ชีวิตน้ำเน่ายิ่งกว่านิยาย กับผู้ชายเจ้าชู้**ต้องอ่าน**

กระทู้สนทนา
มันเริ่มจากปี 2006
เราได้มีโอกาสมาอยู่ต่างประเทศ เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง บ้านล้มละลาย หนีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปีที่เลวมาก ทำร้ายทั้งด้วยคำพูดและร่างกาย(เค้าหน้าตาแย่มาก นิสัยก็แย่ เราก้อไม่ได้สวยอะไร แต่ตัวเล็กๆ คนจีบก้อใช้ได้อยู่ แต่ไม่รุ้ทำไมโง่อยู่กับเค้ามาได้ไม่ลืมหูลืมตา) และคิดว่าถ้ายังอยุ่เห็นกันต่อไปคงเลิกไม่ได้แน่ เลยตัดสินใจมาหาชีวิตใหม่ มาก่อน ละเด๋วดูท่าทีกันไป

พอมาถึง ก้อมีความสุข ชีวิตมีอิสระ ตัวคนเดียว อย่างว่า มาใหม่ๆ ตอนนั้นอายุ 23 อะไรๆใหม่ๆก็น่าตื่นเต้นไปหมด ก็ msn คุยกับแฟนตลอด เราเป็นคนซื่อสัตย์และค่อนข้างหัวโบราณในเรื่องรักเดียวใจเดียว คือมีอะไรกับคนนี้คนแรก ยังไงซะ เราก็คงต้องแต่งงานกับคนนี้ เป็นแฟนคนแรก และคนเดียวที่ผ่านมา
พอมาอยู่ได้ 3-4 เดือน เริ่มมีอะไรหลายๆอย่างไม่ชอบมาพากล เค้าผิดสังเกตในหลายๆเรื่อง บวกกับเพื่อนๆที่ไทยส่งข่าวมาว่าเหนเค้าควงกับ ผญ อื่น เราถามและให้โิกาสเค้าพูดหลายครั้ง แต่อย่างที่รู้ๆกัน ผช ไม่เคยยอมรับความผิด หรือรับ ก็รับครึ่งเดียว เราในฐานะอยู่ห่างกัน ก็ทำไรมากไม่ได้ที่จะเสาะหาความจริง 100% เวลาถามไรไป ก็ด่าเราเสียๆหายๆด้วยคำหยาบคายตลอดเวลา เราก็เสียใจ บอกตรงๆ พ่อแม่เลี้ยงมาดีมากในฐานะคนชั้นกลางครอบครัวนึงจะเลี้ยงลุกสาวคนนึงให้ดีที่สุดได้ มีการศึกษาที่ดี ในสังคมที่ดี พร้อมทั้ง connection เพียบ เราจึงไม่คิดว่าการที่เราทนอยู่ต่อไปจะเป็นการดีต่อเราเองและครอบครัวในระยะยาว
เราอยู่ต่อมาแบบแย่ๆกับแฟนจนเข้าเดือนที่ 6 ที่ต่างประเทศ บอกเลิกเรามาตลอดที่เราถามเรื่อง ผญ เพราะหาว่าเรางี่เง่า มันเรื่องของเค้า เค้าจะไปไหนกับใครก็เรื่องของเค้า จนได้มีโอกาสคุยกับ ผช คนนึงทาง msn เค้าน่ารัก กวนๆ หลายๆอย่างคุยกันถูกคอ เริ่มคุยกันตลอดเวลา ออนกล้องตลอดแต่ไม่มีโอกาสเจอกันเพราะอยู่คนละรัฐ เราก็คิดแค่ว่า อย่างน้อยมีเพื่อนไว้คุยปรึกษา
จนวันนึง เพื่อนที่มหาลัยที่เรียนด้วยกันที่ไทย ชวนเรามางานไทยที่รัฐนี้ เราเลยได้โอกาสเจอเค้าและเดทกัน ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ครอบครัวเค้าน่ารัก และก็ดีกับเรา เอ็นดูเรามาก
เราหมดเวเคชั่น กลับไปรัฐเรา ก็คุยกันต่อมาเรื่อยๆใน msn จนเราลืมเรื่องแฟนที่ไทยได้แล้ว เราจึงตกลงเป็นแฟนกันและแพลนจะย้ายมาอยู่กับเค้าอีก 1 เดือนต่อมา เค้าก้อเริ่มบอกความจริงว่า จริงๆเค้าอายุ 18 ซึ่งห่างเรา 5 ปี เราก็ เออ...ไม่เห็นเป็นไร เราไม่เคยแคร์เรื่องนี้ เอาแค่เค้าดี
จนเราย้ายมาอยู่กับเค้าในปลายปี 2006 ทุกอย่างสวยงามมาก เป็นไปได้ด้วยดี เราทำงานด้วยกัน รักกันมาก เราแทบเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเค้า(ระหว่างนี้แฟนที่ไทยเริ่มเห็นเราหายไปจริงๆ ก็เริ่มอีเมลล์มาง้อเรื่อยๆ แต่เราไม่ได้ตอบไรไปมากมาย)
จนต้นปี 2007 เราท้อง เราสับสนมาก พ่อจะว่าไง?ยังไม่แต่งงาน? ทุกอย่าง?
เราตัดสินใจเริ่มต้นที่บอกแฟนเก่าว่าทุกอย่างระหว่างเค้ากับเราจบ เราบอกความจริงทุกอย่าง เรามีคนใหม่ เราท้อง เรารักคนใหม่แล้ว หยุดติดต่อเราซักที เราไม่อยากให้แฟนใหม่เข้าใจผิดและไม่สบายใจ เค้าฟูมฟาย เสียใจ แต่เราต้องเดินหน้าต่อไป เราไม่ใช่คนโลเล ไม่เคยถอยหลัง เราทำทุกอย่างในทุกๆวันดีที่สุดแล้ว และจะไม่มีวันเสียใจ และไม่มีคำว่า "รู้งี้...."
เราบอกพ่อ พ่อโอเค ครอบครัวแฟนใหม่ก็โอเค ทุกอย่างสวยงาม เรากำลังมีครอบครัวที่สมบูรณ์
เรากับแฟนช่วยกันทำงาน เลี้ยงลูกเอง ทำงานกัน full-time ทั้งคู่ เอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานด้วย(ทำงานร้านอาหาร ในครัว ทำกันร้านเล็กๆ 2 คนกับแฟน ช่วยกัน เวลาเราให้นมลูก แฟนก็ทำคนเดียว พอเราให้นมลูกเสร็จ ให้แฟนพัก เราก็ช่วยกัน) เป็นเวลาที่มีความสุขมาก
ระหว่างนี้ก็มีเห็นๆแฟนแชทคุยกับคนบ้าง แต่ด้วยลูกเล็ก เราก็เหนื่อย เลยไม่ได้เช็ค และบอกตรงๆเราไว้ใจแฟนมากๆๆๆ (ปล.การบ้าน งานเรือน เรื่องบนเตียง เราไม่เคยละเลย ต่อให้เพิ่งคลอดลูก แต่เราเต็มที่กับแฟนเสมอ เราแก่กว่า 5 ปี แต่เราให้เกียรติเค้ามาก และเคารพ เทิดทูน ไม่เคยให้เค้ารู้สึกเด็กเลย)

