ต่อจากกระทู้ที่ตั้งไว้เมื่อวานนี้นะครับ
http://pantip.com/topic/31224371
มีโอกาสได้ดูคลิปจากคคหที่24 แนบมาในกระทู้.....ให้รู้สึกเวทนาต่อพุทธอิสระยิ่งนัก เดินจีวรปลิวเข้าป่าเข้าชัฏคนเดียวไม่พอ....พยายามจะดึงญาติโยมเข้าไปด้วย
คลิปธรรมะตีแสกหน้าที่ผมดูนั้น พระเดชพระคุณท่านก็ปล่อยไก่ออกทีวีว่าพระธรรมโชติเป็นคนใต้ไปทีหนึ่ง จนพิธีกรรายการกลัวขายหน้าทั้งหมดรีบทักท้วงว่าพระธรรมโชติเป็นชาวสิงห์บุรีจากหมู่บ้านบางระจัน....ท่านก็ยังแถของท่านไปเรื่อย ไม่รู้จะพยายามอ้างคนนู้นคนนี้อ้างแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าอะไรนักหนาเพียงเพื่อจะหาความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง....บอกชาวบ้านไปตรงๆ ว่าอาตมาจะเล่นการเมืองอยู่ฝ่ายค้านก็สิ้นเรื่องสิ้นราว.... อ้างถึง คคหที่24 จากคลิปที่สองตั้งแต่นาทีที่18.55 จนจบ ขออธิบายข้อเท็จจริงให้พุทธอิสระทราบดังต่อไปนี้:-
1. ช่วงที่ในหลวงออกผนวชนั้น ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คือสมเด็จพระราชินีไม่ใช่สมเด็จย่า และไม่รู้ว่าพระเดชพระคุณไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า จอมพลสฤษณ์จับพระพิมลธรรม(อาจ อาจสโภ)เข้าคุกเพราะไปถวายให้ปรึกษาการบ้านการเมืองให้กับสมเด็จย่า พุทธอิสระบวชมานานพอสมควรก็จะรู้ว่าวัดมหาธาตุเป็นวัดสายมหานิกาย มหานิกายนั้นห่างจากสำนักราชวังกว่าธรรมยุติ เรื่องพระพิมลธรรมไปถวายการปรึกษาการบ้านการเมืองแด่สมเด็จย่าตัดไปได้เลย อีกอย่าง สมเด็จย่าก็ไม่ได้สำเร็จราชการแทนในหลวงช่วงที่ออกผนวช เรื่องจริงมีอยู่ว่า....พระพิมลธรรมโดนกลั่นแกล้ง โดยเริ่มต้นจาก “การเมือง” ภายในคณะสงฆ์ก่อนนั่นเอง(การปกครองคณะสงฆ์สมัยนั้นก็คล้ายๆ การเมืองสมัยนี้ คือมีสังฆมนตรีว่าการ เหมือนรัฐมนตรีว่าการในทำนองนี้) พระพิมลธรรมได้รับแต่งตั้งให้เป็นสังฆมนตรีด้านการปกครอง แต่เหล่าพระเถรานุเถระบางวัดอิจฉาก็เลยพยายามกลั่นแกล้ง เมื่อทำอะไรพระพิมลธรรมไม่ได้ ก็เลยอาศัยอำนาจจากบ้านเมืองเข้ามาช่วยโดยตั้งข้อหาเป็นคอมมูนิสต์ในเรื่องที่ส่งพระธรรมทูตสองรูปไปศึกษาที่พม่า (ถ้าจำไม่ผิดท่านหนึ่งก็คือ พระมหานคร เขมปาลี) พระพิมลธรรมก็เลยต้องไปจำพรรษาอยู่คุก ไม่เกี่ยวอะไรกับพระพิมลธรรมให้คำปรึกษาแก่สมเด็จย่าเลยแม้แต่น้อย แต่พุทธอิสระก็อ้างไปซะสูง(อีกแล้ว) ถ้าจะกล่าวให้ถึงที่สุด....พระพิมลธรรมไม่ใช่พระเถระทางราชสำนักหมายมั่นปั้นมือด้วยซ้ำไป ตอนสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(วาสน์ วาสโน)วัดราชบพิธสิ้นพระชนม์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว พระเถระที่อาวุโสสูงสุดคือสมเด็จพระพุฒาจารย์(พระพิมลธรรม อาจ อาจสโภ)วัดมหาธาตุ มีการเสนอชื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชและเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดในภาคอีสานก็สนับสนุน(สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นคนขอนแก่น) จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีการแต่งตั้ง จนเจ้าคณะจังหวัดต่างๆ ทักท้วงไปอีกครั้ง....จึงลงตัวได้แค่เพียงตำแหน่ง “ปฏิบัติการแทนสังฆราช” เกือบสองปีต่อมาท่านก็ละสังขาร จึงได้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระญาณสังวรวัดบวรนิเวศขึ้นเป็นสังฆราชและพึ่งจะสิ้นพระชนม์ไม่นานมานี้เอง การเมืองเรื่องพระสงฆ์นี่ก็ดุดันไม่แพ้ทางโลกระหว่างธรรมยุตกับมหานิกาย ถ้าใครมีเวลาลองไปหาหนังสือที่ชื่อ “ศึกสมเด็จ” ของแสวง อุดมศรีมาอ่าน ร่ายมาซะยาวถือว่าเป็นเกร็ดความรู้นะครับ เดี๋ยวจะมาต่อประเด็นอื่นๆ
