นิยายอาจให้อารมณ์ บรรยากาศ แปลกๆหน่อย ไม่รู้จะถูกจริตคนอ่านบ้างหรือเปล่า หลิ่วตา
ขอบคุณทุกท่านในการสละเวลาอ่านครับ
Loneliness : เรื่อง
???? ???????? : เขียน
ตอนที่ ๑
http://pantip.com/topic/30905320
ตอนที่ ๒ (๑)
http://pantip.com/topic/30930596
ตอนที่ ๒ (๒)
http://pantip.com/topic/30951284
ตอนที่ ๓ (๑)
http://pantip.com/topic/31052922
ตอนที่ ๓(๒)
http://pantip.com/topic/31096930
ตอนที่ ๔ (๑)
http://pantip.com/topic/31152258
...ความเดิม...
วินพาว่าที่พันธมิตรทางธุรกิจไปห้องอาหารกลางเมือง ร้านสามชั้น ไม่ถึงกับใหญ่โต แต่ก็เป็นที่รู้จัก วินบอกว่าเป็นร้านที่บริการอาหารหลากหลายสไตล์ หลากหลายชาติ ทั้งเกาหลี ไทย ญี่ปุ่น ยุโรป จีน ฯลฯ แต่เจ้าของร่วมล้วนเป็นคนไทย ไม่มีเชื้อชาติอื่น ไอเดียทั้งหมดล้วนเกิดจากหัวผู้เป็นเจ้าของ
ร้านอาหารนี้มีส่วนจัดไว้เป็นห้องส่วนตัว เราใช้บริการส่วนนั้น เลือกบริการตามวัฒนธรรมแดนอาทิตย์อุทัย ห้องกว้างขวาง เราแปดคนดูยังน้อยไป เราทั้งหมดนั่งล้อมโต๊ะไม้ยาวตัวเตี้ย มีพนักงานสวมชุดประจำชาติญี่ปุ่นยืนรอคอยรับใช้ เด็กสาวผิวออกขาว แต่เมื่อพินิจ ทราบไม่ยากว่ามีเชื้อสายทางภาคอีสานของไทย แต่เธอก็สุภาพ บริการได้อย่างมืออาชีพ
เพื่อนของผมจัดการเรื่องรายการอาหารได้อย่างไร้ที่ติ ตามด้วยเบียร์ยี่ห้อดังของญี่ปุ่น ยามเครื่องดื่มจากปลายข้าวเข้าปาก เสมือนค่อยๆ กร่อนฐานะ มาดหรู และความเป็นตัวตนของกันและกันออก กลายเป็นพวกเดียวกัน สนทนากันเต็มที่ เสียงหัวเราะเฮดังเป็นระยะไร้การเก็บงำห่วงบุคลิก เรื่องที่สนทนาจากเรื่องราวจริงจังใหญ่โตกลับกลายสู่เรื่องเล็กน้อย เรื่องส่วนตัว เมียที่บ้าน ฟุตบอล ละคร เรื่อยจนเรื่องผู้หญิง
กรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ถอดเสื้อนอก พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาเกือบถึงข้อศอก เริ่มพร่ำพรรณนาว่า ไม่ได้นอนกับเมียที่บ้านมาเกือบสามปีแล้ว ยามอยู่บนเตียงด้วยกัน ทั้งสองห่อเหี่ยวไร้แรงกระตุ้น หดหู่ราวกับเพิ่งดูละครโศกนาฏกรรม แต่เมื่อได้พบคนอื่น โดยเฉพาะสาวรุ่นวัยกระเตาะ ความตื่นตัวพุ่งพล่าน พร้อมลุยไม่ต่างจากครั้งออกสนามรบสมัยเกณฑ์ทหาร ผู้บริหารจากสถานีโทรทัศน์ยังว่า ไม่ใช่ตัวแกเองหื่นกระหายเต็มไปด้วยตัณหา แต่มีคนในบริษัท และผู้ที่ต้องการเข้ามาขอพึ่งพิงจำนวนมาก เชื้อเชิญ หรืออาจเรียกว่าประเคนสาวน้อยหลากหลายสไตล์มาให้เลือก เด็กสาวในสังกัด เด็กของตัวเอง เมียน้อยของตน แกผ่านมาหมด แต่แกก็ว่าไม่เคยจำหน้าใครได้เลย
