ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่พุทธอิสระพยายามจะยกเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงห้ามพระญาติซึ่งเป็นที่มาของพระ "ปางห้ามญาติ" มาบอกว่าพระองค์ก็ทรงเข้าไปยุ่งการเมือง โทนเสียงและใบหน้า(ตอนออกทีวี)เหมือนพยายามจะบอกว่าระดับพระพุทธเจ้ายังเข้าไปข้องแวะมาแล้ว(คำพูดของพุทธอิสระบอกว่า "ตอนแรกส่งพระอานนท์ไป แต่ไม่ได้เรื่องพระองค์เลยต้องเสด็จเอง") แล้วพุทธอิสระก็วกกลับมาที่ตัวท่านเองว่าเมื่อชาวบ้านเดือดร้อนโดนโกง ฯลฯ แล้วจะให้ท่านนิ่งดูดายได้อย่างไร???
ในฐานะที่พอจะได้บวชเรียนมาบ้าง ผมว่าตอนนี้พระคุณเจ้ากำลังหลงประเด็นเดินจีวรปลิวเข้าป่าเข้าชัฏแทบกู่ไม่กลับเลย การยกอ้างเหตุการณ์ทรงห้ามพระญาติแล้วโยงมาหาพฤติกรรมของตัวพุทธอิสระเอง(ที่เข้าร่วมม็อบอยู่ตอนนี้)นี่สาหัสสากรรมาก สาหัสสากรรตรงที่ใช้วิจารณญาณปุถุชนๆ (อย่างพุทธอิสระ)ไปหยั่งคะเนน้ำพระทัยของพระองค์ว่าทรงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง ขออภัยก็แล้วกันหากไม่สุภาพ...ถ้าจะดูแคลนพุทธอิสระตรงๆ ที่นี้ว่า ขนาดผ้ากฐินกับผ้าอติเรกจีวรยังแยกแยะไม่ออก ด้วยความเวทนา...ผมว่าอย่าดึงพระพุทธเจ้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เผลอๆ กระดูกคางอาจจะไม่มีให้เกาะขอบธรณีเหมือนเทวทัตตอนโดนธรณีสูบก็เป็นได้ หากต้องการจะอ้างพระที่เขามายุ่งการเมืองจริงๆ ก็ไม่ต้องอ้างไกลถึงพระพุทธองค์(ซื่งบรรลุอรหันต์แล้ว)ก็ได้ จะอ้างเอา สมเด็จพระวันรัต มหาเถรคันฉ่อง พระครูธรรมโชติ เจ้าเมืองฝาง หรือแม้แต่เมื่อเร็วๆ นี้อย่างกิติวุฒโฑก็ได้
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว.....ขออนุญาตถวายความรู้เล็กๆ น้อยให้พระคุณเจ้าก่อนไปก็แล้วกัน ถือว่าทำบุญใส่บาตร "สพฺพทานัง ธรรมะทนานัง ชิเนติ" ก็แล้วกันนะครับ..... อยากเรียน(ด้วยความสัตย์...ไม่อยากใช้คำว่ากราบนมัสการ)ว่า นอกเหนือจากเหตุการณ์ "ห้ามญาติ" เหนือแม่น้ำโรหิณีแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่คลับคล้ายคลับว่าพระองค์จะทรงเข้าไปยุ่งการเมืองสองสามเหตุการณ์ เช่นเหตุการณ์ที่พระเจ้าวิฑูฑภะทรงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะวงศ์คือต้นตระกูลของพระพุทธเจ้าทีเดียว ตรงนั้นถ้าพระองค์มีน้ำพระทัยที่โน้มเอียงไปทางการเมืองจริงๆ ย่อมต้องคงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะห้ามพระเจ้าวิฑูฑภะไม่ให้ฆ่าพระญาติของพระองค์ได้ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะก็ทรงนับถือพระพุทธเจ้า.....ไหนจะเหตุการณ์ที่วัสสกพราหมณ์ที่เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าตรงๆ ถึงการโจมตีโค่นล้มเจ้าลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชี ไหนจะเหตุการณ์ที่พระเจ้าอาชาตศรัตรูทรงปลงพระชนม์พระราชบิดาคือพระเจ้าพิมพิสาร.......หากน้ำพระทัยของพระองค์โน้มเอียงไปทางการเมืองจริงๆ อย่างน้อยๆ ผมก็เชื่อว่า -:
1. เหล่าพระญาติของพระองค์คงไม่ต้องถูกพระเจ้าวิฑูฑภะฆ่าล้างโครตจนสูญสิ้นศายกวงศ์(มีผู้รู้บางท่านบอกว่าหนีเล็ดลอดไปได้คนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้สืบสายเลือกศากยวงศ์เรื่อยมาจนถึงพระเจ้าอโศก และถึงพระศายกวงศ์วิสุทธิ์ ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไป: ตงนี้ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้ก็แล้วกัน...)
