สารคดีเจาะลึก IAI Kfir จากสำเนาเถื่อน สู่ตำนานความทรหด

สารคดีเจาะลึก IAI Kfir จากสำเนาเถื่อน สู่ตำนานความทรหด
1.0 บทนำ: กำเนิดจากความจำเป็น สู่สัญลักษณ์แห่งความทรหด
กำเนิดจากวิกฤต: IAI Kfir ("ลูกสิงโต" ในภาษาฮีบรู) เป็นผลผลิตโดยตรงจากความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ของอิสราเอล และเป็นตัวอย่างของการปรับตัวทางวิศวกรรมเพื่อความอยู่รอด

ต้นกำเนิด: มันเริ่มต้นจากการเป็น "สำเนาเถื่อน" ของเครื่องบิน Dassault Mirage 5 เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรอาวุธจากฝรั่งเศส

ภาพรวมการปฏิบัติงาน: มีสองบทบาทหลัก คือ ช่วงสั้น ๆ ในฐานะเครื่องบินสกัดกั้นชั้นแนวหน้า และบทบาทยาวนานในฐานะเครื่องบินโจมตีที่เชื่อถือได้ รวมถึงการทำหน้าที่เป็น "ข้าศึกสมมติ" ในการฝึกซ้อมของสหรัฐฯ

2.0 จุดกำเนิดและพัฒนาการ: จาก Mirage สู่ Kfir

วิกฤตการคว่ำบาตรฝรั่งเศส: หลังสงครามหกวัน (1967) ฝรั่งเศสคว่ำบาตรการส่งออกอาวุธไปยังอิสราเอล ทำให้ไม่ได้รับมอบเครื่องบิน Mirage 5 จำนวน 50 ลำที่สั่งซื้อไว้

ปฏิบัติการจารกรรมและการถือกำเนิดของ Nesher: หน่วยมอสสาด (Mossad) ได้พิมพ์เขียวของ Mirage 5 และเครื่องยนต์ SNECMA Atar 09C ทำให้อิสราเอลสามารถผลิตสำเนาขึ้นเองได้ในชื่อ IAI Nesher ("แร้ง") และเข้าประจำการในปี 1971

การปฏิวัติด้วยเครื่องยนต์ (สู่ Kfir): จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ Atar 09C มาใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ต General Electric J79 ของสหรัฐฯ (เครื่องยนต์เดียวกับ F-4 Phantom II) ซึ่งให้แรงขับสูงกว่ามาก (17,900 ปอนด์-ฟอร์ซ เทียบกับประมาณ 13,240 ปอนด์-ฟอร์ซของ Atar เดิม)

ความท้าทายทางวิศวกรรม: วิศวกรของ IAI ต้องดัดแปลงโครงสร้าง Nesher อย่างมากเพื่อให้รองรับเครื่องยนต์ J79 ที่ใหญ่กว่าและร้อนกว่า เช่น การขยายช่องรับอากาศ การปรับส่วนท้ายลำตัว และการเพิ่มช่องระบายความร้อนที่ฐานแพนหางดิ่ง Kfir บินครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 1973

3.0 ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคและรุ่นต่างๆ

สมรรถนะ: Kfir C.7 มีแรงขับ (17,900 lbf) และความเร็วสูงสุด (Mach 2.3) สูงกว่า Mirage 5 อย่างชัดเจน และมีจุดติดตั้งอาวุธ (9 จุด) มากกว่า

Kfir C.2: รุ่นปรับปรุงสำคัญ โดยเพิ่ม ปีกเล็กหน้า (Canards) แบบตายตัว และปรับปรุงแอโรไดนามิกเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่ว

Kfir C.7: รุ่นอัพเกรดใหญ่ เพิ่มแรงขับ และเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธเป็น 9 จุด

Kfir C.10 (Kfir 2000): รุ่นส่งออก ติดตั้งเรดาร์ Elta EL/M-2032 และห้องนักบินทันสมัย (MFD)

F-21A Lion: ชื่อที่กองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ ใช้เรียก Kfir C.1 ที่เช่าไปเพื่อทำหน้าที่เป็น เครื่องบินข้าศึกสมมติ (Aggressor)

4.0 ประวัติการปฏิบัติงานในกองทัพอากาศอิสราเอล (IAF)
เข้าประจำการ: ปี 1975 แต่ถูกแทนที่ในบทบาทครองอากาศอย่างรวดเร็วโดย F-15 Eagle (ปี 1976)

ปฏิบัติการรบ: ภารกิจรบครั้งแรกในปี 1977 (โจมตีเลบานอน) มีชัยชนะทางอากาศที่ยืนยันได้เพียงครั้งเดียว (ยิง MiG-21 ของซีเรียตกในปี 1979)

สงครามเลบานอน (1982): ถูกใช้งานหลักในภารกิจ โจมตีภาคพื้นดิน (F-15/F-16 ทำภารกิจครองอากาศ)

ปลดประจำการ: ทยอยปลดออกจากประจำการในแนวหน้าในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 1990

5.0 การปฏิบัติงานในกองทัพอากาศทั่วโลก (การส่งออก)

สหรัฐอเมริกา (F-21A Lion): เช่า 25 ลำ ระหว่างปี 1985-1989 ใช้เป็นเครื่องบิน Aggressor ในการฝึก DACT เพื่อจำลองภัยคุกคามจากเครื่องบินโซเวียต (MiG-21/23) และยังคงถูกใช้งานโดยบริษัทเอกชน (ATAC) จนถึงปัจจุบัน

โคลอมเบีย (FAC): เป็นกระดูกสันหลังของกองทัพอากาศ จัดหา C.2/TC.2 และต่อมาอัพเกรดและจัดหาเพิ่มเติมเป็นมาตรฐาน C.10/C.12 (บางส่วนติดตั้งเรดาร์ AESA) ยังคงเป็นเครื่องบินรบหลัก

เอกวาดอร์ (FAE): จัดหา C.2/TC.2 ถูกใช้ใน สงคราม Cenepa (1995) และยิงเครื่องบิน Cessna A-37B ของเปรูตก (ชัยชนะทางอากาศที่ยืนยันได้อีกครั้งในต่างประเทศ)

ศรีลังกา (SLAF): จัดหา C.2/C.7/TC.2 ใช้เป็นอาวุธหลักในการโจมตีภาคพื้นดินใน สงครามกลางเมือง ต่อกลุ่ม LTTE และยังมีการอัพเกรดในปี 2021 เพื่อยืดอายุการใช้งาน

6.0 มรดกและอิทธิพล

สร้างขีดความสามารถของอิสราเอล: โครงการ Kfir เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้อิสราเอลสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการบินและระบบเอวิโอนิกส์ซับซ้อน กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอากาศยานและโดรน

แรงบันดาลใจสำหรับโครงการอัพเกรด: เป็นต้นแบบให้กับโครงการปรับปรุงเครื่องบินรบตระกูล Mirage ของประเทศอื่น ๆ เช่น Atlas Cheetah (แอฟริกาใต้) และ ENAER Pantera (ชิลี)

สัญลักษณ์แห่งความคุ้มค่า: พิสูจน์ให้เห็นว่าเครื่องบินรบรุ่นเก่าที่ออกแบบมาดี สามารถคงประสิทธิภาพในสนามรบสมัยใหม่ได้ด้วยการอัพเกรดที่ชาญฉลาด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่