“นี่ถ้าพวกเธอเปิดประตูเข้ามาที่นี่ ผมคงได้แค่บอกว่า พวกคุณเข้าห้องผิดแล้ว ใบหน้าสวยๆ เหล่านั้น ไม่มีติดอยู่ในความจำผมเลยสักนิด”
“แล้วเมียคุณล่ะ ยังจำเธอได้หรือเปล่า” เพื่อนผมลองเอ่ยถาม
“นั่นเป็นความทรงจำภาคบังคับ” แกตอบแล้วก็หัวเราะ ทั้งห้องพากันหัวเราะครืน
เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำหน้าที่ วินเรียกเด็กสาวที่คอยดูแลเรามากระซิบ เธอหายไปเกือบสิบนาที จากนั้นจึงกลับมาพร้อมหญิงสาวผิวขาว แต่งกายด้วยชุดหลากรูปแบบหลายสีสันภายใต้กรอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ละนางเยื้องย่างสุภาพเรียบร้อยมาทรุดตัวเบียดใกล้ลูกค้าครบถ้วน ไม่มีใครคัดค้านหรือผลักไส ต่างยินดีกับเนื้อนางที่มาสัมผัส และคอยดูแลใกล้ชิด
ตัวผมเองก็มีหญิงสาวมาอยู่เคียงข้าง ใบหน้าสวยถูกประทินด้วยแป้งหนาและเครื่องสำอาง เธอมีโครงหน้าเรียว คางแหลม ตาเล็ก ริมฝีปากเผยอเล็กๆ ยามเธอเผลอ ฟันกระต่ายช่วยให้ดูมีเสน่ห์ สาวน้อยอยู่ในเครื่องแต่งกายด้วยกระโปรงปลายบานจับจีบสีแดงสดยาวกร่อมเท้า เสื้อสีขาวบางเบาแขนกว้างราวกับปีกหงส์ ผมไม่ได้รู้สึกกระหายเรือนร่างสตรีในตอนนี้ แต่ก็ไม่คิดปฏิเสธให้เสียบรรยากาศ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถี
“ผมเคยเห็นชุดอย่างนี้ในหนังสือ”
เธอยิ้มเล็กๆ มองหน้าผมไม่วาง ราวกับกำลังสะกดจิต เธอจ้องมองโดยไม่เกรงกลัวสายตาผม เอ่ยออกมาเบาๆ ประหนึ่งต้องการให้การสนทนานี้มีเพียงผมและเธอเท่านั้นที่รับรู้
“อย่างนั้นคุณคงรู้ว่านี่เป็นชุดของมิโกะ” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าเล็กน้อย แต่กลับมีเสน่ห์น่าฟัง
“มิโกะ?”
“ก็หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรม ช่วยเหลืองานในศาลเจ้าชินโตไงล่ะ พวกเธอต้องร่ายรำในงานพิธี รวมถึงให้คำพยากรณ์อนาคต โดยทั่วไปแล้วมิโกะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์เท่านั้น”
“อย่างนั้นหรือ”
“กระโปรงนี้เรียกว่า ฮากามะ ส่วนนี่...” เธอเลิกชายกระโปรงเผยให้เห็นเรียวเท้าถูกสวมใส่ไว้ด้วยถุงเท้าสีขาว “ถุงเท้านี่เรียกว่า ทาบิ”
“ไม่คิดว่าคุณจะทราบเรื่องพวกนี้”
“หนูไม่ชำนาญแต่เฉพาะเรื่องที่ผู้ชายต้องการหรอก แม้รู้ไม่มากนัก แต่ก็เป็นความสนใจ อาจไม่เป็นประโยชน์ แต่หนูก็ภูมิใจ อิ่มเอิบที่ได้รู้”
“เรื่องราวและชุดของมิโกะทำให้คุณอิ่มเอิบ?”