จนปี 2008 เราย้ายกลับเข้ามาในเมือง งานต้องแยกกันทำ ไม่ได้ทำที่เดียวกันแล้ว เราทำงานเป็นกะ 3 กะ คือ 6-9 เช้า กลับมาให้นมลูก เตรียมข้าว อาหาร เอาลูกไปฝากเพื่อน อีกที 2-4 เย็น กลับมาให้นมลูก และออกไปอีก 5-10 เลิกงาน กลับบ้าน กินข้าวเย็นกัน เราก็จะมีเวลาตอนนี้อยู่กับแฟน 2 คนหลังจากลูกหลับจนตี 1-2 เราก็ต้องนอนเพราะทำงานเช้า คือเรารู้ว่าเราเหนื่อยมาก แต่เราอดทนได้ เพราะรู้ปัญหาสามี ภรรยา เรื่องหลังมีลูกมาเยอะ เพราะงั้นเราจึงทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เท่าที่กำลังเราจะทำได้ จนต้นปี 2009 เราท้องคนที่สอง  เราก็กลุ้มนะ เพราะคนแรกก็ยังเล็ก แต่เราก็ไม่เคยกลัวความยากลำบาก
นาทีนี้นี่เอง เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาท อินเตอร์เน็ตเมืองนอกเร็ว ทุกอย่างง่าย ตื่นเต้น เริ่มมี social network เพิ่มมากขึ้น เราได้เริ่มเห็นแฟนแชท ผญ มากขึ้น แต่ไม่เคยพูดไรมากมาย มีคุยๆเตือนๆบ้าง แต่ไม่เคยเอามาเป็นเรื่องทะเลาะใหญ่โต เฟสบุ้คไม่ต้องพูดถึง สาวเพียบ!! Instagram นี่ถึงกับขนาดลบเราออกจากลิสและตั้ง private เลยทีเดียว ไม่ให้เรารู้ได้เลยว่าเค้าตามใคร like สาวไหนบ้าง

