
จากคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีคำร้องที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กับคณะ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะ นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กับคณะ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้วินิจฉัย ว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา กับพวก รวม 312 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ว่าเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่องคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
ทั้งนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีมติ 6 ต่อ 3 เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมด เป็นการการกระทำที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง มาตรา126 วรรคสาม มาตรา 291 และมาตรา 3 วรรคสอง ในเรื่องขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (มีการเปลี่ยนแปลงเอกสาร มีการจำกัดเวลาการแปรญัตติ และมีการเสียบบัตรแทนกัน) และวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่ามีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 อันเป็นการกระทำให้ผู้ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ โดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง
ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น เห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 3 และวรรค 4 จึงให้ยกคำร้อง
จากคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแม้มีข้อวินิจฉัยความผิดกรณีเสียบบัตรแทนกันและการเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เพียงแค่ชี้มูลความผิดเท่านั้น กลับไม่มีบทลงโทษในการกระทำความผิดในบทนี้ ทำให้คำวินิจฉัยปล่อยค้างไว้เช่นนั้น
ผลการตัดสินชี้มูลความผิดนี้ที่ชี้มูลความผิดของการกระทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็ตาม แม้ในทางปฏิบัติทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตกไปก็ตาม แต่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีบทลงโทษกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งที่ได้ถูกชี้มูลความผิดไว้ว่าจะถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างไร แต่ปล่อยค้างไว้ในชั้นการตัดสินครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกของมวลชนระหว่างฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประชาชนที่ออกมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกิดอาการฝันค้าง เนื่องจากคำตัดสินไม่ชี้ขาดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไป
คำตัดสินคราวนี้จึงทำให้มวลชนทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังกันต่อไป เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ชี้ขาดบทลงโทษ รัฐบาลชินวัตรและบรรดาสมาชิสภาผู้แทนราษฎรสายรัฐบาลชินวัตร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งที่เข้าพวกกับฝ่ายรัฐบาลชินวัตร กลับเป็นช่องทางที่จะดื้อแพ่งได้ เพราะไม่มีบทลงโทษแก่พวกเขา ฝ่ายรัฐบาลชินวัตรก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องลาออกหรือยุบสภา ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วใครจะทำไมกับพวกเขาหละ… พรรคประชาธิปัตย์จะมีปัญญาหรือ… สงครามการเมืองจะสิ้นสุดหรือ … นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ถามว่า รัฐบาลชินวัตร โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะประกาศยอมรับผิดหรือ นั่นเป็นความฝันเพ้อเจ้ออย่างสิ้นเชิง … หากพิจารณาในมุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นี่ถือว่าปราณีรัฐบาลชินวัตร และบรรดา ส.ส.และ ส.ว.312 คน ทีเดียว แต่คำชี้มูลครั้งนี้ เป็นทางออกทำให้ร่างกฎหมายตกไป แต่ก็ยังไม่มีทางออกทางการเมืองใดๆ การเมืองยังคงเขม็งเกลียวกันต่อไป การเผชิญหน้าระหว่างกันก็ยังไม่อาจจบสิ้นลงไปได้
ดังนั้น คำตอบทางการเมืองยังคงอยู่ที่ท้องถนน …
20 พฤศจิกายน 2556
http://peopleunitynews.com/web/2013/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2-4/[url]
คอลัมน์ // สยามสิน วลิตวรางค์กูร : คำตอบยังอยู่ที่ท้องถนน..แม้มีคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ
จากคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีคำร้องที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กับคณะ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะ นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กับคณะ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นขอให้วินิจฉัย ว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา กับพวก รวม 312 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ว่าเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่องคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
ทั้งนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีมติ 6 ต่อ 3 เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องทั้งหมด เป็นการการกระทำที่มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง มาตรา126 วรรคสาม มาตรา 291 และมาตรา 3 วรรคสอง ในเรื่องขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (มีการเปลี่ยนแปลงเอกสาร มีการจำกัดเวลาการแปรญัตติ และมีการเสียบบัตรแทนกัน) และวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ว่ามีเนื้อความที่เป็นสาระสำคัญขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 อันเป็นการกระทำให้ผู้ถูกร้องได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ โดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง
ส่วนที่ผู้ร้องขอให้ยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น เห็นว่ายังไม่เข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 3 และวรรค 4 จึงให้ยกคำร้อง
จากคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแม้มีข้อวินิจฉัยความผิดกรณีเสียบบัตรแทนกันและการเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เพียงแค่ชี้มูลความผิดเท่านั้น กลับไม่มีบทลงโทษในการกระทำความผิดในบทนี้ ทำให้คำวินิจฉัยปล่อยค้างไว้เช่นนั้น
ผลการตัดสินชี้มูลความผิดนี้ที่ชี้มูลความผิดของการกระทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็ตาม แม้ในทางปฏิบัติทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตกไปก็ตาม แต่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีบทลงโทษกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งที่ได้ถูกชี้มูลความผิดไว้ว่าจะถูกลงโทษตามกฎหมายอย่างไร แต่ปล่อยค้างไว้ในชั้นการตัดสินครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกของมวลชนระหว่างฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และประชาชนที่ออกมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกิดอาการฝันค้าง เนื่องจากคำตัดสินไม่ชี้ขาดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไป
คำตัดสินคราวนี้จึงทำให้มวลชนทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังกันต่อไป เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ชี้ขาดบทลงโทษ รัฐบาลชินวัตรและบรรดาสมาชิสภาผู้แทนราษฎรสายรัฐบาลชินวัตร รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาสายเลือกตั้งที่เข้าพวกกับฝ่ายรัฐบาลชินวัตร กลับเป็นช่องทางที่จะดื้อแพ่งได้ เพราะไม่มีบทลงโทษแก่พวกเขา ฝ่ายรัฐบาลชินวัตรก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องลาออกหรือยุบสภา ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วใครจะทำไมกับพวกเขาหละ… พรรคประชาธิปัตย์จะมีปัญญาหรือ… สงครามการเมืองจะสิ้นสุดหรือ … นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ถามว่า รัฐบาลชินวัตร โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะประกาศยอมรับผิดหรือ นั่นเป็นความฝันเพ้อเจ้ออย่างสิ้นเชิง … หากพิจารณาในมุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นี่ถือว่าปราณีรัฐบาลชินวัตร และบรรดา ส.ส.และ ส.ว.312 คน ทีเดียว แต่คำชี้มูลครั้งนี้ เป็นทางออกทำให้ร่างกฎหมายตกไป แต่ก็ยังไม่มีทางออกทางการเมืองใดๆ การเมืองยังคงเขม็งเกลียวกันต่อไป การเผชิญหน้าระหว่างกันก็ยังไม่อาจจบสิ้นลงไปได้
ดังนั้น คำตอบทางการเมืองยังคงอยู่ที่ท้องถนน …
20 พฤศจิกายน 2556
http://peopleunitynews.com/web/2013/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2-4/[url]