สำหรับบางท่านที่เคยติดตามอ่านกันมา อาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว สำหรับการตรวจสอบผ้าเบรคหน้า
แต่วันนี้เราจะมาลงลึกในรายละเอียดกันต่อไป เพราะว่าวันนี้เราจะไม่ได้มาดูว่าผ้าเบรค เหลือหนา บาง แค่ไหน ?
แต่เราจะมาดูถึงส่วนประกอบของชุดผ้าเบรคหน้า และต้นเหตุของปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบเบรค
ถ้าเราได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจไว้บ้าง เราก็จะตระหนัก และให้ความสำคัญในการดูแลรักษา เพื่อผลประโยชน์
สูงสุด ที่จะเกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ถ้าการอ่านเยอะๆ แล้วทำให้ตัวท่านเอง ไม่ไปงานงอกระหว่างทาง แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
1. รูปนี้ ถ่ายตอนที่ใกล้จะเสร็จงานแล้ว ตอนแรกตั้งใจที่จะรื้อตรวจสอบผ้าเบรค ทั่วๆไป แต่.... เมื่อเครื่องมือพร้อม
อะไหล่ และอุปกรณ์ต่างๆ พร้อม ก็เลยมีเวลา ลูบๆ คลำๆ กันนานพอสมควร จึงเป็นที่มาของการ D.I.Y. ในครั้งนี้
จากรูป จะเห็นว่ามีน้ำยาล้างเบรค ยี่ห้อเบนดิค จำนวน 2 กระป๋อง ขนาด 400 g. ราคา 200 บาทต่อกระป๋อง
ผมใช้ข้างละกระป๋องเลย แบบว่าไหนๆ ก็ทำเองแล้ว ล้างกันแบบเนียนๆ กันเลย
2. แม่แรงติดรถ อาจจะทำงานได้ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ถ้ามีแม่ตะเข้ พร้อมขาค้ำยัน งานที่จะลงมือทำจะง่ายขึ้น
3. ก่อนที่จะทำการขึ้นแม่แรง ให้คลายน็อตล็อคล้อ ด้วยบล็อคหกเหลี่ยมเบอร์ 19 สำหรับงานถอดน็อตล้อ
และถ้ามีแป๊บเหล็กต่อด้ามให้ยาว จะช่วยให้คลายน็อตล้อออกได้ แม้จะโดนบล็อคลมอัดมาก็ตาม
สังเกตว่า ผ้าเบรคยี่ห้อ Bendix Metal King ฝุ่นผ้าเบรคจะเยอะมาก แต่ด้วยคุณสมบัติ และราคาแล้วที่ไม่แพง
ผมจึงเลือกใช้ เดี๋ยวตามมาดูกัน มีอะไรจะบอกอีกเยอะ
4. ทำงานด้วยความปลอดภัย อย่าไปไว้ใจ ตะเข้ตัวเดียว ให้เอาสามขามาค้ำเอาไว้ กันเหนียวเอาไว้ก่อน
5. เมื่อถอดล้อออกไปแล้ว สิ่งที่ได้เห็นคือ ฝุ่นผ้าเบรคกระจายเต็มไปหมด ผ้าเบรคยี่ห้อ Bendix Metal King
สำหรับคนที่มีล้อแม็กสวยๆ อาจจะไม่ชอบ คงต้องไปเลือกใช้ยี่ห้ออื่น แต่ประสิทธิภาพในการเบรค ผมว่าดีเยี่ยม
อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ
6. ใช้น้ำยาล้างเบรค Bendix ฉีดล้างทำความสะอาดภายนอก อย่างชุ่มโชก คงต้องเรียกว่าอาบ น่าจะเหมาะสม
7. ในการที่เราจะตรวจสอบ ความหนาของผ้าเบรค ควรที่จะต้องทำการยกฝักผ้าเบรคขึ้น ดังรูป เนื่องจากว่า