ท้องสองนี้ เค้าไม่เคยพาเราไปหาหมอ ฝากท้องเลย เราไปของเราเองคนเดียวตลอด 9 เดือน มีน้อยใจบ้างตามประสาคนท้องฮอโมนเปลี่ยน แต่ก็เข้าใจว่าเค้าก็ต้องทำงาน และเราก็ไปเองได้

เรามีชีวิตแบบนี้เรื่อยมา แบบที่นั่งดูแฟนคุยแชทจีบ ผญ มาตลอด ในใจเจ็บ แต่ปลอบใจไปว่า"ก็แค่แชท" คงไม่มีไร

เรากับแฟนยังมีเวลาให้กันตลอด เราไปทำงานกับเค้าตลอด คอยช่วยขับรถ ทั้งๆที่ท้องแก่ แต่ทำไปเพราะแค่อยากอยู่ด้วยกันครอบครัว และเค้าก้อบอกเค้ามีความสุขที่เป็นแบบนี้ เราทำงานปกติช่วงกลางวัน และช่วงเย็นก็มาช่วยเค้าต่อ ต่อให้เหนื่อย หนัก แต่เราก็มีความสุข

แฟนก็เริ่มมีชีวิตที่สนุก ทำงาน มีเพื่อนเยอะ เริ่มโกหกเราทุกๆอย่าง ไปรับส่งใคร บางทีแค่เพื่อน ก็ต้องโกหกเรา แต่หลังคลอดลูกคนเล็กได้ 2-3 เดือนเริ่มไม่อยากให้เราแวะไปหาที่ทำงาน ดูอึดอัด บางทีไปถึงที่แล้ว ก็บอกเราว่า ร้านยุ่ง ไม่มีเวลามั่ง
เราเข้าใจว่าเค้ากำลังเป็นหนุ่มเต็มตัว เพราะเค้ามีลูกตั้งแต่ 19 เค้าไม่เคยมีชีวิตวัยรุ่น เราเข้าใจมากๆ และถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเราก็เต็มที่ให้ทุกอย่าง เรานั่งดูเงียบๆอยู่ห่างๆตลอดมา ทำทุกอย่างปกติ เป็นเมียและแม่ที่ดีมาตลอด(ไม่ได้ชมตัวเอง)

หน้าร้อนปี 2011 ได้ไปเที่ยวต่างรัฐครั้งแรกด้วยกัน หลังจากอยู่กินกันมา เราพาเค้าไปดูแสงสีทุกอย่างที่เค้าไม่เคยไปและอยากไป พาไปดู strip dance แถมให้ private dance กันด้วย เค้ามีความสุข เราก็มีความสุข คิดแค่ มันก็แค่สีสันของชีวิต คือ spoil เค้าทุกๆอย่าง

กลางปี 2011 เราไปหาหมอและพบว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ไม่ใหญ่โตอะไร มีสิทธิ์หาย แต่เราไม่ได้บอกใคร อีกอย่าง แฟนก็ไม่เคยใส่ใจถาม เราก็ใช้ชีวิตปกติ จนมีวันนึงเป็นลมขณะขับรถตอนเช้าไปทำงาน เจ้านายพาเราไป รพ และพยายามติดต่อแฟนเรา แต่เค้าไม่รับสายเลยจนบ่าย (มารู้ทีหลังว่า เค้าไปรับน้อง ผญ ที่ทำงานด้วยกัน ไปทำงานกัน ร้องไห้ จน ณ นาทีนี้ เราก็ไม่รู้ความจริงซักทีว่าเค้าสองคนมีอะไรในกอไผ่กันรึเปล่า รู้แค่แฟนแคร์ทุกคน ทำทุกอย่างเพื่อทุกคนได้ ยกเว้นเราและครอบครัว)
จนสิ้นปี 2011 ช่วงคริสมาสต์ เราตัดสินใจคุยเปิดใจในทุกๆเรื่อง แต่ก็เช่นเคย ไม่รับ หาว่าเราคิดไปเองมั่ง ฟังคนอื่นมั่ง เราเองก็ทำอะไรไม่ได้นาทีนั้น เพราะไม่มีหลักฐานอะไร กับคนนี้จึงได้แค่ปล่อยไป

