จากคืนวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา
ต้องพาลูกชายคนเล็ก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเด็กตอน ตี 2
เพราะมีอาการอาเจียนไม่หยุด
แต่ในการไปหาหมอครั้งนี้ ทำให้เราคิดอะไรได้หลายอย่างเลย
เราไปเจอครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ดูยังเด็กอยู่เลย พาลูกมาหาหมอ เพราะลูกเป็นหอบ ดูสุขภาพไม่แข็งแรง อายุพอๆกับลูกชายของเรา แต่ตัวเล็กกว่าเยอะ หมอต้องพาน้องไปดูดเสมหะออก เราเห็นแล้วน้ำตาไหลเลย ใจจะขาดอ่ะ พยาบาลต้องช่วยกันยึดเด็กไว้ เพื่อทำซักอย่าง เข้าใจว่าเป็นการรักษา แต่ถ้าเป็นเราคงทนเห็นสภาพลูกร้องไห้ขนาดนั้นไม่ไหวแน่
แต่เราโชคดี ที่ลูกเราแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย ถ้าป่วยก็ฟื้นตัวเร็ว เพราะสุขภาพพื้นฐานเป็นเด็กแข็งแรง ดีใจจัง ที่เราท้องเขามาด้วยความตั้งใจ ใส่ใจ ดูแล
อีกครอบครัวนึง เป็นคุณตา คุณยาย แก่ๆ พาหลานมาหาหมอ งกๆเงิ่นๆ อ่ะ ท่าทางไม่รู้หนังสือ หลานยังเล็กอยู่เลย ท่าทางเป็นไข้ หอบของพะรุงพะรัง พยาบาลกับหมอที่นี่ก็ดีนะ ไม่เหนื่อยที่จะอธิบายข้อมูลต่างๆให้ฟัง พูดจนคุณตาคุณยายเข้าใจ สามารถเอายาไปดูแลหลานต่อได้ คุณตาคุณยายดูรักหลานมาก หอมหลานตลอดเวลา บอกว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หายแล้วลูก
แต่เราโชคดีนะ ที่เราพาลูกมาหาหมอเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณตาคุณยายตอนดึกๆแบบนี้ เรามีรถกระบะคันเก่าๆ ขับพาลูกมาหาหมอได้ ไม่ต้องลำบากขึ้นรถสาธารณะ หรือต้องออกมาเรียกแท็กซี่ตอนกลางคืน
อีกครอบครัวนึง ท่าทางลูกของเขาคงต้อง Admit ก็เลยต้องติดต่อ เรื่องลางาน บอกญาติ โน่นนี่นั่น พอเห็นโทรศัพท์เขาแล้ว ก็...นะ มีหนังยางรัดไว้ เพราะท่าทางฝาหลังโทรศัพท์มันคงจะหลุด แต่สาระสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า โทรศัพท์เขายังใช้ติดต่อสื่อสารได้สะดวก ไม่ต้องเดินหาโทรศัพท์สาธารณะ เขาบอกกับสามีเขาว่า อย่าลืมเติมเงินโทรศัพท์นะพี่ มีอะไรจะได้ติดต่อได้ตลอด
ส่วนเรามี Smart Phone ที่ใช้มา 2 ปีกว่าและ รู้สึกเทคโนโลยีมันล้าหลัง โวยวายอยากได้ของใหม่ แบบว่าตัวล่าสุด...พอเห็นแล้ว...จุกเลย
ที่เขียนมาตั้งยาว แค่อยากจะเตือนใจว่า สิ่งที่เรามี มันมากพอแล้วที่จะใช้ชีวิตให้มันมีความสุข อะไรที่มันขาดไป ถ้ามันยังรอได้ ก็ค่อยๆพยายามสร้างกันไป แต่ถ้าอะไรไม่สำคัญ ก็อย่าเอามาเป็นสาระของชีวิตเลย เวลาเรามีไม่มาก เลือกใช้ชีวิตให้มันมีความสุขเถอะ...จริงๆนะ
