โรคแพนิค (Panic Disorder)
หมอส่วนใหญ่จะไม่รู้จักโรคนี้ และจะตรวจไม่เจอโรคเวลาคนไข้มีอาการ
ร่างกายคุณปกติดี ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร พักผ่อนเยอะๆเดี๋ยวก็หาย
เจอมากะตัว ไม่เป็นบ้าอะไร จะหายใจไม่ออกอยู่แหละ - -
อาการแพนิคเกิดจากฮอร์โมนลดกะทันหัน ทำให้สารสื่อในสมองผิดปกติ คล้ายกระแสไฟฟ้ารัดวงจร ส่งผลให้ประสาทอัตโรมัติทำงานผิดพลาด พูดง่ายๆสมองรวน ทำให้สมองหลั่งสารตื่นตระหนกออกมาเอง
อาการที่เป็น เหมือนคนกำลังจะคุมตัวเองไม่ได้ จะวูบ เป็นลม แขนขาไม่มีแรง เดินเหมือนร่างกายโคลงเคลง ใจลอย ใจสั่น ใจหวิว รู้สึกใจหาย หน้ามืด เวียนหัว หายใจไม่ค่อยออก กลัวตาย เหมือนร่างกายเราเปลี่ยนไป กำลังจะตาย จิตตก กำลังจะเป็นบ้า มือชา เท้าชา รู้สึกร้อนวูบวาบ ทั้งที่ไม่เคยเป็นคนขี้กลัว แต่ไม่รู้กลัวอะไร ประมาณนี้ ( มันเหมือนจะตายจิงๆเวลาอาการมา ) หลังอาการแพนิคสงบลง ผู้ป่วยมักรู้สึกอ่อนเพลียไม่ค่อยมีแรง และกังวลว่าอาการจะกลับมากำเริบอีก
ผลจากการ วิจัยสาเหตุของคนที่เป็นโรคนี้
ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ใช้ชีวิตเร่งรีบเกินไป ตื่นสาย รีบกินอาหารไวเกินไป
อยู่กะหน้าคอมเป็นเวลานานๆ ไม่กินข้าวเช้า นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ จริงจังกะชีวิต อยู่ในสภาวะกดดันเป็นประจำ ไม่ออกกำลังกาย หายใจสั้นๆ ติดมือถือ เล่นคอมเป็นเวลานาน
อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มีนิสัยเป็นคนคิดมาก ชอบคิดทำอะไรหลายๆอย่างในช่วงเวลาเดียวกัน เคยมีอดีตที่ฝังใจ เคยอกหัก เคยสูญเสีย เคยมีผลกระทบกะจิตใจมาก่อน
และสุดท้ายเป็นเพราะกรรมพันธ์มีประวัติญาติหรือคนในครอบเคยเป็นโรคนี้มาก่อน
** รวมถึงคุณแม่หลังคลอด ที่ไม่ได้อยู่ไฟ ก็จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
โรคแพนิค ไม่มีอันตราย ไม่ทำให้ผู้ป่วยตาย หรือเป็นโรคร้ายแรง อาการนี้ทำให้เกิดความไม่สบายใจเท่านั้น ยิ่งผู้ป่วยกังวลมาก อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่า อาการแพนิค หรือ แปลว่าตื่นตระหนก นั่นเอง
*** โรคนี้พูดง่ายๆ เกิดจากการใช้ชีวิตแบบผิดๆ ตากตรำเกินไป มีความเครียดสะสมมากเกินไป ขาดการออกกำลังกาย ทำตัวเป้นมนุษย์ไซเบอร์ ติดมือถือกะคอมมากเกินไป จนไม่ได้พักผ่อนสายตาอย่างที่ควรจะเป้น กินอาหารไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา จนร่างกายและสมองเสียสมดุล จนถึงเวลาที่สมอง ร้องออกมา ว่า "นี่ฉันรับกับพฤติกรรมที่คุณทำอยู่ไม่ไหวแล้วนะ" จึงแสดงอาการมาประท้วง เรียกว่าอาการ แพนิค
วิธีการรักษาโรคแพนิคให้หายขาดอย่างถาวร
แนวทางรักษาแพนิคด้วยวิธีธรรมชาติ