ต้นปี 2012 คืนหนึ่ง เรากำลังนั่งกินข้าวกับลูก และแฟนให้เราโทรศัพท์ติดต่อบริษัทอินเตอร์เน็ตเพราะเน็ตมีปัญหา เราใช้โทรศัพท์แฟนต่อ เพราะต้องใช้เครื่องเราดูหมายเลข account ก็รอสายมาพักนึง ละเริ่มร้อนหู เลยเปิด speaker ไว้ แป้บนึง whatsapp เครื่องแฟนเด้งมาว่า"what are you doing honey? I miss you" เราเปิดเข้าไปอ่าน ......ช้ำและจุก!!! ตกใจ งง จนต้องกลับหลังโทรศัพท์ดูว่าเครื่องใครวะเนี่ย?? หยิบผิดรึเปล่า บทสนทนาพรอดรัก และคบกัน  เราตกใจเอาไปให้สามีดู เค้าก้อตกใจ แต่สัญชาตญาณ ก็ฟึดฟัดๆ โมโหเรากลบเกลื่อน ละบอก "เออๆ เราผิดเอง ไม่ต้องห่วงนะ เราจะไปจากชีวิตเธอแน่นอน" แล้วเค้าก็ออกจากบ้านไปตอน 4 ทุ่ม หายไปเลย เรานอนเป็นบ้า ร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก อยากหนีไปหาเพื่อน ลูก 2 คนก็นอนอยู่ เลยตัดสินใจ รอวันรุ่งขึ้นดีกว่า ข่มตานอนซะ
ซักพัก เค้ากลับมาตี 2 มาง้อ ขอโทษ อธิบายทุกอย่าง ร้องไห้ เหมือนสำนึกผิด เค้าบอกไม่รู้เป็นอะไร ทำไมเค้าถึงหยุดคุยกับ ผญ ไม่ได้ เราเห็นว่า คงแค่แชทจริงๆ เนื่องด้วย ผญ อยู่อีกประเทศนึง คงแค่แก้เหงากัน เราตัดสินใจให้อภัย และทุกอย่างกลับมาปกติใน 2-3 วัน หลังเกิดเรื่อง เราไปเที่ยวกัน มีความสุขกับครอบครัว ทุกอย่างดูจบลงแล้ว

แต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เราไม่เหลือความเชื่อใจอีกเลย ระแวง อยากเช็คนั่นเช็คนี่ แต่เค้ากลับเปลี่ยนพาสเวิดทุกอย่าง เราเลยตัดใจเลิกเช็ค

เราคุยกันเรื่องแต่งงานมาตลอด แต่เค้าเลี่ยงที่จะพูดถึงเสมอมา ด้วยเพราะเราอยากให้ครอบครัวเราสบายใจ เราสบายใจ เพราะที่ผ่านมาเวลาเค้าแชทกับ ผญ เค้าจะบอกเสมอว่า"เค้าโสด" "ยังไม่ได้แต่งงาน" เราคุยจนเราท้อ เสียใจ ตัดใจ จนเราบอกว่า โอเค...เราพอแล้ว มันน่าสมเพศที่เราต้องเป็นฝ่ายมาคุยกับ ผช เรื่องแต่งงาน เมื่อไหร่ที่คุณพร้อม ค่อยเป็นฝ่ายมาบอกเราละกัน

แต่แล้วในที่สุด เราก้อได้แต่งงานกันสิ้นเดือน สค 2012 จัดพิธีในโบสถ์และมีแค่เพื่อนเรา เพื่อนเค้า แม่เค้า และลูก 2 คน เป็นพยาน และวันนั้นเอง เค้าทำให้เราชะล่าใจว่า"เค้าหยุดแล้ว" เราคิดว่าเค้าคงตัดสินใจอยากใช้ชีวิต และพร้อมจะมีแค่เราแล้วจริงๆ
ตอนนี้เราได้เป็น "สามีภรรยา" ที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

เหตุการณ์ผ่านมาจนถึงเหตุการณ์ที่เราตัดสินใจมาเขียนเรื่องราวในวันนี้ก็มาถึง
เรื่องราวต้องจดจำที่สุดในชีวิต!!