การส่องดูจากภายนอก จะเห็นแค่ผ้าเบรคด้านเดียว ซึ่งอาจจะเป็นข้างที่เหลือเยอะ แต่...อีกข้างที่เราไม่เห็น
มันอาจจะสึกจนเกือบจะถึงเหล็กผ้าเบรคแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นเสียเวลาตรวจดูสักนิด จะได้ประมาณได้ว่า
จะเปลี่ยนผ้าเบรคครั้งต่อไปที่ระยะทางเท่าไร ? การที่ผ้าเบรคกินด้านเดียวมากเกินไป เกิดจากสลักคาร์ลิปเปอร์
เบรคมันติด ควรรีบทำการแก้ไขในทันที อย่าปล่อยเอาไว้
8. จากรูป ผ้าเบรค Bendix Metal King ใช้งานมาแล้ว 25,000 Km. คาดว่าผ้าเบรคหน้าชุดนี้ใช้ได้ไม่เกิน
60,000 Km. ระยะปลอดภัยน่าจะเปลี่ยนหลังจากใช้งานผ่านไป 50,000 Km. อันนี้เป็นความรู้สึกจากการใช้งาน
จริงของผมเอง ส่วนรถของใคร ใช้ผ้าเบรคยี่ห้อไหน จะต้องเปลี่ยนที่ระยะเท่าไร ? แนะนำว่าเจ้าของรถ ควรที่จะ
ต้อง ดูแล และตรวจสอบด้วยตนเอง หรือไปหาช่าง ให้เขาทำการเปิดออกมาดู แล้วมาประเมินดูเอาตามความ
เหมาะสมของแต่ละท่าน ส่วนผ้าเบรคติดรถที่มาจากโรงงาน ผมเปลี่ยนครั้งแรกที่ระยะ 180,000 Km. ครับ
ที่ผมรู้ว่าควรจะต้องเปลี่ยนที่ระยะเท่าไร เกิดจากการที่ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอนั้นเอง ถึงกล้าที่จะใช้งานมาได้
ถึงระยะนี้
9. รูปผ้าเบรคติดรถของเดิม ที่ใช้งานมาจนถึงระยะ 180,000 Km. จริงๆ จะใช้ต่อไปอีกก็ได้ แต่มันเริ่มเสี่ยงแล้ว
ก็เลยเปลี่ยนซะก่อนที่งานจะเข้า
10. เมื่อทำการยกฝักผ้าเบรคขึ้นแล้ว นอกจากจะตรวจสอบความหนาของผ้าเบรคแล้ว อีกจุดนึงที่ควรให้ความ
สำคัญ นั้นก็คือ สลักคาร์ลิปเปอร์เบรค ด้านบน และด้านล่าง ที่มียางกันฝุ่นหุ้มเอาไว้อีกชั้น ดังรูป หากพบว่า
ไม่สามารถที่จะขยับสลักคาร์ลิปเปอร์ได้ด้วยมือ เนื่องจากแกนคาร์ลิปเปอร์เบรคมันติด เนื่องจากสนิม หรือว่า
ยางกันฝุ่นบวม ฉีกขาด ควรรีบดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนอะไหล่หรือชุดซ่อมในทันที
ชุดเบรคหน้าอาจจะแตกต่างไป ตามรุ่น และยี่ห้อนั้นๆ แต่โดยหลักการทำงานแล้วจะคล้ายคลีงกัน สามารถดู
แล้วเอาไปปรับใช้กับ รุ่นรถยนต์ ที่ท่านเป็นเจ้าของนะครับ ชุดเบรคหน้ามันก็มีเท่าเนี้ยครับ
11. อีกจุดนึงที่ต้องมาดูกันต่อ ก็คือ ยางกันฝุ่นลูกสูบเบรค หากพบว่าฉีกขาด ก็ควรรีบดำเนินการแก้ไข โดยปกติ
แล้ว ลูกยางพวกนี้มีอายุการใช้งานได้เกิน 7 ปีอยู่แล้ว แต่ที่มีการฉีกขาดก่อนเวลา เนื่องจากในกระบวนการใน
การเปลี่ยนผ้าเบรค ที่ต้องมีการดันลูกสูบกลับ อาจจะไปโดนทำให้ยางกันฝุ่น ฉีกขาด เสียหายเล็กน้อย แล้วค่อยๆ
ขยายๆ แผล โตออกไปเรื่อยๆ ถ้าตรวจเช็คแล้ว คราวนี้ยังไม่ทำ เปลี่ยนผ้าเบรคครั้งหน้าก็จัดไปซะเลยที่เดียว
