ตำรานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์เปลี่ยนไป ประชาธิปไตยไทยไม่ไปไหน ประชาชนถูกริดรอนสิทธิ์

ศาลวินิจฉัยในสิ่งที่ผู้ร้องไม่ได้ขอ

แต่มีผลที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องตกไป อันเนื่องมาจากกระบวนการผิด ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญในหมวดอื่นๆ ซึ่งผู้ร้องขอไม่ได้ร้องขอ

ทั้งที่ในความเป็นจริง ผู้ร้องขอ ขอให้ตัดสิทธิ์ สส สว เพราะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครอง ไม่ได้ขอในเรื่องขบวนการที่ผิดหรือเปล่า

แล้วศาลยังวินิฉัย ไปถึงเสียงข้างมาก สภาผัวเมีย และการเลือก สว ทั้งหมดจะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ ดังนั้นต้องคง สว แต่งตั้งไว้

แล้วต่อไปการตัดสินอะไรโดยใช้เสียงข้างมาก ก็จะไม่ถูกต้องแล้ว

แล้วเรายังถูกริดรอนสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว สิทธิ์ที่จะได้เลือกตัวแทนโดยตรงจากประชาชน

สิทธิ์ที่จะคิดเลือก สส หรือ สว ด้วยตัวเองสิทธิ์ที่จะใช้วิจารณญาณของเราว่าเราจะถ่วงดุลด้วยตัวเราเอง

(นั่งฟังศาลเหมือนนั่งฟังพรรคประชาธิปัติย์และ 40 สว. อภิปรายในสภา)

แล้วยังบอกว่าการเลือกตั้ง สว ทั้งหมด เป็นการขัดเจตนารมย์ของ รัฐธรรมนูญ 50 ก็แหงซิคะ มันเลือกตั้งกับแต่งตั้ง มันก็ต้องต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นหมายความว่า

ต่อไปนี้จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไปไม่ได้เลยใช่ไหม แต่อนุญาตให้ฉีก ให้ทำรัฐประหาร แล้วมีกฎหมายพิเศษรองรับว่าไม่ผิดกฎ ไม่เป็นการขัดเจตนารมย์ของ รธน
เหมือนที่เคยทำกับ รัฐธรรมนูญปี 40

เคยเรียนกฎหมายแต่ไม่มาก เคยทำข้อสอบ เวลาจะวินิจฉัยต้องอ้างกฎหมายตามที่ผู้ฟ้องร้องขอเพื่อเอาผิดจำเลยตามข้อกฎหมายนั้น แต่ไม่เคยวินัจฉัย ในสิ่งที่โจทย์ไม่ได้ฟ้อง

ต่อไปนี้ตำรานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์คงต้องเปลี่ยนกันใหม่ เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย ที่ย้อนหลังไปอีก 80 ปี

เสมือนการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2475 ไม่ได้ก้าวย่างไปไหนเลย ประชาธิปไตยของไทยยังอยู่กับที่จริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่