การรักษาโรคนี้ให้หายขาด คือ เราต้องหยุดพฤติกรรมทั้งหมดที่ทำร้ายสมอง อย่ามีข้ออ้าง หันมาดูแลตัวเอง กินนอนให้เป็นเวลา หันมากินอาหารเช้าข้อนี้สำคัญมาก ออกกำลังกาย หยุดเล่นมือถือเป็นเวลานานโดยเฉพาะ เกมแคนดี้ ไพ่แท็กทัส เกมพวกนี้ ทำให้เรามีความเครียดสะสม เนื่องเราจะรู้สึกเครียดเวลาเราเล่นไม่ไม่ผ่านด่านสักที หรือรู้สึกเซงเวลาเล่นเกมไพ่แท็กซัสแล้วเสีย กลายเป็นความเครียดสะสมโดยเราไม่รู้ตัว
เลือกออกกำลังที่ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเล่นกีฬา เช่น ตีแบด ตีปิงปอง ฝึกโยคะ คือเล่นอะไรก็ได้ ที่รู้สึกสนุก ได้หัวเราะไปกะการเล่น การที่เราได้เล่นกีฬาอะไรก็ตามที่ได้เล่นกะเพื่อน มันจะทำให้เรารู้สึกสนุกมากกว่าการที่เราออกกำลังกายคนเดียว
อย่าไปออกกำลังโดยการวิ่ง ผู้เขียนไม่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจาก โรคแพนิค มันก็คือโรคภาวะทางจิตโรคนึง คือโรค วิตก กังวล การวิ่งทำให้เรากังวลในขณะออกกำลังกาย พอกังวล เวลาหัวใจเต้นเร็ว เราก็จะเริ่มกลัว พอกลัวอาการก็จะมา และก็จะกลัวการออกกำลังไปในที่สุด ไม่กล้าที่จะออกกำลังอีก ทั้งที่การออกกำลังกายคือการที่ทำให้หัวใจแข็งแรงและระบบหมุนเวียนโลหิตและความดันดีขึ้น อย่ากลัวเวลามีอาการให้ปล่อยวาง อย่าตื่นตระหนก ให้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ คิดเสียว่าโรคนี้ไม่ตาย เดี๋ยวมันก็หายไป เมื่อร่างกายผ่อนคลายอาการต่างๆจะทุเลาลง
ฝึกนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิทำให้เราเกิดสติ และไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อมีสติอาการกลัวต่างๆ จะน้อยลง โรคนี้ไม่ตายอย่ากลัว บางคนเป็นมา 10 ปี ยังรอดมาได้ ดังนั้นอย่าตื่นตระหนก พยายามตั้งสติเวลาอาการมาเยือน ออกไปใช้ชีวิตปกติ ไปเดินเล่น ร้องเพลง เต้นรำ เดินห้าง ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆสนุกสนานร่าเริง ให้ชีวิตได้หัวเราะบ้าง โรคแพนิคกลัวการหัวเราะที่สุด ผู้เขียนขอยืนยัน การดมยาหอมช่วยระงับอาการได้ดีมากระหว่างมีอาการ หรือจะซื้อมาทานขณะมีอาการก็ได้ แล้วแต่สะดวก
ในรายที่เป็นมากจนไม่สามารถคุมอาการด้วยตนเองได้ ผู้เขียน แนะนำว่าท่านต้องพึ่งยาแล้วละครับ
อย่ากลัวการทานยา จากการที่พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยาไม่มีอันตรายใดๆ ยาจะช่วยให้เราปรับสมดุลสารเคมีในสมองได้เร็วขึ้น เหมือนเวลาเราปวดหัวแล้วเราทานยาแก้ปวดนั่นแหละคับ ก็จะหายปวดเร็วกว่า การที่เราปล่อยให้มันหายปวดเอง การทานยาช่วยในการรักษาได้ 70 ถึง80 เปอร์เซนต์ครับ
ที่เหลืออยู่ที่การปรับการใช้ชีวิตประจำวันครับ ถึงเราทานยารักษาหายขาดแล้ว และเรากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม อาการต่างๆก็กลับมาเป็นอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ ดังนั้นวีธีรักษาที่ยั่งยืนที่สุดคือ การปรับการใช้ชีวิตของเรานี่แหละครับ อย่ามีข้ออ้างอีก ถ้าคุณอยากหายจากโรคนี้