2. แคว้นวัชชีคงถูกโจมตีได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลาวางแผนและส่งไส้ศึกไปสอดแนมเป็นปีๆ
3. พระเจ้าพิมพิสารอาจจะไม่ถูกฆ่าอย่างทรมาน และพระเจ้าอาชาตศรัตรูคงไม่ถูกประณามว่าเป็น "ปิตุฆาต"
ท่าทีและพระพุทธจริยวัตรของพระพุทธองค์ต่อเหตุการณ์เหล่านั้นที่สุดแล้วก็ทรงปล่อยให้เป็นเรื่องของวิบากรรม เช่นท้ายที่สุดก็ไม่ได้ไปห้ามพระเจ้าวิฑูฑภะ เพราะทรงเห็นแล้วว่าพระญาติของพระองค์ในอดีตเคยใช้ยาเบื่อปลาละเลงในน้ำทะเลจนปลาตายนับล้านนับแสนตัว พุทธอิสระก็ควรจะปล่อยวางเรื่องการเมืองไว้บ้าง อย่าคิดเพียงแต่ว่า วันนี้ทำให้คนน้ำตาคลอได้ พรุ่งนี้ต้องทำให้ถึงขึ้นฉี่ราด.....
เถอะ!...พระคุณเจ้าอยากจะเอาผ้าเหลืองบังหน้าเล่นการเมืองก็เล่นไป.....พุทธศาสนิกชนเขาจะตัดสินเอง แต่ไม่ต้องถึงกับชักแม่น้ำทั้งห้าบอกที่มาที่ไปของพระปางห้ามญาติแล้วเปรียบเทียบกับพฤติกรรมตัวเองในตอนนี้เลย ....ผมเชื่อว่าจิตปุถุชนอย่างพุทธอิสระกับจิตพระอรหันต์ที่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นะๆ.....กลับวัดเถอะพระคุณเจ้า ใช้เวลาว่างเปิดพระไตรปิฏกอ่านบ้างน่าจะดี หรืออ่านหนังสือพลางให้สามเณรน้อยบีบแข้งบีบขาพลางก็จะได้อาสิสงส์ทั้งผู้อ่านพระไตรปิฏกและผู้ที่นวดด้วย
ฝากถึง.....พุทธอิสระ.....
ในฐานะที่พอจะได้บวชเรียนมาบ้าง ผมว่าตอนนี้พระคุณเจ้ากำลังหลงประเด็นเดินจีวรปลิวเข้าป่าเข้าชัฏแทบกู่ไม่กลับเลย การยกอ้างเหตุการณ์ทรงห้ามพระญาติแล้วโยงมาหาพฤติกรรมของตัวพุทธอิสระเอง(ที่เข้าร่วมม็อบอยู่ตอนนี้)นี่สาหัสสากรรมาก สาหัสสากรรตรงที่ใช้วิจารณญาณปุถุชนๆ (อย่างพุทธอิสระ)ไปหยั่งคะเนน้ำพระทัยของพระองค์ว่าทรงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง ขออภัยก็แล้วกันหากไม่สุภาพ...ถ้าจะดูแคลนพุทธอิสระตรงๆ ที่นี้ว่า ขนาดผ้ากฐินกับผ้าอติเรกจีวรยังแยกแยะไม่ออก ด้วยความเวทนา...ผมว่าอย่าดึงพระพุทธเจ้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เผลอๆ กระดูกคางอาจจะไม่มีให้เกาะขอบธรณีเหมือนเทวทัตตอนโดนธรณีสูบก็เป็นได้ หากต้องการจะอ้างพระที่เขามายุ่งการเมืองจริงๆ ก็ไม่ต้องอ้างไกลถึงพระพุทธองค์(ซื่งบรรลุอรหันต์แล้ว)ก็ได้ จะอ้างเอา สมเด็จพระวันรัต มหาเถรคันฉ่อง พระครูธรรมโชติ เจ้าเมืองฝาง หรือแม้แต่เมื่อเร็วๆ นี้อย่างกิติวุฒโฑก็ได้
