อภิสิทธิ์-สุเทพ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจริงหรือ???
เมื่อวันก่อนเห็นนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ ออกมาแถลงข่าวกรณีที่ถูกอัยการสูงสุด สั่งฟ้องคดีในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการชุมนุมทางการเมือง โดยยืนยันว่าตนและนายสุเทพจะไม่หนีไปไหน จะต่อสู้คดีนี้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ด้วยเหตุผลทั้งในเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และมีประเด็นโต้แย้งหักล้างกลับทั้งดีเอสไอ และอัยการสูงสุด อีกทั้งยังเตรียมที่จะฟ้องกลับอัยการสูงสุดด้วย
อ้าว.. ไหนบอกว่าจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมไง แต่กลับมาขู่ จะฟ้องกลับอัยการสูงสุด และยังกล่าวหาอัยการสูงสุด ว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลอีกตะหาก
ไอ้การที่ไปขู่จะฟ้องกลับอัยการสูงสุดนั้นเนี่ย มันถือว่าเป็นการไปข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้ แล้วอย่างนี้ จะเรียกว่าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร
ที่ผ่านๆ มา ก็เที่ยวได้ไปเรียกร้องให้คนอื่นเคารพกระบวนการยุติธรรม แต่พอถึงคราวของตัวเองโดนเข้าบ้างก็อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง กลับไม่ยอมเคารพกระบวนการยุติธรรมซะเอง !! แต่แหม๋.. คดีฆ่าคนตายเนี่ย มันหนักเอาการอยู่นะ ยังไงก็คงไม่รอดหร่อก !!
มาวันนี้ ทั้งอภิสิทธิ์กับสุเทพ ก็ไปเป็นแกนนำก่อม็อบต้านนิรโทษสุดซอย ยึดสถานีรถไฟสามเสนรวมพล และยังได้มีการกล่าวอ้างถึงพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของตัวเองนั้น มันสมควรแล้วหรือ?? (อ่านจาก นสพ. มติชน หน้า 2 ฉบับวันที่ 31 ต.ค. 56)
การจะเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ก็ควรที่จะต้องเรียกร้องให้มันเป็นตามกระบวนการและครรลองของประชาธิปไตยที่แท้จริง ในเมื่อตอนนี้ ทั้งอภิสิทธิ์และสุเทพ ยังดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ก็ต้องไปเล่นการเมืองในสภา ไม่ใช่เอาประชาธิปไตยมาอ้าง แล้วตั้งตัวเป็นแกนนำก่อม็อบเสียเอง อย่างนี้เค้าเรียกว่า ประชาธิปไตยข้างถนน มันสุดทางของพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรืออย่างไร??
อย่างสุเทพก็ไม่แน่จริง!! แค่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เดี๋ยวพอจบเรื่องนี้ไป ก็กลับเข้าไปเป็นกันได้ใหม่อยู่แล้ว !! ถ้าแน่จริงก็ลาออกจากการเป็น สส. พรรค แล้วออกมาลุยให้เต็มที่ไปเลยสิ ถามว่า สุเทพจะกล้ามั้ยหล่ะ???
อภิสิทธิ์-สุเทพ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจริงหรือ???
เมื่อวันก่อนเห็นนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ ออกมาแถลงข่าวกรณีที่ถูกอัยการสูงสุด สั่งฟ้องคดีในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการชุมนุมทางการเมือง โดยยืนยันว่าตนและนายสุเทพจะไม่หนีไปไหน จะต่อสู้คดีนี้ตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ด้วยเหตุผลทั้งในเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และมีประเด็นโต้แย้งหักล้างกลับทั้งดีเอสไอ และอัยการสูงสุด อีกทั้งยังเตรียมที่จะฟ้องกลับอัยการสูงสุดด้วย
อ้าว.. ไหนบอกว่าจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมไง แต่กลับมาขู่ จะฟ้องกลับอัยการสูงสุด และยังกล่าวหาอัยการสูงสุด ว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลอีกตะหาก
ไอ้การที่ไปขู่จะฟ้องกลับอัยการสูงสุดนั้นเนี่ย มันถือว่าเป็นการไปข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่กฎหมายกำหนดไว้ แล้วอย่างนี้ จะเรียกว่าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร
ที่ผ่านๆ มา ก็เที่ยวได้ไปเรียกร้องให้คนอื่นเคารพกระบวนการยุติธรรม แต่พอถึงคราวของตัวเองโดนเข้าบ้างก็อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง กลับไม่ยอมเคารพกระบวนการยุติธรรมซะเอง !! แต่แหม๋.. คดีฆ่าคนตายเนี่ย มันหนักเอาการอยู่นะ ยังไงก็คงไม่รอดหร่อก !!
มาวันนี้ ทั้งอภิสิทธิ์กับสุเทพ ก็ไปเป็นแกนนำก่อม็อบต้านนิรโทษสุดซอย ยึดสถานีรถไฟสามเสนรวมพล และยังได้มีการกล่าวอ้างถึงพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของตัวเองนั้น มันสมควรแล้วหรือ?? (อ่านจาก นสพ. มติชน หน้า 2 ฉบับวันที่ 31 ต.ค. 56)
การจะเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ก็ควรที่จะต้องเรียกร้องให้มันเป็นตามกระบวนการและครรลองของประชาธิปไตยที่แท้จริง ในเมื่อตอนนี้ ทั้งอภิสิทธิ์และสุเทพ ยังดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่ก็ต้องไปเล่นการเมืองในสภา ไม่ใช่เอาประชาธิปไตยมาอ้าง แล้วตั้งตัวเป็นแกนนำก่อม็อบเสียเอง อย่างนี้เค้าเรียกว่า ประชาธิปไตยข้างถนน มันสุดทางของพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรืออย่างไร??
อย่างสุเทพก็ไม่แน่จริง!! แค่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เดี๋ยวพอจบเรื่องนี้ไป ก็กลับเข้าไปเป็นกันได้ใหม่อยู่แล้ว !! ถ้าแน่จริงก็ลาออกจากการเป็น สส. พรรค แล้วออกมาลุยให้เต็มที่ไปเลยสิ ถามว่า สุเทพจะกล้ามั้ยหล่ะ???