แนวทางรักษาแพนิคด้วยยา
1. ยา“พระเอก” หมายถึงยาที่ใช้เป็นหลักในการรักษา ต้องใช้ต่อเนื่องตามระยะเวลาที่แพทย์
กำหนด เมื่อเราทราบแล้วว่าโรคแพนิค สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง
โดยเฉพาะสารซีโรโทนินจึงได้มีการคิดค้นยาเพื่อปรับสารเคมีดังกล่าวให้เข้า สู่ภาวะสมดุลซึ่งเป็น
กลุ่มยากลุ่มเดียวกับที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า ยาในกลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ช้า ผู้ป่วยต้องรับประทานยา
อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์จึงจะเริ่มได้ผล ผลที่ได้คือการเกิดอาการแพนิคจะ
ห่างลงเรื่องๆและอาการแพนิคที่เกิดขึ้นก็จะ เบาลงเรื่อยๆทำให้ผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องรับ
ประทานยา “พระรอง” น้อยลงเรื่อยๆจึงเป็นการค่อยๆหยุดยา “พระรอง” ไปในตัว โดยทั่วไปเมื่อ
เริ่มให้ยา “พระเอก” และค่อยๆเพิ่มยาขึ้นแพทย์มักสามารถควบคุมอาการให้หายสนิทได้ในเวลา
ประมาณ 1-2 เดือนเมื่อผู้ป่วยหายสนิทแล้วต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อไปอีก 8-12 เดือน
แล้วจึงค่อยๆหยุดยา มีผู้ป่วยบางรายที่กลับมีอาการอีกเมื่อลดยาลงถึงระดับหนึ่งในกรณีเช่นนี้ให้
เพิ่มยากลับขึ้นไปในระดับก่อนที่จะมีอาการกลับมาอีก รอไว้ 2-3 เดือนแล้วค่อยๆลดยาลงช้าๆจน
สามารถหยุดยาได้อย่างไรก็ดีควรให้ผู้ป่วยทราบว่า โรคแพนิคเป็นโรคเรื้อรังเมื่อหยุดยาไประยะ
หนึ่งผู้ป่วยอาจกลับมามีอาการอีก ได้ และจะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เลิกรับประทานยาไม่ได้และต้อง
รับประทานยา “ป้องกัน” ในขนาดน้อยๆต่อไปเรื่อยๆซึ่งก็ไม่มีอันตรายอะไร
2. ยา“พระรอง” พระรองในที่นี้หมายถึง ยาที่ช่วยบรรเทาอาการเป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็วสามารถระงับ
อาการแพนิคที่เกิด ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วยาประเภทนี้คือยาคลายกังวลยาที่นิยมใช้คือ
alprazolam แต่ก็อาจใช้ lorazepam, clonazepam, หรือแม้แต่ diazepam ก็ได้เราจะให้ผู้
ป่วยรับประทานยาเมื่อเกิดอาการแพนิค อาการแพนิคจะหายไปอย่างรวดเร็วแต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ผู้
ป่วยอาจเกิดอาการแพนิค ขึ้นมาได้อีกปัญหาที่สำคัญของยาในกลุ่มนี้คือสามารถเกิดการเสพติด
ได้ถ้าใช้ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ยากลุ่มนี้เป็นได้แค่พระรอง เพราะจะให้ใน
ช่วงสั้นๆเท่านั้น ข้อมูลจากบทความสุขภาพ วารสารก้าวทันโรค โรงพยาบาลพระรามเก้า
ตัวอย่างประวัติและอาการผู้ที่เป็นโรคนี้