“ที่สุด คุณเข้าใจไหม เป็นเรื่องที่หนูรู้มากกว่าใครอีกหลายคน ใช่ว่าหนูพอใจกับการเป็นฝ่ายรองรับ ใครๆ ก็อยากเหนือกว่าคนอื่น เรื่องนี้ทำให้หนูรู้สึกอย่างนั้น อย่างน้อยก็กับตัวเอง หนูบอกตัวเองว่ามีคนนับล้านในประเทศนี้ไม่รู้เรื่องมิโกะ”
“มีเหตุผลเพียงพอให้รู้สึกอย่างนั้นได้”
เธอขยับมาเบียดผมมากขึ้น ผมมองคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจใครนอกจากคู่ของตนเอง
“หนูสวมชุดนี้มาเกือบทุกคืน ยาวนานหลายเดือน ไม่เคยมีใครสนใจชุดที่หนูใส่เลย คุณเป็นคนแรก”
‘
น่าภูมิใจอิบหาย’ ผมคิด
เครื่องแต่งองค์แบบมิโกะปกปิดเรือนร่างของเธอไว้มิดชิด เท่าที่สังเกตตั้งแต่เธอเดินเข้ามาทรุดนั่งลงใกล้ๆ สาวน้อยนางนี้มีบุคลิกดี ไม่แสดงว่าร้อนแรงเร้าร้อน ตาของเธอแม้มิได้ใสซื่อแต่ก็ปราศจากแววเลวร้าย องค์เอว สะโพก และเนินอกของเธอจะมากน้อยอย่างไร หากผมประสงค์รับรู้เธอคงไม่ปฏิเสธ แต่เวลานี้ยังไม่มีต้องการเช่นว่านั้น ผมชอบภาพสาวน้อยนางนี้ในรูปลักษณ์มิโกะมากกว่า บางทีมันอาจสร้างให้เกิดอารมณ์ปรารถนาได้มากกว่าร่างเปลือยเปล่าด้วยซ้ำไป นี่หาใช่คำพูดสวยหรูประหนึ่งสุภาพบุรุษตัวอย่าง แต่เป็นความคิดในช่วงเวลานี้โดยแท้จริง ในเวลาอื่นผมไม่อาจยืนยันได้ว่ายังคิดอย่างนี้หรือเปล่า
งานเลี้ยงต้อนรับพันธมิตรธุรกิจจบลงเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน เด็กสาวในชุดแดนซามูไรเดินมาส่งหน้าห้องอาหาร ผมมองตาของสาวน้อยมิโกะ ริมฝีปากแดงของเธอขยับเป็นรอยยิ้มเล็กๆ เป็นเสน่ห์ติดตัวไม่เสื่อมหาย แต่แววตาเหมือนมีบางอย่าง อาจเป็นแววอาลัย จะใช่หรือ คงไม่ หรือเป็นแววอาลัยที่เธอสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดใจให้ลูกค้าหวนกลับมาอีก บางทีอาจเป็นความเหนื่อยอ่อนจากงาน ผมรู้สึกว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง หรือจะเป็นแววตาปกติสามัญไร้ความคิดใดๆ ซุกซ่อน ความซับซ้อนอาจอยู่ในความคิดของผมเองก็เป็นได้
**
[นวนิยาย]....Loneliness....บท ๔(๒)
ขอบคุณทุกท่านในการสละเวลาอ่านครับ
Loneliness : เรื่อง
???? ???????? : เขียน
ตอนที่ ๑
http://pantip.com/topic/30905320
ตอนที่ ๒ (๑)
http://pantip.com/topic/30930596
ตอนที่ ๒ (๒)
http://pantip.com/topic/30951284
ตอนที่ ๓ (๑)
http://pantip.com/topic/31052922
ตอนที่ ๓(๒)
http://pantip.com/topic/31096930
ตอนที่ ๔ (๑)
http://pantip.com/topic/31152258
วินพาว่าที่พันธมิตรทางธุรกิจไปห้องอาหารกลางเมือง ร้านสามชั้น ไม่ถึงกับใหญ่โต แต่ก็เป็นที่รู้จัก วินบอกว่าเป็นร้านที่บริการอาหารหลากหลายสไตล์ หลากหลายชาติ ทั้งเกาหลี ไทย ญี่ปุ่น ยุโรป จีน ฯลฯ แต่เจ้าของร่วมล้วนเป็นคนไทย ไม่มีเชื้อชาติอื่น ไอเดียทั้งหมดล้วนเกิดจากหัวผู้เป็นเจ้าของ
ร้านอาหารนี้มีส่วนจัดไว้เป็นห้องส่วนตัว เราใช้บริการส่วนนั้น เลือกบริการตามวัฒนธรรมแดนอาทิตย์อุทัย ห้องกว้างขวาง เราแปดคนดูยังน้อยไป เราทั้งหมดนั่งล้อมโต๊ะไม้ยาวตัวเตี้ย มีพนักงานสวมชุดประจำชาติญี่ปุ่นยืนรอคอยรับใช้ เด็กสาวผิวออกขาว แต่เมื่อพินิจ ทราบไม่ยากว่ามีเชื้อสายทางภาคอีสานของไทย แต่เธอก็สุภาพ บริการได้อย่างมืออาชีพ