สิ่งที่เรามี มันมากพอแล้วที่จะใช้ชีวิตให้มันมีความสุข
ต้องพาลูกชายคนเล็ก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเด็กตอน ตี 2
เพราะมีอาการอาเจียนไม่หยุด
แต่ในการไปหาหมอครั้งนี้ ทำให้เราคิดอะไรได้หลายอย่างเลย
เราไปเจอครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่ดูยังเด็กอยู่เลย พาลูกมาหาหมอ เพราะลูกเป็นหอบ ดูสุขภาพไม่แข็งแรง อายุพอๆกับลูกชายของเรา แต่ตัวเล็กกว่าเยอะ หมอต้องพาน้องไปดูดเสมหะออก เราเห็นแล้วน้ำตาไหลเลย ใจจะขาดอ่ะ พยาบาลต้องช่วยกันยึดเด็กไว้ เพื่อทำซักอย่าง เข้าใจว่าเป็นการรักษา แต่ถ้าเป็นเราคงทนเห็นสภาพลูกร้องไห้ขนาดนั้นไม่ไหวแน่
แต่เราโชคดี ที่ลูกเราแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย ถ้าป่วยก็ฟื้นตัวเร็ว เพราะสุขภาพพื้นฐานเป็นเด็กแข็งแรง ดีใจจัง ที่เราท้องเขามาด้วยความตั้งใจ ใส่ใจ ดูแล
อีกครอบครัวนึง เป็นคุณตา คุณยาย แก่ๆ พาหลานมาหาหมอ งกๆเงิ่นๆ อ่ะ ท่าทางไม่รู้หนังสือ หลานยังเล็กอยู่เลย ท่าทางเป็นไข้ หอบของพะรุงพะรัง พยาบาลกับหมอที่นี่ก็ดีนะ ไม่เหนื่อยที่จะอธิบายข้อมูลต่างๆให้ฟัง พูดจนคุณตาคุณยายเข้าใจ สามารถเอายาไปดูแลหลานต่อได้ คุณตาคุณยายดูรักหลานมาก หอมหลานตลอดเวลา บอกว่าไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หายแล้วลูก
แต่เราโชคดีนะ ที่เราพาลูกมาหาหมอเองได้ ไม่ต้องรบกวนคุณตาคุณยายตอนดึกๆแบบนี้ เรามีรถกระบะคันเก่าๆ ขับพาลูกมาหาหมอได้ ไม่ต้องลำบากขึ้นรถสาธารณะ หรือต้องออกมาเรียกแท็กซี่ตอนกลางคืน
อีกครอบครัวนึง ท่าทางลูกของเขาคงต้อง Admit ก็เลยต้องติดต่อ เรื่องลางาน บอกญาติ โน่นนี่นั่น พอเห็นโทรศัพท์เขาแล้ว ก็...นะ มีหนังยางรัดไว้ เพราะท่าทางฝาหลังโทรศัพท์มันคงจะหลุด แต่สาระสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า โทรศัพท์เขายังใช้ติดต่อสื่อสารได้สะดวก ไม่ต้องเดินหาโทรศัพท์สาธารณะ เขาบอกกับสามีเขาว่า อย่าลืมเติมเงินโทรศัพท์นะพี่ มีอะไรจะได้ติดต่อได้ตลอด
ส่วนเรามี Smart Phone ที่ใช้มา 2 ปีกว่าและ รู้สึกเทคโนโลยีมันล้าหลัง โวยวายอยากได้ของใหม่ แบบว่าตัวล่าสุด...พอเห็นแล้ว...จุกเลย
ที่เขียนมาตั้งยาว แค่อยากจะเตือนใจว่า สิ่งที่เรามี มันมากพอแล้วที่จะใช้ชีวิตให้มันมีความสุข อะไรที่มันขาดไป ถ้ามันยังรอได้ ก็ค่อยๆพยายามสร้างกันไป แต่ถ้าอะไรไม่สำคัญ ก็อย่าเอามาเป็นสาระของชีวิตเลย เวลาเรามีไม่มาก เลือกใช้ชีวิตให้มันมีความสุขเถอะ...จริงๆนะ