12. สภาพยางกันฝุ่นที่ใช้งานผ่านมาแล้ว 5 ปี กับระยะทาง 205,000 Km. จากรูป จะเห็นยางกันฝุ่นมันบวม
อาจจะเป็นเพราะว่า ใช้เวลาลองผิดลองถูก กับจารบีคาร์ลิปเปอร์เบรคมาหลายยี่ห้อ จนมาเจอ จารบีเบนดิค
สำหรับงานลูกยางเบรคโดยเฉพาะ ราคายางกันฝุ่นแบบซื้อแยกชิ้นแบบนี้แพงครับ ราคา 160 บาท บวก Vat
เป็นราคาต่อ 1 ชิ้น P/N : 8-98078193-0 เจอเข้าไป 4 ชิ้น เกือบ 700 บาท คาดว่าถ้าเพิ่มตังค์อีกหน่อย
น่าจะได้ครบชุด ลูกยางชุดซ่อมเบรคหน้า เพราะว่าเคยซื้อ ลูกยางชุดซ่อม ของ Isuzu รุ่นปี 2003 ราคาทั้งหมด
รวมทุกอย่างใน 1 ชุด ราคาประมาณ 900 บาท เดี๋ยวคราวหน้าไปซื้อมาเก็บเอาไว้ดีกว่า เพราะว่าเดี๋ยวก็ต้อง
ได้ใช้แน่นอน ก็นำข้อมูลมาแชร์กันนะครับ กับสิ่งที่ผมเจอมา
13. หน้าตาของสลักคาร์ลิปเปอร์ล่าง ที่มักจะมีปัญหาแกนติด เนื่องจากลุยน้ำแล้วน้ำเข้าแทนที่จารบี สุดท้าย
กลายเป็นสนิม แกนขยับไม่ได้ อาการเบาๆ ก็ผ้าเบรคกินข้าง อาการหนักก็เบรคติด ควรใช้เฉพาะจารบีที่เกี่ยวข้อง
กับงานเบรคเท่านั้น ถ้าใช้จารบีแบบอื่น จะทนความร้อนไม่ได้ จารบีจะแห้งแข็ง และทำให้ยางกันฝุ่นบวม
จากรูป เป็นสลักคาร์ลิปเปอร์ล่าง ของ Isuzu 3.0 VGS ปี 2008 P/N: 8-98078176-0 ราคา 200 บาท บวก Vat
ปัญหาส่วนใหญ่มักจะเกิดกับตัวล่างมากกว่าตัวบน หลังจากที่ทำการหล่อลื่นแกนแล้วก็ใส่กลับคืนที่เดิม
สังเกต ที่สลักคาร์ลิปเปร์ล่าง จะมีลูกยางที่ปลายแกนด้วย ดังรูป
14. หน้าตาของสลักคาร์ลิปเปอร์บน ตัวนี้ไม่ค่อยมีปัญหาแกนติด ส่วนมากที่เจอจะเป็นอาการจารบีแห้ง แข็ง
ถอดออกมาล้างทำความสะอาด หล่อลื่นด้วยจารบีสำหรับงานเบรค แล้วก็ใส่กลับคืนที่เดิม สังเกตว่าที่ปลาย
แกนคาร์ลิปเปอร์บน จะไม่มีลูกยางที่ปลายแกน ตัวนี้ผมยังไม่เคยซื้อ ยังใช้ตัวเดิมอยู่เลย
15. หลังจากตรวจสอบ ล้างทำความสะอาด หล่อลื่นแกนคาร์ลิปเปอร์ เปลี่ยนอะไหล่ยางกันฝุ่นแกนคาร์ลิปเปอร์
ก็ทำการประกอบทุกอย่างกลับคืนที่เดิม ก็เป็นอันเรียบร้อย สำหรับคนที่คิดจะทำเอง แนะนำว่าให้ทำการถอดรื้อ
ที่ละข้าง เหลืออีกข้างเอาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ รถเราเอง ถ้าเราสามารถดูแลตรวจเช็คได้ รับรองงานไม่เข้าแน่นอน
เดี๋ยวว่างๆ จะมาต่อด้วยการล้างทำความสะอาดผ้าเบรคหลังนะครับ ซึ่งไม่มีอะไรมาก เปิดฝาครอบออกมาได้
ก็เอาน้ำยาล้างเบรคฉีดล้าง ทำเองรู้เอง ได้ความรู้แบบเต็มๆ ไปจ้างเขาทำก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ที่ใจเราต้องการหรือเปล่า ?