เพื่อนของผมจัดการเรื่องรายการอาหารได้อย่างไร้ที่ติ ตามด้วยเบียร์ยี่ห้อดังของญี่ปุ่น ยามเครื่องดื่มจากปลายข้าวเข้าปาก เสมือนค่อยๆ กร่อนฐานะ มาดหรู และความเป็นตัวตนของกันและกันออก กลายเป็นพวกเดียวกัน สนทนากันเต็มที่ เสียงหัวเราะเฮดังเป็นระยะไร้การเก็บงำห่วงบุคลิก เรื่องที่สนทนาจากเรื่องราวจริงจังใหญ่โตกลับกลายสู่เรื่องเล็กน้อย เรื่องส่วนตัว เมียที่บ้าน ฟุตบอล ละคร เรื่อยจนเรื่องผู้หญิง
กรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์ถอดเสื้อนอก พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาเกือบถึงข้อศอก เริ่มพร่ำพรรณนาว่า ไม่ได้นอนกับเมียที่บ้านมาเกือบสามปีแล้ว ยามอยู่บนเตียงด้วยกัน ทั้งสองห่อเหี่ยวไร้แรงกระตุ้น หดหู่ราวกับเพิ่งดูละครโศกนาฏกรรม แต่เมื่อได้พบคนอื่น โดยเฉพาะสาวรุ่นวัยกระเตาะ ความตื่นตัวพุ่งพล่าน พร้อมลุยไม่ต่างจากครั้งออกสนามรบสมัยเกณฑ์ทหาร ผู้บริหารจากสถานีโทรทัศน์ยังว่า ไม่ใช่ตัวแกเองหื่นกระหายเต็มไปด้วยตัณหา แต่มีคนในบริษัท และผู้ที่ต้องการเข้ามาขอพึ่งพิงจำนวนมาก เชื้อเชิญ หรืออาจเรียกว่าประเคนสาวน้อยหลากหลายสไตล์มาให้เลือก เด็กสาวในสังกัด เด็กของตัวเอง เมียน้อยของตน แกผ่านมาหมด แต่แกก็ว่าไม่เคยจำหน้าใครได้เลย
“นี่ถ้าพวกเธอเปิดประตูเข้ามาที่นี่ ผมคงได้แค่บอกว่า พวกคุณเข้าห้องผิดแล้ว ใบหน้าสวยๆ เหล่านั้น ไม่มีติดอยู่ในความจำผมเลยสักนิด”
“แล้วเมียคุณล่ะ ยังจำเธอได้หรือเปล่า” เพื่อนผมลองเอ่ยถาม
“นั่นเป็นความทรงจำภาคบังคับ” แกตอบแล้วก็หัวเราะ ทั้งห้องพากันหัวเราะครืน
เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำหน้าที่ วินเรียกเด็กสาวที่คอยดูแลเรามากระซิบ เธอหายไปเกือบสิบนาที จากนั้นจึงกลับมาพร้อมหญิงสาวผิวขาว แต่งกายด้วยชุดหลากรูปแบบหลายสีสันภายใต้กรอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ละนางเยื้องย่างสุภาพเรียบร้อยมาทรุดตัวเบียดใกล้ลูกค้าครบถ้วน ไม่มีใครคัดค้านหรือผลักไส ต่างยินดีกับเนื้อนางที่มาสัมผัส และคอยดูแลใกล้ชิด
ตัวผมเองก็มีหญิงสาวมาอยู่เคียงข้าง ใบหน้าสวยถูกประทินด้วยแป้งหนาและเครื่องสำอาง เธอมีโครงหน้าเรียว คางแหลม ตาเล็ก ริมฝีปากเผยอเล็กๆ ยามเธอเผลอ ฟันกระต่ายช่วยให้ดูมีเสน่ห์ สาวน้อยอยู่ในเครื่องแต่งกายด้วยกระโปรงปลายบานจับจีบสีแดงสดยาวกร่อมเท้า เสื้อสีขาวบางเบาแขนกว้างราวกับปีกหงส์ ผมไม่ได้รู้สึกกระหายเรือนร่างสตรีในตอนนี้ แต่ก็ไม่คิดปฏิเสธให้เสียบรรยากาศ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถี
“ผมเคยเห็นชุดอย่างนี้ในหนังสือ”
เธอยิ้มเล็กๆ มองหน้าผมไม่วาง ราวกับกำลังสะกดจิต เธอจ้องมองโดยไม่เกรงกลัวสายตาผม เอ่ยออกมาเบาๆ ประหนึ่งต้องการให้การสนทนานี้มีเพียงผมและเธอเท่านั้นที่รับรู้
“อย่างนั้นคุณคงรู้ว่านี่เป็นชุดของมิโกะ” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าเล็กน้อย แต่กลับมีเสน่ห์น่าฟัง
“มิโกะ?”
