ขอระบายนะคะ เรื่องยาวหน่อย เครียดไม่รู้จะทำยังไงดี ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์ด้วยค่ะ 
ใครเคยเจอแบบเรา มาแชร์กันด้วยนะคะ .......
บอกก่อนเลยค่ะว่า จขทก. เป็นเด็กบ้านนอกในจังหวัดนึงแถวภาคอีสาน คือบ้านนอกมากกกกกกกก
แต่ จขกท. โชคดีมีพ่อแม่ที่เห็นถึงความสำคัญในการศึกษา และเลี้ยงมาแบบเข้าใจ คุณภาพชีวิตเลยดีขึ้นมาก
ตอนนี้ก็มีงานมีการทำที่ดี ฐานะถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้านเดียวกันก็ถือว่าโอเค คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะค่อนข้างชอบเรา
(ไม่รู้ว่าชอบจริงๆ หรือพูดไปงั้นนะคะ) พอเราเรียนจบเราก็ไม่มีแฟนสักที ญาติก็จะถามว่า เมื่อไรจะมีแฟน เมื่อไรจะแต่งงาน
(ทั้งๆที่เรายังอายุแค่ 20 ต้นๆ) จนผ่านไปได้หลายปี เราอายุ 20 ปลายๆ ก็มีแฟน ก็เลยคิดว่า เอ้อ ไหนๆก็มีแฟน คบกันจริงจัง
เปิดตัวพาเข้าบ้านให้พ่อแม่รู้จักเลยดีกว่า เพราะจะได้เริ่มต้นสร้างครอบครัว..... ก็พาแฟนเข้าบ้าน
ปัญหาที่เกิดทันทีคือ แม่เราเองก็หัวโบราณ และมั่นใจมากชาวบ้านจะเอาไปเมาท์ค่ะ ว่าเราพาผู้ชายมาบ้านแล้ว อย่างงั้นอย่างงี้ 
เราไม่แคร์นะคะ อยากเมาท์อะไรก็เมาท์ไป ไม่ได้มาหาข้าวให้เรากิน แถมเรามาทำงาน ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เมาท์อะไรเราก็ไม่รับรู้
.... แต่ ทุกอย่างมันตกอยู่กับแม่เรา กับครอบครัวเราค่ะ ถึงแม่เราจะพยายามไม่สนใจ แต่เมาท์กันมาก แม่เราก็เช็งเป็นเหมือนกัน
แม่เราก็ให้แก้ปัญหาโดยการให้หมั้นค่ะ เราก็โอเค ไหนๆก็จะสร้างครอบตัวจริงๆจังๆ แล้วหมั้นเลยค่ะ แฟนเราก็โอเคไม่มีปัญหา
ตอนคุยเรื่องหมั้น ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาคือ "สินสอด" ค่ะ แม่ะ มันเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว.... ถึงแม่เราไม่บอก
เราก็รู้ค่ะว่าแม่อยากได้เท่าไร เท่าคนในหมู่บ้านที่เพิ่งแต่งกันไป 4-5 คนแน่นอน ขอไม่บอกว่าเท่าไรนะคะ 
แต่เยอะสำหรับเราและแฟนเราที่เป็นมนุษย์เงินเดือนค่ะ แต่ถูกกว่าที่คนในเมืองเค้าแต่งกันเยอะค่ะ
และกำหนดแต่งงานก็คือปลายปีหน้า ก็ถือว่าไม่นานสำหรับเรา แต่สำหรับคนบ้านนอกจ้องจับผิดนี่ถือว่านานเลยค่ะ...
หลังจากหมั้นแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ครอบครัวเรากับครอบครัวแฟนก็สนิทกันดี ไปมาหาสู่ โทรหากันประจำ
แม่เราก็ปกติ ไม่ได้ถามเรื่องแต่งงานหรืออะไร แต่หลังจากแม่เราไปช่วยงานออกพรรษาที่วัดมาสักวันสองวัน
แม่ก็เริ่มถามเรื่องแต่งงาน "มีใช่มั้ย ทันใช่มั้ย เค้าถามแม่กันว่า เมื่อไรจะแต่งสักทีหมั้นนานแล้ว" 
// โถถถถถ เพิ่งหมั้นกันสามเดือน ไปเมาท์กันสนั่นปากว่าหมั้นกันนาน
หลังจากนั้นเราโทรไปทีไรก็จะถาม ถามแต่เรื่องเงิน ถามแต่เรื่องแต่งงาน จนเราเครียด แฟนก็เครียด
ประจวบเหมาะกับที่เรากับแฟนประสบปัญหาทางด้านการเงิน ยิ่งทำให้เครียดไปกันใหญ่ คำนวนแล้วยังไงก็ไม่น่าจะทันกำหนด
เราเองเข้าใจแม่ว่าแม่โดนมาเยอะ ต่อให้ทำไม่สนใจขนาดไหนก็คงเซ็ง ชาวบ้านยิ่งเป็นบ้านนอกในภาคอีสาน
ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นประเภท "อวดว่าคนไหนรวยกว่ากัน อวดว่าใครมีดีกว่ากัน" จนเราและบ้านเราพยายามไม่สุงสิงกับใคร
แต่ขนาดพยามไม่ยุ่งกับใครแล้ว ก็ยังมีบางพวกที่มาพูดมาย้ำถึงบ้าน ต่อให้ใจแข็งเป็นหินยังไงก็คงต้องมีเม้งแตกกันบ้าง
