อนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง กรรมการสิทธิมนุษยชน ตำหนิรัฐที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงดูแลการชุมนุมทางการเมือง เพราะละเมิดสิทธิประชาชน และวันนี้(14 พ.ย.)เปิดพื้นที่ให้ ผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐ แสดงความคิดเห็น เนื่องจากเกรงความรุนแรงซ้ำรอยปี 2553
อนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดพื้นที่ให้ตัวแทนผู้ชุมนุมทางการเมืองกลุ่มต่างๆ เจ้าหน้าที่ของรัฐ แสดงความเห็นกรณีการชุมนุมทางการเมือง ตามคำร้องของกลุ่มราชสกุล เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ความรุนแรง เหมือนกรณีทหารสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
โดยตัวผู้ชุมนุม ต่างกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ สะกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน ซึ่งเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เช่น นายถาวร เสนเนียม แกนนำผู้ชุมนุมพรรคประชาธิปัตย์ถนนราชดำเนิน แสดงความกังวลกรณีที่ตำรวจติดป้ายประกาศพื้นที่ใช้เเก๊สน้ำตา เป็นการประกาศใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม รวมทั้งการดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 , 116 กรณีประกาศเชิญชวนหยุดงาน และชะลอการจ่ายภาษี ซึ่งเป็นสิทธิสามารถทำได้
ขณะที่ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ชี้แจงว่า การประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของผู้ชุมนุม โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์ของมือที่ 3 ไม่มีเจตนาสะกัดกั้นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
สอดคล้องกับเหตุผลจากตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม และประชาชนที่พักอาศัยใกล้เคียงการชุมนุม โดยไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง รวมทั้งการดูแลสถานที่ราชการสำคัญ ซึ่งการวางแท่นปูน รั้วลวดหนาม และกำลังตำรวจก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการเหมือนกรณีปี 2551
ขณะที่เดียวกัน นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานผู้สังเกตการณ์ เห็นว่า กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ ควรเรียกร้องให้มีการตราพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะมาบังคับใช้ เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ดูแลการชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐ ให้อยู่กรอบของกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมมักอ้างสิทธิตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิที่กว้างขวาง และหากมีการกระทำผิดก็ควรดำเนินคดีตามกรอบของกฎหมายอาญา เหมือนในประเทศสหรัฐ
ที่มา:
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/88055.html 
กรรมการสิทธิมนุษยชน ตำหนิรัฐที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง
อนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดพื้นที่ให้ตัวแทนผู้ชุมนุมทางการเมืองกลุ่มต่างๆ เจ้าหน้าที่ของรัฐ แสดงความเห็นกรณีการชุมนุมทางการเมือง ตามคำร้องของกลุ่มราชสกุล เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้ความรุนแรง เหมือนกรณีทหารสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
โดยตัวผู้ชุมนุม ต่างกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ สะกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน ซึ่งเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เช่น นายถาวร เสนเนียม แกนนำผู้ชุมนุมพรรคประชาธิปัตย์ถนนราชดำเนิน แสดงความกังวลกรณีที่ตำรวจติดป้ายประกาศพื้นที่ใช้เเก๊สน้ำตา เป็นการประกาศใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม รวมทั้งการดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 , 116 กรณีประกาศเชิญชวนหยุดงาน และชะลอการจ่ายภาษี ซึ่งเป็นสิทธิสามารถทำได้
ขณะที่ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ชี้แจงว่า การประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของผู้ชุมนุม โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์ของมือที่ 3 ไม่มีเจตนาสะกัดกั้นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
สอดคล้องกับเหตุผลจากตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม และประชาชนที่พักอาศัยใกล้เคียงการชุมนุม โดยไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง รวมทั้งการดูแลสถานที่ราชการสำคัญ ซึ่งการวางแท่นปูน รั้วลวดหนาม และกำลังตำรวจก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการเหมือนกรณีปี 2551
ขณะที่เดียวกัน นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานผู้สังเกตการณ์ เห็นว่า กรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ ควรเรียกร้องให้มีการตราพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะมาบังคับใช้ เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ดูแลการชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐ ให้อยู่กรอบของกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมมักอ้างสิทธิตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิที่กว้างขวาง และหากมีการกระทำผิดก็ควรดำเนินคดีตามกรอบของกฎหมายอาญา เหมือนในประเทศสหรัฐ
ที่มา: http://shows.voicetv.co.th/voice-news/88055.html