เวทนาเป็นทางมาแห่งอนุสัย.....

ภิกษุ ท.! อาศัยตากับรูป เกิด จักขุวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางตา)
ขึ้น, อาศัยหูกับเสียง เกิด โสตวิญ ญ าณ (ความรู้อารมณ์ทางหู) ขึ้น, อาศัย
จมูกกับกลิ่น เกิด ฆานวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางจมูก) ขึ้น, อาศัยลิ้นกับรส
เกิด ชิวหาวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางลิ้น) ขึ้น, อาศัยกายกับโผฏฐัพพะ เกิด
กายวิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางกาย) ขึ้น และอาศัยใจกับธรรมารมณ์ เกิด มโน-
วิญญาณ (ความรู้อารมณ์ทางใจ) ขึ้น; ความประจวบกันแห่งสิ่งทั้งสาม (เช่น ตา รูป
จักขุวิญญาณ เป็นต้น แต่ละหมวด) นั้น ชื่อว่า ผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย
จึงเกิดมีเวทนา (รู้สึกแล้ว)อันเป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไม่ทุกข์ไม่สุขบ้า. บุคคลนั้น เมื่อ
สุขเวทนา ถูกต้องแล้ว ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่,
อนุสัยคือ ราคะ ย่อมนอนเแบอยู่ในสันดานของบุคคลนั้น. เมื่อ ทุกขเวทนา
ถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ย่อมระทมใจ คร่ำครวญตีอกร่ำไห้ ถึงความ
หลงใหลอยู่, อนุสัยคือ ปฏิฆะ ย่อมนอนตามอยู่ในสันดานของบุคคลนั้น.
เมื่อ เวทนาอันไม่ทุกข์ไม่สุข ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่รู้ตามเป็นจริง ซึ่งเหตุให้เกิด
เวทนานั้นด้วย ซึ่งความดับแห่งเวทนานั้นด้วย ซึ่งอัสสาทะ (รสอร่อย) ของ
เวทนานั้นด้วย ซึ่งอาทีนะ (โทษ) ของเวทนานั้นด้วย ซึ่งนิสสรณะ (อุบายเครื่อง
ออกพ้น) ของเวทนานั้นด้วย, อนุสัยคือ อวิชชา ย่อมนอนเนื่องอยู่ในสันดาน
ของบุคคลนั้น.

    ภิกษุ ท.! บุคคลนั้นหนอ ยังละอนุสัยคือ ราคะในเพราะสุขเวทนา
ไม่ได้, ยังบรรเทาอนุสัยคือ ปฏิฆะในเพราะทุกขเวทนาไม่ได้, ยังถอนอนุสัย
คือ อวิชชาในเพราะอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้, ยังละอวิชชาไม่ได้ และยังทำ
วิชชาให้เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว จักทำ ที่สุดแห่งทุกข์ ให้ทิฏฐธรรม (ปัจจุบัน) นี้
ดังนี้ : ข้อนี้ไม่ใช่ฐานะที่จักมีได้เลย.

- อุปริ. ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.
1.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่