พรรคพวกที่ทำงานอยู่ ประเทศสิงคโปร์ เล่าให้ฟังว่า
ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ทำให้เศรษฐกิจที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ อย่างประเทศสิงคโปร์ที่ไม่มีทั้งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
เดือดร้อนเหมือนกัน
สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันในภูมิภาคนี้ เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เป็นประเทศพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่สิงคโปร์ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา สิงคโปร์ ต้องหาทางเอาประเทศรอด
ตรงนี้คือ วิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศสิงคโปร์ในรุ่นต่างๆ สิงคโปร์คิดพัฒนาศักยภาพประชากรของประเทศตลอดเวลา คนรุ่นใหม่ของสิงคโปร์ ถูกปลูกฝังให้เป็นนักคิด นักธุรกิจ นักบริหาร และมีความรักชาติโดยไม่ลืมความดั้งเดิมอันเป็น เอกลักษณ์ของชาติเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของสิงคโปร์ รวบรวมเอาความล้าสมัยและความทันสมัยไว้ด้วยกัน แม้กระทั่ง กระต่ายขูดมะพร้าว ก็ยังนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ให้ลูกให้หลานได้รู้ถึงการดำรงชีวิตของคนรุ่นก่อนที่จะมาถึงยุคนี้ ต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างไร
ถึงคราวคับขัน เพื่อเอาประเทศอยู่รอด สิงคโปร์ ตัดสินใจสร้างบ่อนกาสิโน ที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ไปเที่ยวสิงคโปร์เห็นเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ไปอยู่บนยอดตึก นั่นคือ บ่อนกาสิโนหรู เช่นเดียวกับมาเก๊า มีพื้นที่แค่กระแบะมือทำอะไรไม่ได้ ก็อาศัยรายได้จากบ่อนพนัน เลี้ยงคนมาเก๊าทั้งเกาะมาจนถึงทุกวันนี้
นี่เป็นตัวอย่างในการ เอาประเทศรอด ไม่ใช่การ เอาตัวรอดน่าเสียดาย ประเทศไทย มีพร้อมกว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้ แต่คนไทยไม่เคยรักสงบ ไม่เคยรู้รักสามัคคี ชิงดีชิงเด่น ไขว่คว้าหาอำนาจโดยไม่ชอบ แสวงหาและสงวนอำนาจเอาตัวรอด
การต่อสู้ระหว่างสองขั้วอำนาจทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทย สูญเสียโอกาส ไปอย่างมหาศาล เกือบ 10 ปี น่าจะได้เห็นความก้าวหน้าและการพัฒนาไปไกลกว่านี้
เพราะเราแยกไม่ออก ระหว่าง การเมือง กับ บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ ระบบกฎหมู่ กำลังจะอยู่เหนือ ระบบกฎหมาย อีกครั้ง อ้างว่าการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย อ้างว่าระบอบรัฐสภา ถูกบิดเบือน มีการรวบอำนาจ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา
ข้ออ้าง กำปั้นทุบดิน ที่ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตกเป็นฝ่ายค้านและต้องการล้มรัฐบาลด้วยกำลัง ก็จะใช้ข้ออ้างนี้ มาสร้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
อนาคตประเทศไทย เมื่อวาน วันนิ้และพรุ่งนี้ยังว้าเหว่ ยังมองไม่เห็นข้อยุติความขัดแย้งทางการเมืองจะลงเอยด้วยวิธีใด หากความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ในกรอบวิถีประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าออกนอกกรอบเมื่อไหร่หายนะแน่.
หมัดเหล็ก
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/380724
ระหว่างบ้านเมืองกับการเมือง...หมัดเหล็ก (ไทยรัฐออนไลน์)!!!
สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันในภูมิภาคนี้ เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เป็นประเทศพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่สิงคโปร์ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา สิงคโปร์ ต้องหาทางเอาประเทศรอด
ตรงนี้คือ วิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศสิงคโปร์ในรุ่นต่างๆ สิงคโปร์คิดพัฒนาศักยภาพประชากรของประเทศตลอดเวลา คนรุ่นใหม่ของสิงคโปร์ ถูกปลูกฝังให้เป็นนักคิด นักธุรกิจ นักบริหาร และมีความรักชาติโดยไม่ลืมความดั้งเดิมอันเป็น เอกลักษณ์ของชาติเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของสิงคโปร์ รวบรวมเอาความล้าสมัยและความทันสมัยไว้ด้วยกัน แม้กระทั่ง กระต่ายขูดมะพร้าว ก็ยังนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ให้ลูกให้หลานได้รู้ถึงการดำรงชีวิตของคนรุ่นก่อนที่จะมาถึงยุคนี้ ต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างไร
ถึงคราวคับขัน เพื่อเอาประเทศอยู่รอด สิงคโปร์ ตัดสินใจสร้างบ่อนกาสิโน ที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ไปเที่ยวสิงคโปร์เห็นเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ไปอยู่บนยอดตึก นั่นคือ บ่อนกาสิโนหรู เช่นเดียวกับมาเก๊า มีพื้นที่แค่กระแบะมือทำอะไรไม่ได้ ก็อาศัยรายได้จากบ่อนพนัน เลี้ยงคนมาเก๊าทั้งเกาะมาจนถึงทุกวันนี้
นี่เป็นตัวอย่างในการ เอาประเทศรอด ไม่ใช่การ เอาตัวรอดน่าเสียดาย ประเทศไทย มีพร้อมกว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้ แต่คนไทยไม่เคยรักสงบ ไม่เคยรู้รักสามัคคี ชิงดีชิงเด่น ไขว่คว้าหาอำนาจโดยไม่ชอบ แสวงหาและสงวนอำนาจเอาตัวรอด
การต่อสู้ระหว่างสองขั้วอำนาจทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้ประเทศไทย สูญเสียโอกาส ไปอย่างมหาศาล เกือบ 10 ปี น่าจะได้เห็นความก้าวหน้าและการพัฒนาไปไกลกว่านี้
เพราะเราแยกไม่ออก ระหว่าง การเมือง กับ บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ ระบบกฎหมู่ กำลังจะอยู่เหนือ ระบบกฎหมาย อีกครั้ง อ้างว่าการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย อ้างว่าระบอบรัฐสภา ถูกบิดเบือน มีการรวบอำนาจ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา
ข้ออ้าง กำปั้นทุบดิน ที่ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตกเป็นฝ่ายค้านและต้องการล้มรัฐบาลด้วยกำลัง ก็จะใช้ข้ออ้างนี้ มาสร้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
อนาคตประเทศไทย เมื่อวาน วันนิ้และพรุ่งนี้ยังว้าเหว่ ยังมองไม่เห็นข้อยุติความขัดแย้งทางการเมืองจะลงเอยด้วยวิธีใด หากความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ในกรอบวิถีประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าออกนอกกรอบเมื่อไหร่หายนะแน่.
หมัดเหล็ก
ไทยรัฐออนไลน์
อ้างอิง http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/380724