ต้นเดือน ตค 2013 เป็นช่วงเตรียมตัวฮาโลวีน เราก็ยุ่งมาก ยุ่งเตรียมเสื้อผ้าลูกด้วย หลายๆอย่าง ช่วงนี้เอง เราได้สังเกตหลายๆอย่างเปลี่ยนไป สามีเริ่มกลับบ้านผิดเวลา อาจจะไม่เลทมาก แต่ผิดเวลา ช่วงกลางวันมีช่วงพักเบรค เค้าบอกไปยิม แต่เราบังเอิญไปยิมคืนหนึ่ง แล้วพนักงานบอกว่า ไม่มีการมาใช้ facility นานแล้ว อาจต้องปรับแพลน เราก็งง เพราะสามีบอกเข้ายิมทุกวันช่วงเบรค (เราเป็น family member) เราเริ่มได้กลิ่นแปลกๆว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

ช่วง 2 อาทิตย์ก่อนฮาโลวีน เราเริ่มเห็นการแชทกับ ผญ ของเค้าอีก เพราะเราเคยเห็นตอนกลางคืนเวลาเราหลับ แต่ในช่วงพลิกตัว เราเห็นพอดี แต่ก็แกล้งหลับต่อไป ไม่ให้เค้ารู้ตัวอะไร
บางทีเวลานั่งด้วยกัน กินข้าวกัน นั่งตรงข้ามกัน เราจะเห็นเค้าแชทคุยกัน แฟนเราใส่แว่น(สายตาสั้นมาก) ใส่ตอนอยู่บ้าน ออกไปข้างนอกจะใส่เลนส์ มันสะท้อนแว่น เห็นว่าส่งรูปให้กัน ส่ง emoticon น่ารักๆ(ผช ไหนจะส่งหากันแบบนี้) เห็นทาง ผญ ส่งรูปมาให้ เรามั่นใจละว่าแชทกับ ผญ อีกละ แต่เราไม่ใช่คนกระโตกกระตาก จะทำอะไรต้องมั่นใจและรอบคอบ เราคอยๆดูอย่างห่างๆ ไม่ให้เค้ารู้ตัว จนมีวันนึง มีโอกาสได้เห็นชื่อ ผญ ใน line โดยบังเอิญ ตอนเค้าคุยและจังหวะเราเดินผ่าน (ปกติเค้าจะเร็วมาก ทำเนียนๆ ถ้าเค้ารู้ว่าเราจะมอง จะทำเป็น double press ปุ่ม home iphone ละเอาแอพอื่นขึ้นมาทำเป็นแสร้งว่าเล่นแอพนั้นๆอยู่) เราจำชื่อ ผญ คนนั้นไว้ แล้วเอามาเซิชดูในเฟสบุ้ค ก็ได้เจอเด็ก ผญ คนนึง ที่มั่นใจ 90% เพราะในโปรไฟล์เค้าทำงานใกล้ๆร้านของสามี และอยู่เมืองเดียวกันกับที่แฟนทำงาน อีกอย่าง มีรูปนึงในโปรไฟล์เค้า เหมือนเราเคยเห็นที่เค้าส่งมาหาสามีใน line ที่เราเห็นสะท้อนแว่น(ไม่ชัดเจน แต่ก็พอจับโครงรูปได้) เราหาข้อมูล ผญ ก่อน เซิชกูเกิ้ลดูที่ทำงานเค้า มีเบอร์ที่ทำงาน ผญ คือเอาเป็นว่า เรามีข้อมูลคนนี้ละ และทำนิ่งๆต่อไป ดูเค้าแอบคุยกันต่อไป อย่างที่เค้าไม่ได้ระแคะระคายว่าเราพอรู้เรื่องแล้ว

จนเช้าวันพุธที่ 30 ตค 2013 เราบอกให้เค้ามาส่งลูกให้เราที่ทำงานหลังจากเค้ารับลูก เพราะเมืองที่เราทำงานจัดฮาโลวีน และพยากรณ์อากาศบอกว่าวันฮาโลวีนฝนอาจตก เราเลยอยากพามางานวันนี้ เค้าดูหงุดหงิดๆบอกวันหลังๆ ละฟึดฟัดๆพูดจาไม่ค่อยดี เราก้อเลยงอนๆกันไปเช้านั้น แต่ในที่สุดเค้าก็ยอมมาส่งลูกให้เราที่ทำงาน
พอเคัาออก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่