ขอแชร์ประสบการ์ณที่เป็นโรคนี้นะคับ ผมอยู่ในสังคมค่อนข้างแย่ มีปัญหาในครอบครัวที่บ้านมีปัญหาหนี้สิน ที่อยู่อาศัยก็คับแคบในชุมชมสลัมแห่ง หนึ่ง นอนไม่เคยหลับสนิทซะคืน เพราะที่ผมอยู่มันมันห้องเล็กๆ อยุ่รวมกันหมด พ่อ แม่ น้อง ผม นอนรวมกันเลย แม่จะเลิกงานกลับมาถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน พ่อลุกไปทำงานตอนตี 3 ทุกครั้งที่มีคนเข้าออกต้องเปิดไฟ และมีเสียงดัง โอกาสที่ผมจะหลับสนิทเป็นไปได้ยากมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดมาทำงานใน กทม มาอยู่นี้เลยไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใคร เลย บวกกับเป็นคนขี้อาย เลยไม่ได้ออกบ้านไปคุยกะใคร เลยค่อนข้างเก็บกด อยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ โดยความที่เกิดมาจน และอยู่สังคมที่ต่ำผมเลยเป็นคนช่างฝัน เวลามีความรักผมก็จะทุ่มเทแบบหมดใจ เพราะความจนผมจึง อกหักนับครั้งไม่ถ้วน...TT
ตื่นนอนผมชอบตื่นสายคับ พอตื่นสายเลยต้องรีบอาบน้ำ เร่งรีบไปทำงานโดยกลัวไปทำงานไม่ทัน คือตื่นมาไม่มีเวลานั่งเล่น กินข้าวประมาณนั้น รีบอาบน้ำเลย
กลับมาจากที่ทำงานก็อยู่กะหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน (เป็นทางออกเดียวที่แก้เหงาในความคิดผม) นานนี้ถึงตี 2 ทุกวัน ติดคอมจนกินข้าวไม่เป็นเวลา การที่ชอบท่องเน็ตและอยากรวย เลยเล่นพนันออนไลน์ เรียกว่าติดพนันนี่อยู่ 2 ปี เวลาเสีย อารมณ์ก็ หดหู่ ท้อแท้ ซึมเศร้า เครียดนอนไม่หลับ เสพอารมณ์นี้อยู่ 2 ปี
จนวันหนึ่งเล่นคอมอยู่ประมาณตี 3 โดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็น
ความรู้สึก เหมือนจะหิวเลยลุกไปกินน้ำ พอมานั่งเล่นคอมต่อ เหมือนหน้าจะมืด วูบๆ ใจสั่นระรั่ว ในใจคิดขึ้นมาทันที หัวใจเราจะวายไหมนี่ เพราะได้ข่าวคนเล่นคอมตาย เลยกลัวพอกลัวอาการเลยมาแบบจัดหนักเลย ทั้งใจสั่น กระวนกระวาย หายใจไม่ออก เหมือนจิตจะหลุด วิญญาณจะออกจากร่าง ตื่นตระหนกสุดขีด
คิดว่าตัวองตายแน่ ใจจะขาดให้ได้ เลยเรียกแม่ แม่เลยชงยาหอมให้กิน สักพักอาการเลยสงบลง บวกกับยังไม่ได้นอน เลยเพลียหลับไป
ตื่นเช้ามาเหมือนร่างกายเปลี่ยนไป เดินรู้สึกโคลงเคลง สะดุ้งตกใจง่าย หายใจไม่อิ่มเหมือนเดิม เหมือนจิตกะสมองทำงานไม่สัมพันธุ์กัน เลยเริ่งสังเกตุอาการตัวเองทั้งวันกลัวเป็นโรคร้ายแรง
จนวิตกกังวลกลัวจะเป็นอีก เป็นอาการนี้อยู่ 2 อาทิตย์ เลยตัดสินใจไปหาหมอกลางดึกที่ราชวิถี หมอตรวจหัวใจ ความดัน ตรวจทุกอย่างบอกปกติดีทุกอย่าง หมอบอกว่าน่าจะเป็นโรคแพนิค และหมอก็อธิบายให้ฟังว่าโรคนี้ไม่ตาย แต่ถ้ารบกวนชีวิตประจำวันก็ต้องทานยา พอผมได้ยินว่าโรคนี้ไม่ตายผมก็ใจชื่นและกลับบ้านมาด้วยความโล่งใจ จะใช้ใจสู้กะโรคนี้ จะยิ้มให้มันแหละปล่อยวาง
ข้อมูลจาก facebook พิชิตแพนิคได้..ในสามสิบวัน
อ่านเพิ่มเติมได้จาก
http://panicdisordertherapeuticcurethailand.blogspot.com/
รักษาแพนิคง่ายนิดเดียว
