โศลกร่ายคำเมืองเรืองภาษา
ดังเอื้องผากาสะลองได้คืนถิ่น
ละไอหมอกยอดดอยสายน้ำริน
เงยมองหินสูงสลับจับเมฆา
ดุริยะแน่นหนักประจักษ์โสต
ใจลอยโลดดังไต่เขาหินผา
มีลมโชยพายพัดกระหวัดมา
ใสเสียงส่งประสานพาเจริญใจ
กาสะลองพราวพร่างกลางหุบเขา
ร่วงบางเบาจูบดินถิ่นอาศัย
แว่วระฆังกังสดาลกังวาลไกล
สานเสนาะพริ้วไหวและมั่นคง
บรรพตสูงยอดลิ่วเห็นทิวผา
พสุธาคงมั่นดังประสงค์
กาละสองดอกเอื้องหยั่งรากลง
เจตจำนงค์คงประจักษ์ศาสตร์ดนตรี
ภุมรินขยับปีกเริงร่าย
พิมประพายลายลักษณ์ประจักษ์โฉม
ละอองทองแดงชาดจับพโยม
ช่วยประโลมโลกาพารื่นรมณ์
ลิ่วระบำผีเสื้อส่งประสาน
จับกิ่งก้านผกามาลย์ด้วยสุขสม
โลกใบนี้ช่างน่าอภิรมณ์
ด้วยนิยมชมในเสียงดนตรี
เฉวียนฉวัดเพื่อนภู่ดูเวียนว่าย
แวะทักทายดอกไม้ขจายสี
โบกสะบัดพัสตราดรุณี
เป็นเลื่อมลายรุจีอันเรืองรอง
ปีกขยายท้าทายประกายกล้า
ล้อแสงแดดแห่งทิวาไม่ตรมหมอง
สานกระแสดุริยะเป็นทำนอง
ร่วมขับร้องวรรคทองดนตรีกาล
สุรีย์ส่องส่องแสงอันแรงกล้า
ตะวันจ้าอหังการ์รัศมี
ขับไล่ความมืดบนปฐพี
เกิดก่อมีความสว่างกระจ่างพลัน
ขับสีฟ้าท้องนภาให้งามสด
ริ้วรุ้งรายงามงดแต้มสีสัน
ทิพยดุริยางค์เปรียบดาววัน
กลางคิมหันต์ร้อนแรงแสงประกาย
ตะวันสาดฐานถิ่นพสุธา
บุปผากล้าท้าแดดไม่สลาย
พยับแดดองศาก่อเลื่อมลาย
ราวทักทายพวงผกาเจ้ามาลี
ยืดหยัดยอดตั้งตรงกลางแดดกล้า
ให้ดอกดวงมาลาเจ้าส่งศรี
ขจายกลีบอวดโฉมเพราะแดดดี
ประสานสอดเป็นสักขีดนตรีกาล
ตะวันฉานสานส่องผยองยิ่ง
ไล้ลู่กิ่งก้านดอกไม้ขับขาน
สว่างแสงให้เห็นสุคนธมาลย์
เป็นตำนานจารสลักประจักษ์เอย
The Voice สุนทรีย์ : กวี in battle
ดังเอื้องผากาสะลองได้คืนถิ่น
ละไอหมอกยอดดอยสายน้ำริน
เงยมองหินสูงสลับจับเมฆา
ดุริยะแน่นหนักประจักษ์โสต
ใจลอยโลดดังไต่เขาหินผา
มีลมโชยพายพัดกระหวัดมา
ใสเสียงส่งประสานพาเจริญใจ
กาสะลองพราวพร่างกลางหุบเขา
ร่วงบางเบาจูบดินถิ่นอาศัย
แว่วระฆังกังสดาลกังวาลไกล
สานเสนาะพริ้วไหวและมั่นคง
บรรพตสูงยอดลิ่วเห็นทิวผา
พสุธาคงมั่นดังประสงค์
กาละสองดอกเอื้องหยั่งรากลง
เจตจำนงค์คงประจักษ์ศาสตร์ดนตรี
พิมประพายลายลักษณ์ประจักษ์โฉม
ละอองทองแดงชาดจับพโยม
ช่วยประโลมโลกาพารื่นรมณ์
ลิ่วระบำผีเสื้อส่งประสาน
จับกิ่งก้านผกามาลย์ด้วยสุขสม
โลกใบนี้ช่างน่าอภิรมณ์
ด้วยนิยมชมในเสียงดนตรี
เฉวียนฉวัดเพื่อนภู่ดูเวียนว่าย
แวะทักทายดอกไม้ขจายสี
โบกสะบัดพัสตราดรุณี
เป็นเลื่อมลายรุจีอันเรืองรอง
ปีกขยายท้าทายประกายกล้า
ล้อแสงแดดแห่งทิวาไม่ตรมหมอง
สานกระแสดุริยะเป็นทำนอง
ร่วมขับร้องวรรคทองดนตรีกาล
ตะวันจ้าอหังการ์รัศมี
ขับไล่ความมืดบนปฐพี
เกิดก่อมีความสว่างกระจ่างพลัน
ขับสีฟ้าท้องนภาให้งามสด
ริ้วรุ้งรายงามงดแต้มสีสัน
ทิพยดุริยางค์เปรียบดาววัน
กลางคิมหันต์ร้อนแรงแสงประกาย
ตะวันสาดฐานถิ่นพสุธา
บุปผากล้าท้าแดดไม่สลาย
พยับแดดองศาก่อเลื่อมลาย
ราวทักทายพวงผกาเจ้ามาลี
ยืดหยัดยอดตั้งตรงกลางแดดกล้า
ให้ดอกดวงมาลาเจ้าส่งศรี
ขจายกลีบอวดโฉมเพราะแดดดี
ประสานสอดเป็นสักขีดนตรีกาล
ตะวันฉานสานส่องผยองยิ่ง
ไล้ลู่กิ่งก้านดอกไม้ขับขาน
สว่างแสงให้เห็นสุคนธมาลย์
เป็นตำนานจารสลักประจักษ์เอย