D.I.Y. ตรวจ เช็ค รื้อ ล้าง เปลี่ยนอะไหล่ ชุดผ้าเบรคหน้า ISUZU by Yai6000
แต่วันนี้เราจะมาลงลึกในรายละเอียดกันต่อไป เพราะว่าวันนี้เราจะไม่ได้มาดูว่าผ้าเบรค เหลือหนา บาง แค่ไหน ?
แต่เราจะมาดูถึงส่วนประกอบของชุดผ้าเบรคหน้า และต้นเหตุของปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบเบรค
ถ้าเราได้เรียนรู้ และทำความเข้าใจไว้บ้าง เราก็จะตระหนัก และให้ความสำคัญในการดูแลรักษา เพื่อผลประโยชน์
สูงสุด ที่จะเกิดขึ้นกับตัวท่านเอง ถ้าการอ่านเยอะๆ แล้วทำให้ตัวท่านเอง ไม่ไปงานงอกระหว่างทาง แค่นี้ก็คุ้มแล้ว
1. รูปนี้ ถ่ายตอนที่ใกล้จะเสร็จงานแล้ว ตอนแรกตั้งใจที่จะรื้อตรวจสอบผ้าเบรค ทั่วๆไป แต่.... เมื่อเครื่องมือพร้อม
อะไหล่ และอุปกรณ์ต่างๆ พร้อม ก็เลยมีเวลา ลูบๆ คลำๆ กันนานพอสมควร จึงเป็นที่มาของการ D.I.Y. ในครั้งนี้
จากรูป จะเห็นว่ามีน้ำยาล้างเบรค ยี่ห้อเบนดิค จำนวน 2 กระป๋อง ขนาด 400 g. ราคา 200 บาทต่อกระป๋อง
ผมใช้ข้างละกระป๋องเลย แบบว่าไหนๆ ก็ทำเองแล้ว ล้างกันแบบเนียนๆ กันเลย
2. แม่แรงติดรถ อาจจะทำงานได้ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ถ้ามีแม่ตะเข้ พร้อมขาค้ำยัน งานที่จะลงมือทำจะง่ายขึ้น
3. ก่อนที่จะทำการขึ้นแม่แรง ให้คลายน็อตล็อคล้อ ด้วยบล็อคหกเหลี่ยมเบอร์ 19 สำหรับงานถอดน็อตล้อ
และถ้ามีแป๊บเหล็กต่อด้ามให้ยาว จะช่วยให้คลายน็อตล้อออกได้ แม้จะโดนบล็อคลมอัดมาก็ตาม
สังเกตว่า ผ้าเบรคยี่ห้อ Bendix Metal King ฝุ่นผ้าเบรคจะเยอะมาก แต่ด้วยคุณสมบัติ และราคาแล้วที่ไม่แพง
ผมจึงเลือกใช้ เดี๋ยวตามมาดูกัน มีอะไรจะบอกอีกเยอะ
4. ทำงานด้วยความปลอดภัย อย่าไปไว้ใจ ตะเข้ตัวเดียว ให้เอาสามขามาค้ำเอาไว้ กันเหนียวเอาไว้ก่อน
5. เมื่อถอดล้อออกไปแล้ว สิ่งที่ได้เห็นคือ ฝุ่นผ้าเบรคกระจายเต็มไปหมด ผ้าเบรคยี่ห้อ Bendix Metal King
สำหรับคนที่มีล้อแม็กสวยๆ อาจจะไม่ชอบ คงต้องไปเลือกใช้ยี่ห้ออื่น แต่ประสิทธิภาพในการเบรค ผมว่าดีเยี่ยม
อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ
6. ใช้น้ำยาล้างเบรค Bendix ฉีดล้างทำความสะอาดภายนอก อย่างชุ่มโชก คงต้องเรียกว่าอาบ น่าจะเหมาะสม
7. ในการที่เราจะตรวจสอบ ความหนาของผ้าเบรค ควรที่จะต้องทำการยกฝักผ้าเบรคขึ้น ดังรูป เนื่องจากว่า
การส่องดูจากภายนอก จะเห็นแค่ผ้าเบรคด้านเดียว ซึ่งอาจจะเป็นข้างที่เหลือเยอะ แต่...อีกข้างที่เราไม่เห็น