หมอส่วนใหญ่จะไม่รู้จักโรคนี้ และจะตรวจไม่เจอโรคเวลาคนไข้มีอาการ
ร่างกายคุณปกติดี ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร พักผ่อนเยอะๆเดี๋ยวก็หาย
เจอมากะตัว ไม่เป็นบ้าอะไร จะหายใจไม่ออกอยู่แหละ - -
อาการแพนิคเกิดจากฮอร์โมนลดกะทันหัน ทำให้สารสื่อในสมองผิดปกติ คล้ายกระแสไฟฟ้ารัดวงจร ส่งผลให้ประสาทอัตโรมัติทำงานผิดพลาด พูดง่ายๆสมองรวน ทำให้สมองหลั่งสารตื่นตระหนกออกมาเอง
อาการที่เป็น เหมือนคนกำลังจะคุมตัวเองไม่ได้ จะวูบ เป็นลม แขนขาไม่มีแรง เดินเหมือนร่างกายโคลงเคลง ใจลอย ใจสั่น ใจหวิว รู้สึกใจหาย หน้ามืด เวียนหัว หายใจไม่ค่อยออก กลัวตาย เหมือนร่างกายเราเปลี่ยนไป กำลังจะตาย จิตตก กำลังจะเป็นบ้า มือชา เท้าชา รู้สึกร้อนวูบวาบ ทั้งที่ไม่เคยเป็นคนขี้กลัว แต่ไม่รู้กลัวอะไร ประมาณนี้ ( มันเหมือนจะตายจิงๆเวลาอาการมา ) หลังอาการแพนิคสงบลง ผู้ป่วยมักรู้สึกอ่อนเพลียไม่ค่อยมีแรง และกังวลว่าอาการจะกลับมากำเริบอีก
ผลจากการ วิจัยสาเหตุของคนที่เป็นโรคนี้
ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ใช้ชีวิตเร่งรีบเกินไป ตื่นสาย รีบกินอาหารไวเกินไป
อยู่กะหน้าคอมเป็นเวลานานๆ ไม่กินข้าวเช้า นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ จริงจังกะชีวิต อยู่ในสภาวะกดดันเป็นประจำ ไม่ออกกำลังกาย หายใจสั้นๆ ติดมือถือ เล่นคอมเป็นเวลานาน
อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มีนิสัยเป็นคนคิดมาก ชอบคิดทำอะไรหลายๆอย่างในช่วงเวลาเดียวกัน เคยมีอดีตที่ฝังใจ เคยอกหัก เคยสูญเสีย เคยมีผลกระทบกะจิตใจมาก่อน
และสุดท้ายเป็นเพราะกรรมพันธ์มีประวัติญาติหรือคนในครอบเคยเป็นโรคนี้มาก่อน
** รวมถึงคุณแม่หลังคลอด ที่ไม่ได้อยู่ไฟ ก็จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
โรคแพนิค ไม่มีอันตราย ไม่ทำให้ผู้ป่วยตาย หรือเป็นโรคร้ายแรง อาการนี้ทำให้เกิดความไม่สบายใจเท่านั้น ยิ่งผู้ป่วยกังวลมาก อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่า อาการแพนิค หรือ แปลว่าตื่นตระหนก นั่นเอง
*** โรคนี้พูดง่ายๆ เกิดจากการใช้ชีวิตแบบผิดๆ ตากตรำเกินไป มีความเครียดสะสมมากเกินไป ขาดการออกกำลังกาย ทำตัวเป้นมนุษย์ไซเบอร์ ติดมือถือกะคอมมากเกินไป จนไม่ได้พักผ่อนสายตาอย่างที่ควรจะเป้น กินอาหารไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา จนร่างกายและสมองเสียสมดุล จนถึงเวลาที่สมอง ร้องออกมา ว่า "นี่ฉันรับกับพฤติกรรมที่คุณทำอยู่ไม่ไหวแล้วนะ" จึงแสดงอาการมาประท้วง เรียกว่าอาการ แพนิค
วิธีการรักษาโรคแพนิคให้หายขาดอย่างถาวร
แนวทางรักษาแพนิคด้วยวิธีธรรมชาติ