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว.....ขออนุญาตถวายความรู้เล็กๆ น้อยให้พระคุณเจ้าก่อนไปก็แล้วกัน ถือว่าทำบุญใส่บาตร "สพฺพทานัง ธรรมะทนานัง ชิเนติ" ก็แล้วกันนะครับ..... อยากเรียน(ด้วยความสัตย์...ไม่อยากใช้คำว่ากราบนมัสการ)ว่า นอกเหนือจากเหตุการณ์ "ห้ามญาติ" เหนือแม่น้ำโรหิณีแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่คลับคล้ายคลับว่าพระองค์จะทรงเข้าไปยุ่งการเมืองสองสามเหตุการณ์ เช่นเหตุการณ์ที่พระเจ้าวิฑูฑภะทรงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะวงศ์คือต้นตระกูลของพระพุทธเจ้าทีเดียว ตรงนั้นถ้าพระองค์มีน้ำพระทัยที่โน้มเอียงไปทางการเมืองจริงๆ ย่อมต้องคงพยายามอย่างสุดกำลังที่จะห้ามพระเจ้าวิฑูฑภะไม่ให้ฆ่าพระญาติของพระองค์ได้ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะก็ทรงนับถือพระพุทธเจ้า.....ไหนจะเหตุการณ์ที่วัสสกพราหมณ์ที่เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าตรงๆ ถึงการโจมตีโค่นล้มเจ้าลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชี ไหนจะเหตุการณ์ที่พระเจ้าอาชาตศรัตรูทรงปลงพระชนม์พระราชบิดาคือพระเจ้าพิมพิสาร.......หากน้ำพระทัยของพระองค์โน้มเอียงไปทางการเมืองจริงๆ อย่างน้อยๆ ผมก็เชื่อว่า -:
1. เหล่าพระญาติของพระองค์คงไม่ต้องถูกพระเจ้าวิฑูฑภะฆ่าล้างโครตจนสูญสิ้นศายกวงศ์(มีผู้รู้บางท่านบอกว่าหนีเล็ดลอดไปได้คนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้สืบสายเลือกศากยวงศ์เรื่อยมาจนถึงพระเจ้าอโศก และถึงพระศายกวงศ์วิสุทธิ์ ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชที่พึ่งสิ้นพระชนม์ไป: ตงนี้ถือว่าเป็นเกร็ดความรู้ก็แล้วกัน...)
2. แคว้นวัชชีคงถูกโจมตีได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลาวางแผนและส่งไส้ศึกไปสอดแนมเป็นปีๆ
3. พระเจ้าพิมพิสารอาจจะไม่ถูกฆ่าอย่างทรมาน และพระเจ้าอาชาตศรัตรูคงไม่ถูกประณามว่าเป็น "ปิตุฆาต"
ท่าทีและพระพุทธจริยวัตรของพระพุทธองค์ต่อเหตุการณ์เหล่านั้นที่สุดแล้วก็ทรงปล่อยให้เป็นเรื่องของวิบากรรม เช่นท้ายที่สุดก็ไม่ได้ไปห้ามพระเจ้าวิฑูฑภะ เพราะทรงเห็นแล้วว่าพระญาติของพระองค์ในอดีตเคยใช้ยาเบื่อปลาละเลงในน้ำทะเลจนปลาตายนับล้านนับแสนตัว พุทธอิสระก็ควรจะปล่อยวางเรื่องการเมืองไว้บ้าง อย่าคิดเพียงแต่ว่า วันนี้ทำให้คนน้ำตาคลอได้ พรุ่งนี้ต้องทำให้ถึงขึ้นฉี่ราด.....
เถอะ!...พระคุณเจ้าอยากจะเอาผ้าเหลืองบังหน้าเล่นการเมืองก็เล่นไป.....พุทธศาสนิกชนเขาจะตัดสินเอง แต่ไม่ต้องถึงกับชักแม่น้ำทั้งห้าบอกที่มาที่ไปของพระปางห้ามญาติแล้วเปรียบเทียบกับพฤติกรรมตัวเองในตอนนี้เลย ....ผมเชื่อว่าจิตปุถุชนอย่างพุทธอิสระกับจิตพระอรหันต์ที่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นะๆ.....กลับวัดเถอะพระคุณเจ้า ใช้เวลาว่างเปิดพระไตรปิฏกอ่านบ้างน่าจะดี หรืออ่านหนังสือพลางให้สามเณรน้อยบีบแข้งบีบขาพลางก็จะได้อาสิสงส์ทั้งผู้อ่านพระไตรปิฏกและผู้ที่นวดด้วย