มันอาจจะสึกจนเกือบจะถึงเหล็กผ้าเบรคแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้นเสียเวลาตรวจดูสักนิด จะได้ประมาณได้ว่า
จะเปลี่ยนผ้าเบรคครั้งต่อไปที่ระยะทางเท่าไร ? การที่ผ้าเบรคกินด้านเดียวมากเกินไป เกิดจากสลักคาร์ลิปเปอร์
เบรคมันติด ควรรีบทำการแก้ไขในทันที อย่าปล่อยเอาไว้
8. จากรูป ผ้าเบรค Bendix Metal King ใช้งานมาแล้ว 25,000 Km. คาดว่าผ้าเบรคหน้าชุดนี้ใช้ได้ไม่เกิน
60,000 Km. ระยะปลอดภัยน่าจะเปลี่ยนหลังจากใช้งานผ่านไป 50,000 Km. อันนี้เป็นความรู้สึกจากการใช้งาน
จริงของผมเอง ส่วนรถของใคร ใช้ผ้าเบรคยี่ห้อไหน จะต้องเปลี่ยนที่ระยะเท่าไร ? แนะนำว่าเจ้าของรถ ควรที่จะ
ต้อง ดูแล และตรวจสอบด้วยตนเอง หรือไปหาช่าง ให้เขาทำการเปิดออกมาดู แล้วมาประเมินดูเอาตามความ
เหมาะสมของแต่ละท่าน ส่วนผ้าเบรคติดรถที่มาจากโรงงาน ผมเปลี่ยนครั้งแรกที่ระยะ 180,000 Km. ครับ
ที่ผมรู้ว่าควรจะต้องเปลี่ยนที่ระยะเท่าไร เกิดจากการที่ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอนั้นเอง ถึงกล้าที่จะใช้งานมาได้
ถึงระยะนี้
9. รูปผ้าเบรคติดรถของเดิม ที่ใช้งานมาจนถึงระยะ 180,000 Km. จริงๆ จะใช้ต่อไปอีกก็ได้ แต่มันเริ่มเสี่ยงแล้ว
ก็เลยเปลี่ยนซะก่อนที่งานจะเข้า
10. เมื่อทำการยกฝักผ้าเบรคขึ้นแล้ว นอกจากจะตรวจสอบความหนาของผ้าเบรคแล้ว อีกจุดนึงที่ควรให้ความ
สำคัญ นั้นก็คือ สลักคาร์ลิปเปอร์เบรค ด้านบน และด้านล่าง ที่มียางกันฝุ่นหุ้มเอาไว้อีกชั้น ดังรูป หากพบว่า
ไม่สามารถที่จะขยับสลักคาร์ลิปเปอร์ได้ด้วยมือ เนื่องจากแกนคาร์ลิปเปอร์เบรคมันติด เนื่องจากสนิม หรือว่า
ยางกันฝุ่นบวม ฉีกขาด ควรรีบดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนอะไหล่หรือชุดซ่อมในทันที
ชุดเบรคหน้าอาจจะแตกต่างไป ตามรุ่น และยี่ห้อนั้นๆ แต่โดยหลักการทำงานแล้วจะคล้ายคลีงกัน สามารถดู
แล้วเอาไปปรับใช้กับ รุ่นรถยนต์ ที่ท่านเป็นเจ้าของนะครับ ชุดเบรคหน้ามันก็มีเท่าเนี้ยครับ
11. อีกจุดนึงที่ต้องมาดูกันต่อ ก็คือ ยางกันฝุ่นลูกสูบเบรค หากพบว่าฉีกขาด ก็ควรรีบดำเนินการแก้ไข โดยปกติ
แล้ว ลูกยางพวกนี้มีอายุการใช้งานได้เกิน 7 ปีอยู่แล้ว แต่ที่มีการฉีกขาดก่อนเวลา เนื่องจากในกระบวนการใน
การเปลี่ยนผ้าเบรค ที่ต้องมีการดันลูกสูบกลับ อาจจะไปโดนทำให้ยางกันฝุ่น ฉีกขาด เสียหายเล็กน้อย แล้วค่อยๆ
ขยายๆ แผล โตออกไปเรื่อยๆ ถ้าตรวจเช็คแล้ว คราวนี้ยังไม่ทำ เปลี่ยนผ้าเบรคครั้งหน้าก็จัดไปซะเลยที่เดียว