การรักษาโรคนี้ให้หายขาด คือ เราต้องหยุดพฤติกรรมทั้งหมดที่ทำร้ายสมอง อย่ามีข้ออ้าง หันมาดูแลตัวเอง กินนอนให้เป็นเวลา หันมากินอาหารเช้าข้อนี้สำคัญมาก ออกกำลังกาย หยุดเล่นมือถือเป็นเวลานานโดยเฉพาะ เกมแคนดี้ ไพ่แท็กทัส เกมพวกนี้ ทำให้เรามีความเครียดสะสม เนื่องเราจะรู้สึกเครียดเวลาเราเล่นไม่ไม่ผ่านด่านสักที หรือรู้สึกเซงเวลาเล่นเกมไพ่แท็กซัสแล้วเสีย กลายเป็นความเครียดสะสมโดยเราไม่รู้ตัว
เลือกออกกำลังที่ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการเล่นกีฬา เช่น ตีแบด ตีปิงปอง ฝึกโยคะ คือเล่นอะไรก็ได้ ที่รู้สึกสนุก ได้หัวเราะไปกะการเล่น การที่เราได้เล่นกีฬาอะไรก็ตามที่ได้เล่นกะเพื่อน มันจะทำให้เรารู้สึกสนุกมากกว่าการที่เราออกกำลังกายคนเดียว
อย่าไปออกกำลังโดยการวิ่ง ผู้เขียนไม่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจาก โรคแพนิค มันก็คือโรคภาวะทางจิตโรคนึง คือโรค วิตก กังวล การวิ่งทำให้เรากังวลในขณะออกกำลังกาย พอกังวล เวลาหัวใจเต้นเร็ว เราก็จะเริ่มกลัว พอกลัวอาการก็จะมา และก็จะกลัวการออกกำลังไปในที่สุด ไม่กล้าที่จะออกกำลังอีก ทั้งที่การออกกำลังกายคือการที่ทำให้หัวใจแข็งแรงและระบบหมุนเวียนโลหิตและความดันดีขึ้น อย่ากลัวเวลามีอาการให้ปล่อยวาง อย่าตื่นตระหนก ให้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ คิดเสียว่าโรคนี้ไม่ตาย เดี๋ยวมันก็หายไป เมื่อร่างกายผ่อนคลายอาการต่างๆจะทุเลาลง
ฝึกนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิทำให้เราเกิดสติ และไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อมีสติอาการกลัวต่างๆ จะน้อยลง โรคนี้ไม่ตายอย่ากลัว บางคนเป็นมา 10 ปี ยังรอดมาได้ ดังนั้นอย่าตื่นตระหนก พยายามตั้งสติเวลาอาการมาเยือน ออกไปใช้ชีวิตปกติ ไปเดินเล่น ร้องเพลง เต้นรำ เดินห้าง ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆสนุกสนานร่าเริง ให้ชีวิตได้หัวเราะบ้าง โรคแพนิคกลัวการหัวเราะที่สุด ผู้เขียนขอยืนยัน การดมยาหอมช่วยระงับอาการได้ดีมากระหว่างมีอาการ หรือจะซื้อมาทานขณะมีอาการก็ได้ แล้วแต่สะดวก
ในรายที่เป็นมากจนไม่สามารถคุมอาการด้วยตนเองได้ ผู้เขียน แนะนำว่าท่านต้องพึ่งยาแล้วละครับ
อย่ากลัวการทานยา จากการที่พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยาไม่มีอันตรายใดๆ ยาจะช่วยให้เราปรับสมดุลสารเคมีในสมองได้เร็วขึ้น เหมือนเวลาเราปวดหัวแล้วเราทานยาแก้ปวดนั่นแหละคับ ก็จะหายปวดเร็วกว่า การที่เราปล่อยให้มันหายปวดเอง การทานยาช่วยในการรักษาได้ 70 ถึง80 เปอร์เซนต์ครับ
ที่เหลืออยู่ที่การปรับการใช้ชีวิตประจำวันครับ ถึงเราทานยารักษาหายขาดแล้ว และเรากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม อาการต่างๆก็กลับมาเป็นอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ ดังนั้นวีธีรักษาที่ยั่งยืนที่สุดคือ การปรับการใช้ชีวิตของเรานี่แหละครับ อย่ามีข้ออ้างอีก ถ้าคุณอยากหายจากโรคนี้
