คือตอนนี้ผมก็มีอาการของโรคที่มีรหัดว่า F84.5 (ขอไม่บอกตรงๆนะ)
คือก่อนหน้านี้ผมเคยรอเรียน1ปีและสิ่วมา1ครั้ง โดยต้องการจะแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าสังคมของผมเองนี้แหละ ซึ่งที่ผ่านมาม.ปลายก็ล้มเหลว และหลังจากรอเรียน1ปี เนื่องจากสอบติดแล้วมหาลัยเพิ่งแจ้งว่ามีคุณลักษณะร้ายแรงที่ไม่เอื้อต่อการเรียนในคณะนั้นและรอย้ายคณะอยู่1ปี ซึ่หลังจากย้ายคณะมาก็มีคนหนึ่งเขาเข้ามาตีสนิทผมเป็นเพื่อนมาอยู่ด้วยกันทำอะไรต่างๆด้วยและเข้าใจช่วยแก้ปัญหาต้องนี้ไปกับผม แต่เขาต้องด่วนจากไปก่อน และผมก็มีผลเรียนเรียนตกลงมากจนต้องออกมาสิ้วใหม่เพื่อให้หายจากอาการช็อคและเสียใจ รวมกับผมก็ไม่ได้อยากจะเรียนคณะนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นในแผนกช่วยเหลือ ซึ่งในปัจจุบันมีปัญหากับสังคมในที่เรียนใหม่นี้มากๆ การเข้าสังคมด้วยตัวของผมยังล้มเหลวไม่ต่างอะไรกับตอนม.ปลาย และพอผนวกกับความซึมเศร้าจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา มันก็กดดันหนักขึ้นไปอีก แต่ผลการเรียนยังดีมากถึงขั้นได้เกียรตินิยม ซึ่งตอนนี้ผมติดปัญหาที่ทั้งหมอและผมที่หนักใจคือ นี้แค่ปี 1 เทอม 1 เอาตัวรอดมาได้ขนาดนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะรอดไปถึงปี4รึเปล่า เพราะที่ผ่านมางานกลุ่ม ผมต้องคนเดียวไม่เว้นแม้แต่ Project ที่ต้องทำกันหลายๆคนช่วยๆกัน แต่ผมก็ยังทำคนเดียวมาได้ แต่ผมก็รู้สึกทรมาณและเหนื่อยมากๆ ถึงจะเป็นคณะที่เราพอเรียนและเข้าทางเราแล้ว แต่ยังรู้สึกว่า ต่อให้เป็นคณะที่เราไม่ชอบ แต่ถ้ามีคนคอยช่วยและรู้สึกสนุกแถมเรียนผ่านได้ค่อนข้างดีด้วย มันก็ไม่เหนื่อยและทุกข์ทรมานเท่ากับที่เราเป็นอยู่นี้เลยสักนิด และปัจจุบันนี้ผมจึงทำได้แค่นั่งๆนิ่งคิดและวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาที่ผมมองไม่ออกนี้ไปวันๆ โดยที่ไม่มีใครช่วยเหลือยอมรับปัญหาและเข้าแนะนำอยู่ตลอดเหมือนอย่างที่ผมเคยได้รับ ซึ่งผมมองว่านี้เป็นตัวโจทย์ที่เราแก้ไม่ได้ถ้ายังขาดความรู้ตัวนี้
>>>ทุกท่านคิดว่าผมควรซิ่วอีกเพื่อเปลี่ยนที่เรียนหรือไม่ (ผมเพิ่งจะ20ด้วย)<<<
มุมมองความคิดของผมที่มองไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
>อยู่ที่นี้ผมก็แก้อะไรไม่ได้และมองไม่เห็นความเป็นไปได้ด้วย ถึงหมอจะบอกให้ลองอีกรอบ แต่ก็ยังเห็นด้วยถ้าจะเปลี่ยนที่เรียน เพราะอย่างน้อยมันก็ดูมีโอกาสขึ้นมาบ้าง
>ถึงย้ายไปใช่ว่าผมจะเจอคนที่รับปัญหาเราได้เหมือนที่ผมเคยเจอมา
>เนื่องจากอาจาร์ย รุ่นพี่ ชั้นปีเดียวกันไม่ยื่นมาเข้ามาช่วยหรือยุ้งแล้ว(หรือไม่อยากเข้าช่วย อันนี้ผมก็ไม่รู้) จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอยู่เรียน ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกเสียดายผลการเรียน และไม่อยากจะย้ายแล้วเพราะเหนื่อยมากๆ และรู้สึกว่าถึงย้ายไปปัญหามันก็แก้ไม่หาย
>ย้ายไปก็เหมือนวัดดวงที่เรามองเห็นค่อนข้างแน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ต้องการมันก็ยังต่ำอยู่ดี แต่มันก็ยังสูงกว่าที่เป็นอยู่นี้