12. สภาพยางกันฝุ่นที่ใช้งานผ่านมาแล้ว 5 ปี กับระยะทาง 205,000 Km. จากรูป จะเห็นยางกันฝุ่นมันบวม
อาจจะเป็นเพราะว่า ใช้เวลาลองผิดลองถูก กับจารบีคาร์ลิปเปอร์เบรคมาหลายยี่ห้อ จนมาเจอ จารบีเบนดิค
สำหรับงานลูกยางเบรคโดยเฉพาะ ราคายางกันฝุ่นแบบซื้อแยกชิ้นแบบนี้แพงครับ ราคา 160 บาท บวก Vat
เป็นราคาต่อ 1 ชิ้น P/N : 8-98078193-0 เจอเข้าไป 4 ชิ้น เกือบ 700 บาท คาดว่าถ้าเพิ่มตังค์อีกหน่อย
น่าจะได้ครบชุด ลูกยางชุดซ่อมเบรคหน้า เพราะว่าเคยซื้อ ลูกยางชุดซ่อม ของ Isuzu รุ่นปี 2003 ราคาทั้งหมด
รวมทุกอย่างใน 1 ชุด ราคาประมาณ 900 บาท เดี๋ยวคราวหน้าไปซื้อมาเก็บเอาไว้ดีกว่า เพราะว่าเดี๋ยวก็ต้อง
ได้ใช้แน่นอน ก็นำข้อมูลมาแชร์กันนะครับ กับสิ่งที่ผมเจอมา
13. หน้าตาของสลักคาร์ลิปเปอร์ล่าง ที่มักจะมีปัญหาแกนติด เนื่องจากลุยน้ำแล้วน้ำเข้าแทนที่จารบี สุดท้าย
กลายเป็นสนิม แกนขยับไม่ได้ อาการเบาๆ ก็ผ้าเบรคกินข้าง อาการหนักก็เบรคติด ควรใช้เฉพาะจารบีที่เกี่ยวข้อง
กับงานเบรคเท่านั้น ถ้าใช้จารบีแบบอื่น จะทนความร้อนไม่ได้ จารบีจะแห้งแข็ง และทำให้ยางกันฝุ่นบวม
จากรูป เป็นสลักคาร์ลิปเปอร์ล่าง ของ Isuzu 3.0 VGS ปี 2008 P/N: 8-98078176-0 ราคา 200 บาท บวก Vat
ปัญหาส่วนใหญ่มักจะเกิดกับตัวล่างมากกว่าตัวบน หลังจากที่ทำการหล่อลื่นแกนแล้วก็ใส่กลับคืนที่เดิม
สังเกต ที่สลักคาร์ลิปเปร์ล่าง จะมีลูกยางที่ปลายแกนด้วย ดังรูป
14. หน้าตาของสลักคาร์ลิปเปอร์บน ตัวนี้ไม่ค่อยมีปัญหาแกนติด ส่วนมากที่เจอจะเป็นอาการจารบีแห้ง แข็ง
ถอดออกมาล้างทำความสะอาด หล่อลื่นด้วยจารบีสำหรับงานเบรค แล้วก็ใส่กลับคืนที่เดิม สังเกตว่าที่ปลาย
แกนคาร์ลิปเปอร์บน จะไม่มีลูกยางที่ปลายแกน ตัวนี้ผมยังไม่เคยซื้อ ยังใช้ตัวเดิมอยู่เลย
15. หลังจากตรวจสอบ ล้างทำความสะอาด หล่อลื่นแกนคาร์ลิปเปอร์ เปลี่ยนอะไหล่ยางกันฝุ่นแกนคาร์ลิปเปอร์
ก็ทำการประกอบทุกอย่างกลับคืนที่เดิม ก็เป็นอันเรียบร้อย สำหรับคนที่คิดจะทำเอง แนะนำว่าให้ทำการถอดรื้อ
ที่ละข้าง เหลืออีกข้างเอาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ รถเราเอง ถ้าเราสามารถดูแลตรวจเช็คได้ รับรองงานไม่เข้าแน่นอน
เดี๋ยวว่างๆ จะมาต่อด้วยการล้างทำความสะอาดผ้าเบรคหลังนะครับ ซึ่งไม่มีอะไรมาก เปิดฝาครอบออกมาได้
ก็เอาน้ำยาล้างเบรคฉีดล้าง ทำเองรู้เอง ได้ความรู้แบบเต็มๆ ไปจ้างเขาทำก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ที่ใจเราต้องการหรือเปล่า ?