***มติศาลรธน.8:0 ให้หารือกัน เลื่อนเลือกตั้ง*****

กระทู้สนทนา
มติศาลรธน.8:0ให้หารือกันเลื่อนเลือกตั้ง




http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/analysis/20140124/558547/%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%99.8:0%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87.html


ศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ 8:0ให้เลื่อนเลือกตั้งได้หากสถานการณ์บ่งชี้อาจส่งผลเสียหายต่อประเทศ แนะปธ.กกต.-นายกฯหารือร่วมกันกำหนดวันเลือกตั้งใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 214 ที่ขอให้วินิจฉัยว่า การกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นใหม่สามารถทำได้หรือไม่ และอำนาจในการกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ เป็นอำนาจขององค์กรใด ภายหลังการพิจารณานานกว่า 7 ชั่วโมง

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า วันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร สามารถกำหนดขึ้นใหม่ได้ เนื่องจากเห็นว่า บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ไม่ได้เลย เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอย่างอื่นขัดขวางทำให้การจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนดเดิม ไม่อาจดำเนินการให้บรรลุผลตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญได้ หรืออาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ความมั่นคงแห่งรัฐ หรือภัยพิบัติสาธารณะอันสำคัญ ก็สามารถกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ จากที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรได้ตามสภาพการณ์แห่งความจำเป็น เหมือนกรณีเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในประเทศไทย เมื่อครั้งใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งวันเลือกตั้งทั่วไป ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2549เป็นวันที่2เม.ย.25 49 ต้องถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ.2549 ที่ได้กำหนดให้มีวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่เป็นวันที่15ต.ค.2549 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยชี้ขาดให้การเลือกตั้งทั่วไปวันที่2เม.ย.2549 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากดำเนินการไปไม่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ยังมีมติเสียงข้างมากเห็นว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไปขึ้นใหม่นั้น เป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 235 บัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และวรรคสองบัญญัติให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. ซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 มาตรา 5 ก็บัญญัติให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้บุคคลทั้งสอง เป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ให้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

"ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่จากวันเลือกตั้งทั่วไปเดิม ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายจะต้องร่วมกันดำเนินการเพื่อป้องกันภัยพิบัติสาธารณะและความเสียหายร้ายแรงมิให้เกิดแก่ประเทศชาติหรือประชาชนด้วยความสุจริตและถือประโยชน์ของประเทศชาติและสันติสุขของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีเหตุที่จะนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติหรือประชาชนอันเนื่องมาจากการจัดการเลือกตั้งทั่วไป คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ชอบที่จะต้องแจ้งให้กับนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้พิจารณาดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ที่จะต้องดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ"เอกสารข่าวระบุ

นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การวินิจฉัยเป็นการพิจารณาตามคำร้องว่า สามารถกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้หรือไม่ และอำนาจเป็นขององค์กรใด ซึ่งคำวินิจฉัยนี้เป็นแนวทางในวิธีปฏิบัติและเป็นคำวินิจฉัยกว้างๆ ซึ่งสุดท้ายก็แล้วแต่ 2 องค์กรที่ปรากฎตามคำร้องจะนำคำวินิจฉัยไปปฏิบัติตามหรือไม่ ส่วนรัฐบาลจะไม่มาหารือกับ กกต. หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะคำวินิจฉัยไม่ได้เป็นการไปออกคำสั่ง

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ มีตุลาการฯ เข้าประชุมเพียง 8 คน ขาดนายชัช ชลวร เนื่องจากลาประชุม โดยการพิจารณาในประเด็นที่ 2 มติเสียงข้างมากดังกล่าว 7 ต่อ 1 โดย 1 เสียงข้างน้อย คือนายนุรักษ์ มาประณีต เห็นว่า เป็นอำนาจเต็มของ กกต. ที่จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐะรรมนูญที่ออกมาเชื่อว่าการพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ของนายกรัฐมตรีและประธานกกต.ที่จะต้องมีการหารือกันนั้น น่าจะยึดแนวทางเหมือนปี 2549 โดยอาจจะต้องมีการประชุมหารือกับทุกพรรคการเมือง และวันเลือกตั้งใหม่ที่จะกำหนดขึ้นนั้นก็น่าจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 180 วัน นับแต่มีการยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556

คำวินิจฉัยฉบับเต็มอ่านได้ที่

http://www.constitutionalcourt.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=612%3A2557-01-24-12-m-s&catid=280%3A2553-10-22-03-m-s&Itemid=335&lang=th
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่