แนวทางรักษาแพนิคด้วยยา
1. ยา“พระเอก” หมายถึงยาที่ใช้เป็นหลักในการรักษา ต้องใช้ต่อเนื่องตามระยะเวลาที่แพทย์
กำหนด เมื่อเราทราบแล้วว่าโรคแพนิค สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง
โดยเฉพาะสารซีโรโทนินจึงได้มีการคิดค้นยาเพื่อปรับสารเคมีดังกล่าวให้เข้า สู่ภาวะสมดุลซึ่งเป็น
กลุ่มยากลุ่มเดียวกับที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า ยาในกลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ช้า ผู้ป่วยต้องรับประทานยา
อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์จึงจะเริ่มได้ผล ผลที่ได้คือการเกิดอาการแพนิคจะ
ห่างลงเรื่องๆและอาการแพนิคที่เกิดขึ้นก็จะ เบาลงเรื่อยๆทำให้ผู้ป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องรับ
ประทานยา “พระรอง” น้อยลงเรื่อยๆจึงเป็นการค่อยๆหยุดยา “พระรอง” ไปในตัว โดยทั่วไปเมื่อ
เริ่มให้ยา “พระเอก” และค่อยๆเพิ่มยาขึ้นแพทย์มักสามารถควบคุมอาการให้หายสนิทได้ในเวลา
ประมาณ 1-2 เดือนเมื่อผู้ป่วยหายสนิทแล้วต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อไปอีก 8-12 เดือน
แล้วจึงค่อยๆหยุดยา มีผู้ป่วยบางรายที่กลับมีอาการอีกเมื่อลดยาลงถึงระดับหนึ่งในกรณีเช่นนี้ให้
เพิ่มยากลับขึ้นไปในระดับก่อนที่จะมีอาการกลับมาอีก รอไว้ 2-3 เดือนแล้วค่อยๆลดยาลงช้าๆจน
สามารถหยุดยาได้อย่างไรก็ดีควรให้ผู้ป่วยทราบว่า โรคแพนิคเป็นโรคเรื้อรังเมื่อหยุดยาไประยะ
หนึ่งผู้ป่วยอาจกลับมามีอาการอีก ได้ และจะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่เลิกรับประทานยาไม่ได้และต้อง
รับประทานยา “ป้องกัน” ในขนาดน้อยๆต่อไปเรื่อยๆซึ่งก็ไม่มีอันตรายอะไร
2. ยา“พระรอง” พระรองในที่นี้หมายถึง ยาที่ช่วยบรรเทาอาการเป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็วสามารถระงับ
อาการแพนิคที่เกิด ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วยาประเภทนี้คือยาคลายกังวลยาที่นิยมใช้คือ
alprazolam แต่ก็อาจใช้ lorazepam, clonazepam, หรือแม้แต่ diazepam ก็ได้เราจะให้ผู้
ป่วยรับประทานยาเมื่อเกิดอาการแพนิค อาการแพนิคจะหายไปอย่างรวดเร็วแต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ผู้
ป่วยอาจเกิดอาการแพนิค ขึ้นมาได้อีกปัญหาที่สำคัญของยาในกลุ่มนี้คือสามารถเกิดการเสพติด
ได้ถ้าใช้ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆนั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ยากลุ่มนี้เป็นได้แค่พระรอง เพราะจะให้ใน
ช่วงสั้นๆเท่านั้น ข้อมูลจากบทความสุขภาพ วารสารก้าวทันโรค โรงพยาบาลพระรามเก้า
ตัวอย่างประวัติและอาการผู้ที่เป็นโรคนี้
