“ม็อบราชดำเนิน”เดินเกมพลาด “อารยะขัดขืน”ทำเสียแต้ม!!

กระทู้ข่าว


วันนี้กลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆต้องเงียบเสียงลงไป หลังเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการตอบรับข้อเสนอให้รัฐบาลทำสัตยาบัน แล้วก็เป็นไปตามที่ร้องขอ พรรคเพื่อไทยนัดพรรคร่วมลงสัตยาบันรับปาก แน่นอนว่าสังคมระดับครูบาอาจารย์ รวมไปถึงฝ่ายตุลาการ ผู้พิพากษาต่างๆ ก็ต้องหลบมุมไป เคลื่อนไหวมากก็เข้าข่ายฝักใฝการเมืองจนเสียเกียรติ
       
       วันนี้ถึงคิวนักธุรกิจออกมาขานรับบ้าง ที่สีลมก็ประกาศยุติชุมนุมไปแล้ว เพราะเงื่อนไขที่ออกมาระดมพลต่อต้านได้รับการตอบสนองไปเรียบร้อยแล้ว
       
       ตอนนี้เงื่อนไขนิรโทษกรรม จึงเหลือเบาบางมาก เหลือเพียงม็อบบริเวณราชดำเนินเท่านั้นที่ยังคงชูประเด็นนี้มาห้ำหั่นรัฐบาล ออกตัวว่าคำมั่นสัญญา รวมทั้งสัตยาบันอะไรต่างๆ เชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนว่ากระแสจะจุดไม่ติดเหมือนเก่าก่อน [/b]เพราะรัฐบาลแสดงท่าทีตรงนี้ไปแล้ว การเคลื่อนไหวของบางกลุ่ม
       
       จึงถูกคนกลางๆมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมืองมากกว่าหรือไม่
       
       ต้องมาชั่งใจกันว่าจะร่วมเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลอะไร ชอบธรรมหรือไม่ วันนี้ต้องเรียกว่าเกมเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลเหมือนถอยไปจนสุดกระดานจนตั้งหลักได้ กำลังสืบเท้าเข้ามาเดินสู่เกมรุก หลังออกมาตรการตามที่ลั่นคำไว้ทั้งหมด จนบรรยากาศคลายความตึงเครียด
       
       ได้หายใจหายคอ เปิดเกมรุกทิ่มแทงฝ่ายต่อต้านด้วยข้อหาต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะการล้มล้างรัฐบาล โดยปราศจากเหตุผล เมื่อหมดเงื่อนไขของกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วก็พูดได้เต็มปากมากขึ้น
       
       มองไปที่ฝ่ายต่อต้าน ม็อบราชดำเนิน ของพรรคประชาธิปัตย์ดูเหมือนว่าไม่ได้คิดแผนรองรับสถานการณ์พลิกผันเอาไว้มากมายนัก เหมือนจะเดินหน้าถล่มรัฐบาลจนพังให้ได้สถานเดียว เมื่อเกมเปลี่ยนเร็วก็พลิกตำราสู้ไม่ทัน
       
       ทำไปทำมาก็ไม่มีธีมอะไรมากดดัน ไม่มีวาระการนำใดๆ ที่เรียกกระแสมวลชนมาเพิ่มเติมได้ วันนี้เหมือนกับจับมัดมือประชาชนเดินไปด้วยกัน หรือถีบหลังประชาชนออกมา ม็อบถูกลดความรุนแรงแข็งกร้างลงไป
      
       ในที่สุดก็ต้องหามุข หาอีเวนท์ใหม่มาจุดประเด็นเลี้ยงกระแส แสดงความจริงใจเอาจริงเอาจังในการเดินหน้าขับไล่รัฐบาลเต็มตัว สุเทพ เทือกสุบรรณ นำขบวนส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 8 ลาออกจากการเป็นส.ส. สร้างความฮือฮาเป็นข่าวใหญ่ แต่ต้องถามว่าแล้วยังไงต่อ!!!
       
       ในสภาพรรคประชาธิปัตย์ก็เหลือส.ส.อีกเป็น 100 แล้วก็ชัดเจนแล้วว่าจะเดินหน้าถล่มรัฐบาลในสภาด้วยเป็นคู่ขนาน ล่าสุดก็จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จะล้มรัฐบาลในสภาหรือนอกสภากันแน่ แท้จริงแล้วก็หวังทั้ง 2 ทาง การนำมันเลยไม่แจ่มชัด
       
       การชุมนุมไฮไลต์เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาที่ประกาศเดดไลน์ 6 โมงเย็น จะตั้งศาลประชาชนจัดการกับรัฐบาล ปรากฎว่า "ศาลเตี้ย" ไม่ทำงาน แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าทำอะไร สืบเนื่องเพราะปัจจัยไม่เกื้อหนุน
       
       "สุเทพ" ประกาศโพล่ง 4 มาตรการอารยะขัดขืน ทำเอาสะดุ้งโหยงกันไปทั้งประเทศ หลายคนได้ฟังแล้วสะอึกในทันทีจะทำได้จริงหรือ มันจะได้หรือจะเสียมากกว่ากันแน่
       
       เอาเข้าจริงมาตรการหยุดงาน 13-15 พ.ย. มันก็สร้างปัญหา ขัดระเบียบบริษัท คนที่อยากขับไล่รัฐบาลจริงๆอยากทำ แต่คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง ถ้าลาหยุดไปบางแห่งมีหวังโดนใบไล่ออกตามมา ได้ไม่คุ้มเสีย ส่วนมาตรการชะลอจ่ายภาษี นี่ก็อันตราย เสี่ยงขัดต่อกฎหมาย ความเดือดร้อนจะตามมาภายหลัง ไม่มีใครกล้าเสี่ยง
       
       ฉะนั้นเสียงสะท้อนในทางไม่เห็นด้วยจึงดังอื้ออึงมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในหมู่ของพวกเดียวกัน เพราะมันทำให้ชาติเสียหาย ระบบเศรษฐกิจรวนเร จึงขาดความร่วมมือในมาตรการนี้ กลายเป็นแอนตี้ไปเสียด้วย ล่าสุด ดร.เสรี วงษ์มณฑา ต้องออกมาช่วยดับกระแสไม่เห็นด้วย วอนให้เลิกด่ากันออกสาธารณะ หันมากระซิบแนะนำกันดีกว่า
       
       เดี๋ยวม็อบจะกลับบ้านไวกว่าที่คาด

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000141624
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่