ศาลสกอตแลนด์พิพากษา "จำคุกตลอดชีวิต" รปภ.โหด ฐานฆ่าหญิงไทยที่ไปประชุมโดยเอาถังดับเพลิงฟาดจนเสียชีวิตในห้องน้ำห

บีบีซีนิวส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ศาลแห่งสกอตแลนด์ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต รปภ.โหด ซึ่งสังหารสาวไทยที่เดินทางไปร่วมประชุมนานาชาติว่าด้วยยาต้านโรคเอดส์ที่เมืองกลาสโกว์ ด้วยการฟาดเธอด้วยถังดับเพลิงจนเสียชีวิตคาที่ในห้องน้ำหญิงภายในหอประชุมเมื่อปลายปีที่แล้ว
       

        นาย คลิฟ คาร์เตอร์ วัย 35 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของหอประชุมไคลด์ ออดิทอเรียม ได้ใช้ถังดับเพลิงฟาด กนกพร สัจจาวัฒน์ วัย 42 ปี จนเสียชีวิตคาที่ในห้องน้ำหญิงของหอประชุม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ทว่าจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหากระทำฆาตกรรม โดยอ้างว่าสังหารหญิงไทยผู้นี้ในขณะที่ขาดสติไม่สามารถรับผิดชอบตนเองได้
       


       อย่างไรก็ตาม วันอังคารที่ผ่านมา (29) ศาลสูงแห่งเมืองกลาสโกว์ อ่านคำตัดสินให้จำคุกคาร์เตอร์อย่างน้อย 20 ปี โดยนอกจากความผิดในการฆาตกรรมแล้ว เขายังมีความผิดฐานปกปิดการกระทำของตัวเองด้วยการล้างคราบเลือดออกจากถังดับเพลิง นำเสื้อเครื่องแบบของตนเองที่เปรอะคราบเลือดไปซ่อน รวมทั้งให้การกับตำรวจว่า เห็นหนุ่มเอเชียคนหนึ่งหิ้วถังดับเพลิงออกไปหลังเหตุฆ่ากันตาย


       
       คาร์เตอร์ยังถูกตัดสินความผิดฐานก่อกวนความสงบที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส บนถนนสต็อกเวลล์ ในเมืองกลาสโกว์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ด้วยการไปเคาะประตูห้องพักของ สเตฟานี่ โอไบรอัน พร้อมหิ้วถังดับเพลิงไปด้วย โดยอ้างว่า ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุไฟไหม้ โดยกรณีนี้ถือว่าโชคดีที่โอไบรอันไม่ได้เปิดประตูให้นายคาร์เตอร์เข้าไปภายในห้อง
       


       การไต่สวนในศาลที่ใช้เวลานาน 2 สัปดาห์เปิดเผยให้เห็นการสังหาร กนกพร อย่างโหดเหี้ยมด้วยถังดับเพลิงภายในห้องน้ำหญิง ขณะที่ผู้ตายเข้าร่วมประชุมว่าด้วยยาต้านโรคเอดส์ที่หอประชุมดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า เอสอีซีซี คอมเพล็กซ์ โดยผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะและใบหน้า


       
       “กนกพร สัจจาวัฒน์ เป็นสุภาพสตรีที่มีการศึกษาและมุ่งมั่นอุตสาหะ เธอเดินทางมายังสกอตแลนด์เพื่อเข้าร่วมการประชุมที่มีจุดประสงค์ในการบรรเทาความทุกข์ทรมานและรักษาชีวิตของผู้คน





              “แต่เป็นเรื่องหักมุมอย่างโหดร้ายที่ภายในงานซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังกล่าว สุภาพสตรีที่เปราะบางผู้นี้กลับต้องมาจบชีวิตอย่างทารุณด้วยอุปกรณ์ที่มีเป้าหมายหลักในการรักษาชีวิตผู้คน และโดยน้ำมือของผู้ที่เธอควรขอความช่วยเหลือได้” ผู้พิพากษาลอร์ด แมททิวส์ อ่านคำตัดสิน
       
       ทั้งนี้ คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นชาวเมืองมาเธอร์เวลล์ ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทรักษาความปลอดภัย จี4เอส ที่หอประชุมไคลด์
       
       ระหว่างการไต่สวนในศาลซึ่งใช้ระบบที่ให้คณะลูกขุนเป็นผู้ตัดสินความผิดนั้น พยานให้การว่า เจ้าหน้าที่พบเลือดของ กนกพร บนกางเกงและแขนเสื้อชุดเครื่องแบบของคาร์เตอร์ ทั้งนี้ โจเซฟีน แมกเคน นักนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่า คราบเลือดดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดจากการที่เหยื่อถูกตีอย่างรุนแรงขณะที่เลือดออกจากบาดแผล


       
       ขณะที่ ดร. มาร์เจอรี่ เทอร์เนอร์ นักพยาธิวิทยาให้การว่า เหยื่อเสียชีวิตจากบาดแผลรุนแรงที่ศีรษะ และยังได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ใบหน้าและกะโหลกศีรษะด้วย
       



       พยานยังให้การว่า พบดีเอ็นเอของนายคาร์เตอร์บนแขนเสื้อไหมพรมที่กนกพรสวมขณะถูกสังหาร
       

       ในเอกสารหลักฐานที่ยื่นเสนอต่อศาล คลิฟ คาร์เตอร์ อ้างว่า เขาจำเหตุการณ์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหรือการที่เขาถูกกล่าวหาว่าพยายามปกปิดความผิดที่กระทำขึ้น เขาให้การว่า สิ่งที่จำได้ภายหลังจากพูดคุยกับ กนกพร แล้วก็คือเขากำลังกินแซนด์วิชเป็นอาหารเที่ยง




              ด้านทนายความของจำเลยขอให้คณะลูกขุนวินิจฉัยว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา โดยอ้างว่า ลูกความมีปัญหาบุคลิกภาพแปรปรวนซึ่งทำให้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมของตนเองบกพร่อง
       


       ทว่า คณะลูกขุนปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าวและตัดสินว่า จำเลยมีความผิดจริงฐานฆาตกรรมหลังจากหารือกันเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น



       
       ทั้งนี้ คณะลูกขุนได้รับข้อมูลว่า คลิฟ คาร์เตอร์มีปัญหาในการควบคุมความโกรธ แต่เลิกเข้ารับการบำบัดหลังจากไปเพียง 2 ครั้งเนื่องจากเขาไม่พอใจนักบำบัด
       


       ภายหลังการตัดสิน จอห์น แมคโคนัลด์ ผู้กำกับการของกรมตำรวจแห่งสกอตแลนด์ กล่าวว่า พอใจที่คลิฟ คาร์เตอร์ ได้รับโทษ และหวังว่า คำพิพากษานี้จะช่วยปลอบประโลมญาติของ กนกพร ได้บ้าง



      
       เช่นเดียวกับโฆษกของจี4เอสที่แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของ กนกพร และกล่าวขอบคุณกรมตำรวจและระบบยุติธรรมสำหรับการสอบสวนแบบมืออาชีพที่ทำให้สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมทั้งขอบคุณพนักงานของบริษัทและพนักงานของเอสอีซีซี ที่ให้ความร่วมมือระหว่างกระบวนการสอบสวนที่ยากลำบากเช่นนี้







               http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000135679
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่