผิดหวัง พี่น้องเหมือนแขนขาตัดยังไงก็ไม่ขาด ...จำคำป๊าเอาไว้!’ คุณอนันต์ย้ำกับเขาด้วยเสียงหนักแน่น
จวบจนบ้านหลังใหญ่สร้างใกล้เสร็จ เขาเข้าไปบอกกับแม่ด้วยความไร้เดียงสาว่า
‘แม่ครับ บ้านใหม่โก้มากๆ เราจะย้ายไปอยู่ที่นั้นใช่ไหม ป๊าบอก อีกไม่นานเจ้านายกับน้าแก้วก็จะมาอยู่ด้วย บ้านซ้วยสวย มีห้องกว้างเต็มไปหมด ผมจะขอป๊าอยู่ห้องใต้หลังคา แม่ละอยากนอนห้องไหน' คำพูดของเขาเหมือนคมมีดกรีดหัวใจบุพการี
มารดากอดเขาแน่น ในช่วงเวลาสุดท้ายชีวิต มีแต่เพชรเอกที่เธอเป็นห่วง แม้จะพยายามยื้อชีวิตต่อลมหายใจเพื่อดูทุกย่างก้าวของเขาในอนาคต แต่โรคร้ายกับความเครียดที่รุมเร้ามาหลายปีส่งผลให้เวลาของเธอหมดลงอย่างรวดเร็ว
‘แม่อยากอยู่ที่นี่มากกว่า ถ้าเพชรชอบก็ไปเถอะ’ บิดาสร้างเรือนแฝดให้มารดาเขาแยกอยู่ต่างหาก ด้วยหลังจากป่วย เธอมักทำให้ทุกคนในบ้านเครียด แม้แต่คุณตา คุณยายเองก็ทุกข์ใจหนัก
‘ทำไมละครับ บ้านใหม่หลังใหญ่มาก ผมจะขอป๊า ให้แม่อยู่ชั้นบนสุดยังได้เลย ห้องนั้นเห็นวิวทะเลสาบด้วย’ คนเป็นแม่น้ำตาไหล ลูกน้อยไร้เดียงสา ไม่อาจเข้าใจความข่มขื่นของท่าน
ชีวิตรักระหว่างมารดากับบิดาปิดฉากลง หลังมากลับจากต่างประเทศไม่ถึงสองปี คุณอนันต์ไปเยี่ยมญาติที่หนองคาย และกลับมาพร้อมข่าวว่าผู้ใหญ่จับคู่ให้กับสาวน้อยแสนสวย นามว่าช่อแก้ว
ทุกอย่างเปลี่ยนนับแต่นั้น พิกุลทองติดเหล้าและบุหรี่ คอยตามอาละวาดคุณอนันต์จนเขาหายไปเป็นเดือนๆ กระทั่งพิกุลทองให้สัญญาว่าจะปรับปรุงตนเอง หากทุกอย่างไม่ได้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้นอย่างที่เธอวาดหวัง
คุณอนันต์ให้ได้เพียงคำว่าเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น ด้วยความรักที่เคยหวานชื่นจืดจางลงแล้ว และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพชรเอกไม่เคยรับรู้ว่ามารดาแยกทางกับบิดา
ผู้ใหญ่ต่างเก็บงำเรื่องนี้ไว้ กระทั่งระเบิดเวลาทำงาน เพชรเอกในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เลยเหมือนถูกฟ้าฝ่าเปรี้ยงใหญ่ เขาทั้งสับสนและไม่อาจยอมรับสภาพครอบครัวล่มสลายได้
จวบจนวันสุดท้าย...ที่มารดาสิ้นลมไปต่อหน้า ต่อตา เขาจึงฝังใจว่า มีบริบูรณ์กับช่อแก้วคือต้นเหตุที่พรากทุกสิ่งไปจากเขา...