>สาเหตุที่อยากแก้ปัญหาตัวนี้ขึ้นมา เพราะผมทนอยู่กับปัญหานี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่หรือญาติคนอื่นๆ แต่ก็เริ่มห่างๆและปล่อยไป(ในความรู้สึกผมเหมือนกับว่าพวกเขาก็จนปัญญาแล้ว) ซึ่งพอมาเจอคนที่เข้าใจและรู้วิธีจัดการปัญหาผมได้ ผมเลยรู้สึกเหมือนกับว่าปัญหาเราจบลงได้เสียทีและมีโอกาสจะเป็นปกติได้เสียที และเพื่อไม่ให้อนาคตที่ได้กะควณไว้และหมอก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นมา เพราะงั้นๆ ผมก็จะได้นั่งเฉยๆอยู่ที่บ้านทำกิจการทางบ้าน(ซึ่งก็รู้จักงานและสั่งงานได้ชินแล้ว)จนอยู่กับปัญหา ความทุกข์นี้จนตายแน่
> เคยเข้าไปทำสมาธิและเข้าวัดไปคุยกับพระมาบ้างแล้ว ก็พอเข้าใจและมองเห็นว่า เราก็มองเห็นปัญหาเราได้ แต่เหมือมีบุญแต่กรรมบัง ไปทำบุญเถอะ ซึ่งผมเหนื่อยกับคำนี้แล้วและไม่เห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์กับใครสักนิด สู้ไปช่วยคนที่เขาเดือดร้อนกว่าเราจริงหรือทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วมดีกว่า เอาเงินและเวลามาเสียเวลาเพื่อทำบุญโดยไม่เกิดประโยชน์แก่สาธารณะ
มีปัญหากับสภาพตัวเองในที่เรียน
คือก่อนหน้านี้ผมเคยรอเรียน1ปีและสิ่วมา1ครั้ง โดยต้องการจะแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าสังคมของผมเองนี้แหละ ซึ่งที่ผ่านมาม.ปลายก็ล้มเหลว และหลังจากรอเรียน1ปี เนื่องจากสอบติดแล้วมหาลัยเพิ่งแจ้งว่ามีคุณลักษณะร้ายแรงที่ไม่เอื้อต่อการเรียนในคณะนั้นและรอย้ายคณะอยู่1ปี ซึ่หลังจากย้ายคณะมาก็มีคนหนึ่งเขาเข้ามาตีสนิทผมเป็นเพื่อนมาอยู่ด้วยกันทำอะไรต่างๆด้วยและเข้าใจช่วยแก้ปัญหาต้องนี้ไปกับผม แต่เขาต้องด่วนจากไปก่อน และผมก็มีผลเรียนเรียนตกลงมากจนต้องออกมาสิ้วใหม่เพื่อให้หายจากอาการช็อคและเสียใจ รวมกับผมก็ไม่ได้อยากจะเรียนคณะนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นในแผนกช่วยเหลือ ซึ่งในปัจจุบันมีปัญหากับสังคมในที่เรียนใหม่นี้มากๆ การเข้าสังคมด้วยตัวของผมยังล้มเหลวไม่ต่างอะไรกับตอนม.ปลาย และพอผนวกกับความซึมเศร้าจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา มันก็กดดันหนักขึ้นไปอีก แต่ผลการเรียนยังดีมากถึงขั้นได้เกียรตินิยม ซึ่งตอนนี้ผมติดปัญหาที่ทั้งหมอและผมที่หนักใจคือ นี้แค่ปี 1 เทอม 1 เอาตัวรอดมาได้ขนาดนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะรอดไปถึงปี4รึเปล่า เพราะที่ผ่านมางานกลุ่ม ผมต้องคนเดียวไม่เว้นแม้แต่ Project ที่ต้องทำกันหลายๆคนช่วยๆกัน แต่ผมก็ยังทำคนเดียวมาได้ แต่ผมก็รู้สึกทรมาณและเหนื่อยมากๆ ถึงจะเป็นคณะที่เราพอเรียนและเข้าทางเราแล้ว แต่ยังรู้สึกว่า ต่อให้เป็นคณะที่เราไม่ชอบ แต่ถ้ามีคนคอยช่วยและรู้สึกสนุกแถมเรียนผ่านได้ค่อนข้างดีด้วย มันก็ไม่เหนื่อยและทุกข์ทรมานเท่ากับที่เราเป็นอยู่นี้เลยสักนิด และปัจจุบันนี้ผมจึงทำได้แค่นั่งๆนิ่งคิดและวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาที่ผมมองไม่ออกนี้ไปวันๆ โดยที่ไม่มีใครช่วยเหลือยอมรับปัญหาและเข้าแนะนำอยู่ตลอดเหมือนอย่างที่ผมเคยได้รับ ซึ่งผมมองว่านี้เป็นตัวโจทย์ที่เราแก้ไม่ได้ถ้ายังขาดความรู้ตัวนี้
>>>ทุกท่านคิดว่าผมควรซิ่วอีกเพื่อเปลี่ยนที่เรียนหรือไม่ (ผมเพิ่งจะ20ด้วย)<<<
มุมมองความคิดของผมที่มองไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้