“ก็หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรม ช่วยเหลืองานในศาลเจ้าชินโตไงล่ะ พวกเธอต้องร่ายรำในงานพิธี รวมถึงให้คำพยากรณ์อนาคต โดยทั่วไปแล้วมิโกะต้องเป็นสาวบริสุทธิ์เท่านั้น”
“อย่างนั้นหรือ”
“กระโปรงนี้เรียกว่า ฮากามะ ส่วนนี่...” เธอเลิกชายกระโปรงเผยให้เห็นเรียวเท้าถูกสวมใส่ไว้ด้วยถุงเท้าสีขาว “ถุงเท้านี่เรียกว่า ทาบิ”
“ไม่คิดว่าคุณจะทราบเรื่องพวกนี้”
“หนูไม่ชำนาญแต่เฉพาะเรื่องที่ผู้ชายต้องการหรอก แม้รู้ไม่มากนัก แต่ก็เป็นความสนใจ อาจไม่เป็นประโยชน์ แต่หนูก็ภูมิใจ อิ่มเอิบที่ได้รู้”
“เรื่องราวและชุดของมิโกะทำให้คุณอิ่มเอิบ?”
“ที่สุด คุณเข้าใจไหม เป็นเรื่องที่หนูรู้มากกว่าใครอีกหลายคน ใช่ว่าหนูพอใจกับการเป็นฝ่ายรองรับ ใครๆ ก็อยากเหนือกว่าคนอื่น เรื่องนี้ทำให้หนูรู้สึกอย่างนั้น อย่างน้อยก็กับตัวเอง หนูบอกตัวเองว่ามีคนนับล้านในประเทศนี้ไม่รู้เรื่องมิโกะ”
“มีเหตุผลเพียงพอให้รู้สึกอย่างนั้นได้”
เธอขยับมาเบียดผมมากขึ้น ผมมองคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจใครนอกจากคู่ของตนเอง
“หนูสวมชุดนี้มาเกือบทุกคืน ยาวนานหลายเดือน ไม่เคยมีใครสนใจชุดที่หนูใส่เลย คุณเป็นคนแรก”
‘น่าภูมิใจอิบหาย’ ผมคิด
เครื่องแต่งองค์แบบมิโกะปกปิดเรือนร่างของเธอไว้มิดชิด เท่าที่สังเกตตั้งแต่เธอเดินเข้ามาทรุดนั่งลงใกล้ๆ สาวน้อยนางนี้มีบุคลิกดี ไม่แสดงว่าร้อนแรงเร้าร้อน ตาของเธอแม้มิได้ใสซื่อแต่ก็ปราศจากแววเลวร้าย องค์เอว สะโพก และเนินอกของเธอจะมากน้อยอย่างไร หากผมประสงค์รับรู้เธอคงไม่ปฏิเสธ แต่เวลานี้ยังไม่มีต้องการเช่นว่านั้น ผมชอบภาพสาวน้อยนางนี้ในรูปลักษณ์มิโกะมากกว่า บางทีมันอาจสร้างให้เกิดอารมณ์ปรารถนาได้มากกว่าร่างเปลือยเปล่าด้วยซ้ำไป นี่หาใช่คำพูดสวยหรูประหนึ่งสุภาพบุรุษตัวอย่าง แต่เป็นความคิดในช่วงเวลานี้โดยแท้จริง ในเวลาอื่นผมไม่อาจยืนยันได้ว่ายังคิดอย่างนี้หรือเปล่า
งานเลี้ยงต้อนรับพันธมิตรธุรกิจจบลงเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน เด็กสาวในชุดแดนซามูไรเดินมาส่งหน้าห้องอาหาร ผมมองตาของสาวน้อยมิโกะ ริมฝีปากแดงของเธอขยับเป็นรอยยิ้มเล็กๆ เป็นเสน่ห์ติดตัวไม่เสื่อมหาย แต่แววตาเหมือนมีบางอย่าง อาจเป็นแววอาลัย จะใช่หรือ คงไม่ หรือเป็นแววอาลัยที่เธอสร้างขึ้นเพื่อผูกมัดใจให้ลูกค้าหวนกลับมาอีก บางทีอาจเป็นความเหนื่อยอ่อนจากงาน ผมรู้สึกว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง หรือจะเป็นแววตาปกติสามัญไร้ความคิดใดๆ ซุกซ่อน ความซับซ้อนอาจอยู่ในความคิดของผมเองก็เป็นได้