
credit: dailymail.co.uk
จากสถิติตามภาพเราพบว่า เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว การออกสตาร์ท 10 นัดแรกของรูนีย์
เทียบกับฤดูกาลนี้ ทำไดีดีอย่างชัดเจนนั่นแสดงให้เห็นความมุ่งมั่น ทั้งการไล่บอลที่แย่งได้ดีขึ้น
การทำประตูที่มากขึ้น การโดนเปลี่ยนตัวออกน้อยลง จำนวนนาทีที่ได้ลงมากขึ้น นั่นส่งผลต่อ
ฟอร์มการเล่นของรูนีย์อย่างชัดเจน ซึ่งตอนนี้ดูแล้วให้ความรู้สึกว่า แมนยูในตอนนี้จากที่เล่นแบบ
ไร้จุดหมายกลายเป็นว่าถ้าจูนทีมติดแล้วจะกลายเป็นทีมที่น่ากลัวและมีความมุ่งมั่นน่าเกรงขาม
อย่างแท้จริง ซึ่งในตอนนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้เอามาก ๆ ด้วย
ส่วนอีกคนสำคัญจากแมตซ์ชนะอาร์เซนอล ก็คือ ฟิล โจนส์ จากสถิติในภาพ พบว่าการเปลี่ยนตำแหน่ง
การเล่นของโจนส์จากมิดฟิลด์ตัดเกม มาเป็นกองหลังตัวกลาง จะเห็นว่าแมนยูโดนอาร์เซนอลบุกมากขึ้น
ได้ชัดเจน ทั้งจำนวนลูกเตะมุม การยิง รวมทั้งการครองบอลที่พอโจนส์มาเล่นกองหลัง การครองบอลส่วนใหญ่
จะมาอยู่ในบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแมนยูซะเยอะ แค่นี้ก็บอกอะไรได้มากแล้วกับความสำคัญจากการ
มีโจนส์เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง หรืออาจจะพูดได้ว่า แมนยูจำเป็นที่จะต้องมี มิดฟิลด์ตัวกลางคอยไล่ตัดเกม
ดังเช่นที่เคยประกาศศักดา สมัยมีรอย คีน บัญชาการในแดนกลางอยู่นั่นเอง
ตอนนี้ก็เริ่มดีใจมาเสมอเลยว่า ที่ผ่านมาให้กำลังใจมอยส์ และทีมเสมอมา เพราะทีมยุคมอยส์เล่นดี
พยายามทำเกมบุก โดยทำเกมบนพื้นมากขึ้น และตั้งเกมเซ็ตเกมเข้าทำมาตลอด เพียงแต่ประตูไม่มาเท่านั้นเอง
จนตอนนี้อะไรต่าง ๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในแต่ละตำแหน่งเริ่มมีนักเตะที่ทำผลงานได้ดี แทบจะครบทั้ง 11 คน ทำให้ทีมโดยรวม
ผลงานออกมาดีมากขึ้น เพราะมีความเข้าใจกัน หรือเข้าใจในเกม ในแท็กติกที่มอยส์วางได้มากขึ้นด้วยนะครับ
ปล. ขอแค่อย่าไปตั้งเกมรับแบบกลัว ๆ เหมือนครึ่งแรกที่เจอแมนซิตี้ละกัน แมนยูต้องใจสู้ ไม่กลัว และบุกเข้าไปครับ
เพราะครึ่งหลังต้องบุกเพื่อทำประตู ก็ทำเกมบุกได้ดี น่าชื่นชม ถึงแม้จะแพ้แต่ฟอร์มช่วงท้ายเกมวันนั้นก็น่าพอใจ
สำหรับผม เล่นอย่างใจสู้ และไม่ยอมแพ้จนกว่าเสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังก็พอครับ
สู้เค้าครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด !!!
ความสำคัญของรูนีย์ และฟิลโจนส์
credit: dailymail.co.uk
จากสถิติตามภาพเราพบว่า เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว การออกสตาร์ท 10 นัดแรกของรูนีย์
เทียบกับฤดูกาลนี้ ทำไดีดีอย่างชัดเจนนั่นแสดงให้เห็นความมุ่งมั่น ทั้งการไล่บอลที่แย่งได้ดีขึ้น
การทำประตูที่มากขึ้น การโดนเปลี่ยนตัวออกน้อยลง จำนวนนาทีที่ได้ลงมากขึ้น นั่นส่งผลต่อ
ฟอร์มการเล่นของรูนีย์อย่างชัดเจน ซึ่งตอนนี้ดูแล้วให้ความรู้สึกว่า แมนยูในตอนนี้จากที่เล่นแบบ
ไร้จุดหมายกลายเป็นว่าถ้าจูนทีมติดแล้วจะกลายเป็นทีมที่น่ากลัวและมีความมุ่งมั่นน่าเกรงขาม
อย่างแท้จริง ซึ่งในตอนนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้เอามาก ๆ ด้วย
ส่วนอีกคนสำคัญจากแมตซ์ชนะอาร์เซนอล ก็คือ ฟิล โจนส์ จากสถิติในภาพ พบว่าการเปลี่ยนตำแหน่ง
การเล่นของโจนส์จากมิดฟิลด์ตัดเกม มาเป็นกองหลังตัวกลาง จะเห็นว่าแมนยูโดนอาร์เซนอลบุกมากขึ้น
ได้ชัดเจน ทั้งจำนวนลูกเตะมุม การยิง รวมทั้งการครองบอลที่พอโจนส์มาเล่นกองหลัง การครองบอลส่วนใหญ่
จะมาอยู่ในบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแมนยูซะเยอะ แค่นี้ก็บอกอะไรได้มากแล้วกับความสำคัญจากการ
มีโจนส์เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง หรืออาจจะพูดได้ว่า แมนยูจำเป็นที่จะต้องมี มิดฟิลด์ตัวกลางคอยไล่ตัดเกม
ดังเช่นที่เคยประกาศศักดา สมัยมีรอย คีน บัญชาการในแดนกลางอยู่นั่นเอง
ตอนนี้ก็เริ่มดีใจมาเสมอเลยว่า ที่ผ่านมาให้กำลังใจมอยส์ และทีมเสมอมา เพราะทีมยุคมอยส์เล่นดี
พยายามทำเกมบุก โดยทำเกมบนพื้นมากขึ้น และตั้งเกมเซ็ตเกมเข้าทำมาตลอด เพียงแต่ประตูไม่มาเท่านั้นเอง
จนตอนนี้อะไรต่าง ๆ เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในแต่ละตำแหน่งเริ่มมีนักเตะที่ทำผลงานได้ดี แทบจะครบทั้ง 11 คน ทำให้ทีมโดยรวม
ผลงานออกมาดีมากขึ้น เพราะมีความเข้าใจกัน หรือเข้าใจในเกม ในแท็กติกที่มอยส์วางได้มากขึ้นด้วยนะครับ
ปล. ขอแค่อย่าไปตั้งเกมรับแบบกลัว ๆ เหมือนครึ่งแรกที่เจอแมนซิตี้ละกัน แมนยูต้องใจสู้ ไม่กลัว และบุกเข้าไปครับ
เพราะครึ่งหลังต้องบุกเพื่อทำประตู ก็ทำเกมบุกได้ดี น่าชื่นชม ถึงแม้จะแพ้แต่ฟอร์มช่วงท้ายเกมวันนั้นก็น่าพอใจ
สำหรับผม เล่นอย่างใจสู้ และไม่ยอมแพ้จนกว่าเสียงนกหวีดหมดเวลาจะดังก็พอครับ
สู้เค้าครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด !!!