ขอแชร์ประสบการ์ณที่เป็นโรคนี้นะคับ ผมอยู่ในสังคมค่อนข้างแย่ มีปัญหาในครอบครัวที่บ้านมีปัญหาหนี้สิน ที่อยู่อาศัยก็คับแคบในชุมชมสลัมแห่ง หนึ่ง นอนไม่เคยหลับสนิทซะคืน เพราะที่ผมอยู่มันมันห้องเล็กๆ อยุ่รวมกันหมด พ่อ แม่ น้อง ผม นอนรวมกันเลย แม่จะเลิกงานกลับมาถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน พ่อลุกไปทำงานตอนตี 3 ทุกครั้งที่มีคนเข้าออกต้องเปิดไฟ และมีเสียงดัง โอกาสที่ผมจะหลับสนิทเป็นไปได้ยากมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดมาทำงานใน กทม มาอยู่นี้เลยไม่มีเพื่อนไม่รู้จักใคร เลย บวกกับเป็นคนขี้อาย เลยไม่ได้ออกบ้านไปคุยกะใคร เลยค่อนข้างเก็บกด อยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ โดยความที่เกิดมาจน และอยู่สังคมที่ต่ำผมเลยเป็นคนช่างฝัน เวลามีความรักผมก็จะทุ่มเทแบบหมดใจ เพราะความจนผมจึง อกหักนับครั้งไม่ถ้วน...TT
ตื่นนอนผมชอบตื่นสายคับ พอตื่นสายเลยต้องรีบอาบน้ำ เร่งรีบไปทำงานโดยกลัวไปทำงานไม่ทัน คือตื่นมาไม่มีเวลานั่งเล่น กินข้าวประมาณนั้น รีบอาบน้ำเลย
กลับมาจากที่ทำงานก็อยู่กะหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน (เป็นทางออกเดียวที่แก้เหงาในความคิดผม) นานนี้ถึงตี 2 ทุกวัน ติดคอมจนกินข้าวไม่เป็นเวลา การที่ชอบท่องเน็ตและอยากรวย เลยเล่นพนันออนไลน์ เรียกว่าติดพนันนี่อยู่ 2 ปี เวลาเสีย อารมณ์ก็ หดหู่ ท้อแท้ ซึมเศร้า เครียดนอนไม่หลับ เสพอารมณ์นี้อยู่ 2 ปี
จนวันหนึ่งเล่นคอมอยู่ประมาณตี 3 โดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็น
ความรู้สึก เหมือนจะหิวเลยลุกไปกินน้ำ พอมานั่งเล่นคอมต่อ เหมือนหน้าจะมืด วูบๆ ใจสั่นระรั่ว ในใจคิดขึ้นมาทันที หัวใจเราจะวายไหมนี่ เพราะได้ข่าวคนเล่นคอมตาย เลยกลัวพอกลัวอาการเลยมาแบบจัดหนักเลย ทั้งใจสั่น กระวนกระวาย หายใจไม่ออก เหมือนจิตจะหลุด วิญญาณจะออกจากร่าง ตื่นตระหนกสุดขีด
คิดว่าตัวองตายแน่ ใจจะขาดให้ได้ เลยเรียกแม่ แม่เลยชงยาหอมให้กิน สักพักอาการเลยสงบลง บวกกับยังไม่ได้นอน เลยเพลียหลับไป
ตื่นเช้ามาเหมือนร่างกายเปลี่ยนไป เดินรู้สึกโคลงเคลง สะดุ้งตกใจง่าย หายใจไม่อิ่มเหมือนเดิม เหมือนจิตกะสมองทำงานไม่สัมพันธุ์กัน เลยเริ่งสังเกตุอาการตัวเองทั้งวันกลัวเป็นโรคร้ายแรง
จนวิตกกังวลกลัวจะเป็นอีก เป็นอาการนี้อยู่ 2 อาทิตย์ เลยตัดสินใจไปหาหมอกลางดึกที่ราชวิถี หมอตรวจหัวใจ ความดัน ตรวจทุกอย่างบอกปกติดีทุกอย่าง หมอบอกว่าน่าจะเป็นโรคแพนิค และหมอก็อธิบายให้ฟังว่าโรคนี้ไม่ตาย แต่ถ้ารบกวนชีวิตประจำวันก็ต้องทานยา พอผมได้ยินว่าโรคนี้ไม่ตายผมก็ใจชื่นและกลับบ้านมาด้วยความโล่งใจ จะใช้ใจสู้กะโรคนี้ จะยิ้มให้มันแหละปล่อยวาง
ข้อมูลจาก facebook พิชิตแพนิคได้..ในสามสิบวัน
อ่านเพิ่มเติมได้จาก http://panicdisordertherapeuticcurethailand.blogspot.com/