ฝากถึง.....พุทธอิสระ (ต่อ)
มีโอกาสได้ดูคลิปจากคคหที่24 แนบมาในกระทู้.....ให้รู้สึกเวทนาต่อพุทธอิสระยิ่งนัก เดินจีวรปลิวเข้าป่าเข้าชัฏคนเดียวไม่พอ....พยายามจะดึงญาติโยมเข้าไปด้วย
คลิปธรรมะตีแสกหน้าที่ผมดูนั้น พระเดชพระคุณท่านก็ปล่อยไก่ออกทีวีว่าพระธรรมโชติเป็นคนใต้ไปทีหนึ่ง จนพิธีกรรายการกลัวขายหน้าทั้งหมดรีบทักท้วงว่าพระธรรมโชติเป็นชาวสิงห์บุรีจากหมู่บ้านบางระจัน....ท่านก็ยังแถของท่านไปเรื่อย ไม่รู้จะพยายามอ้างคนนู้นคนนี้อ้างแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าอะไรนักหนาเพียงเพื่อจะหาความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง....บอกชาวบ้านไปตรงๆ ว่าอาตมาจะเล่นการเมืองอยู่ฝ่ายค้านก็สิ้นเรื่องสิ้นราว.... อ้างถึง คคหที่24 จากคลิปที่สองตั้งแต่นาทีที่18.55 จนจบ ขออธิบายข้อเท็จจริงให้พุทธอิสระทราบดังต่อไปนี้:-
1. ช่วงที่ในหลวงออกผนวชนั้น ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คือสมเด็จพระราชินีไม่ใช่สมเด็จย่า และไม่รู้ว่าพระเดชพระคุณไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่า จอมพลสฤษณ์จับพระพิมลธรรม(อาจ อาจสโภ)เข้าคุกเพราะไปถวายให้ปรึกษาการบ้านการเมืองให้กับสมเด็จย่า พุทธอิสระบวชมานานพอสมควรก็จะรู้ว่าวัดมหาธาตุเป็นวัดสายมหานิกาย มหานิกายนั้นห่างจากสำนักราชวังกว่าธรรมยุติ เรื่องพระพิมลธรรมไปถวายการปรึกษาการบ้านการเมืองแด่สมเด็จย่าตัดไปได้เลย อีกอย่าง สมเด็จย่าก็ไม่ได้สำเร็จราชการแทนในหลวงช่วงที่ออกผนวช เรื่องจริงมีอยู่ว่า....พระพิมลธรรมโดนกลั่นแกล้ง โดยเริ่มต้นจาก “การเมือง” ภายในคณะสงฆ์ก่อนนั่นเอง(การปกครองคณะสงฆ์สมัยนั้นก็คล้ายๆ การเมืองสมัยนี้ คือมีสังฆมนตรีว่าการ เหมือนรัฐมนตรีว่าการในทำนองนี้) พระพิมลธรรมได้รับแต่งตั้งให้เป็นสังฆมนตรีด้านการปกครอง แต่เหล่าพระเถรานุเถระบางวัดอิจฉาก็เลยพยายามกลั่นแกล้ง เมื่อทำอะไรพระพิมลธรรมไม่ได้ ก็เลยอาศัยอำนาจจากบ้านเมืองเข้ามาช่วยโดยตั้งข้อหาเป็นคอมมูนิสต์ในเรื่องที่ส่งพระธรรมทูตสองรูปไปศึกษาที่พม่า (ถ้าจำไม่ผิดท่านหนึ่งก็คือ พระมหานคร เขมปาลี) พระพิมลธรรมก็เลยต้องไปจำพรรษาอยู่คุก ไม่เกี่ยวอะไรกับพระพิมลธรรมให้คำปรึกษาแก่สมเด็จย่าเลยแม้แต่น้อย แต่พุทธอิสระก็อ้างไปซะสูง(อีกแล้ว) ถ้าจะกล่าวให้ถึงที่สุด....พระพิมลธรรมไม่ใช่พระเถระทางราชสำนักหมายมั่นปั้นมือด้วยซ้ำไป ตอนสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(วาสน์ วาสโน)วัดราชบพิธสิ้นพระชนม์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว พระเถระที่อาวุโสสูงสุดคือสมเด็จพระพุฒาจารย์(พระพิมลธรรม อาจ อาจสโภ)วัดมหาธาตุ มีการเสนอชื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชและเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดในภาคอีสานก็สนับสนุน(สมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นคนขอนแก่น) จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีการแต่งตั้ง จนเจ้าคณะจังหวัดต่างๆ ทักท้วงไปอีกครั้ง....จึงลงตัวได้แค่เพียงตำแหน่ง “ปฏิบัติการแทนสังฆราช” เกือบสองปีต่อมาท่านก็ละสังขาร จึงได้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระญาณสังวรวัดบวรนิเวศขึ้นเป็นสังฆราชและพึ่งจะสิ้นพระชนม์ไม่นานมานี้เอง การเมืองเรื่องพระสงฆ์นี่ก็ดุดันไม่แพ้ทางโลกระหว่างธรรมยุตกับมหานิกาย ถ้าใครมีเวลาลองไปหาหนังสือที่ชื่อ “ศึกสมเด็จ” ของแสวง อุดมศรีมาอ่าน ร่ายมาซะยาวถือว่าเป็นเกร็ดความรู้นะครับ เดี๋ยวจะมาต่อประเด็นอื่นๆ