ในหมู่บ้านเรา ต่อให้เป็นโสเภณี เมียเช่าฝรั่ง แต่มีเงิน มีรถเก๋ง มีบ้าน คนก็จะยกย่องชื่นชม ขนาดคนขายยาบ้ารายใหญ่
คนยังยกย่อง เลือกให้เป็นนายก อบต. เพราะว่ารวย ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะมีทั้งเงิน มีทั้งอิทธิพล
ขนาดเราทำงานสุดจริต เงินเดือนไม่ได้เยอะมาก ยังโดนเมียฝรั่งเช่าตะโกนข้ามบ้านมาดูถูกเลยว่า
"ทำงานงกๆ ได้เงินเดือนไม่เท่าไร กระจอก ไม่เท่ากูหรอก กุเป็นเมียฝรั่ง มีเงินเยอะกว่าเยอะ"
นี่ขนาดเราอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แทบไม่เคยพูดกับคนนี้ เคยเรียนชั้นเดียวกันสมัยประถมแค่นั้นเอง
หรือเพื่อนเราที่เปิดร้านขายของชำ แล้วเมียฝรั่งไปเติมเงินโทรสับแล้วติดหนี้ไว้ พอเพื่อนทวงหนี้
เมียฝรั่งพูดเสียงดังกลางร้านว่า "เงินแค่นี้กล้าทวงกุเหรอ กุอ่ะรวยกว่าเยอะ แน่จริงเอาเงินมาวางเรียงแข่งกับกุมั้ย"
ปกติเราก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับโสเภณีหรือเมียเช่าฝรั่ง เราคิดว่าในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร 
ดีซะอีกที่มีโสเภณี อย่างน้อยเค้าก็ช่วยลดความอยากของชายกลัดมัน ไม่ให้มาข่มขืนผุ้หญิงไปทั่วได้ด้วย
แต่ถ้าจะเป็นโสเภณีแล้วอวดตัวว่ารวยขนาดนี้ เราก็ขอรังเกียจเหมือนกัน รังเกียจที่สัน.....
ออกนองเรื่องไปซะไกล .... ตอนนี้เรากำลังพยายามคิดว่าเราจะทำยังไงดี จะคุยกับแม่ยังไง หรือจะหาเงินยังไงให้ทัน
เรารักแม่ ไม่อยากให้ใครมาทำให้แม่เครียด แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเราเองที่เครียด จนคิดเรื่อยเปื่อยไปว่า....
เห้ย ถ้าเราไม่อยู่สักคนปัญหาทุกอย่างก็หมด เดินไปให้รถชนตายซะ เรามีประกันอยู่ ถ้าเราเป็นอะไรไปครอบครัวก็จะได้ล้านนึง....
คงพอให้แม่ใช้หนี้ได้ แล้วก็เหลือใช้ได้อีกนาน จนเตรียมเขียนคำสั่งเสีย เตรียมหากรมธรรมป์ประกันของเรามาไว้
.... แต่มาคิดดูแล้ว เฮ้ยมันไม่ใช่ นั่นเป็นความคิดที่ "ขาดสติ" 
เรายังเคยอ่านข่าวคนที่เครียดเรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วฆ่าตัวตาย พ่อแม่เสียใจแทบบ้า ยังเคยคิดอยู่ว่า 
ก่อนคนนั้นเค้าจะฆ่าตัวตาย ทำไมเค้าไม่เดินไปบอกพ่อแม่ว่าเครียด อย่ากดดัน ถ้ากดดันจะฆ่าตัวตาย 
บอกไปเลยว่า จะเอาอย่างที่หวัง หรือจะให้ฆ่าตัวตายดี.... ก็ในเมื่อเรายังคิดอย่างงั้น แล้วเราจะทำมันทำไม
ตอนนี้พยายามสงบจิต สงบใจแล้วก็ค่อยๆแก้ปัญหาค่ะ..... ไม่อยากให้แม่ผิดหวังเลย
แม่ทำเพื่อเรามาเยอะมาก จากคนจนๆ ไม่มีอะไรเลย ส่งให้เราให้เรียนจนจบ ทำเพื่อเราทุกอย่าง
แม่ต้องอดทนมากๆ ต่อสู้มาเยอะมากๆ ให้เรามีวันนี้ เราอยากทำให้แม่ภูมิใจ และไม่อยากให้แม่เครียดค่ะ
ใครเคยเจอแบบนี้แชร์กันบ้างนะคะ ......
//ปล. แก้คำผิดค่ะ																																	
  
							 
						
สังคมที่มีแต่คนคอยจ้องจะจับผิดนี่มันมีผลกับชีวิตเรามากเกินไปแล้วนะ.....
ใครเคยเจอแบบเรา มาแชร์กันด้วยนะคะ .......
บอกก่อนเลยค่ะว่า จขทก. เป็นเด็กบ้านนอกในจังหวัดนึงแถวภาคอีสาน คือบ้านนอกมากกกกกกกก
แต่ จขกท. โชคดีมีพ่อแม่ที่เห็นถึงความสำคัญในการศึกษา และเลี้ยงมาแบบเข้าใจ คุณภาพชีวิตเลยดีขึ้นมาก
ตอนนี้ก็มีงานมีการทำที่ดี ฐานะถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้านเดียวกันก็ถือว่าโอเค คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะค่อนข้างชอบเรา
(ไม่รู้ว่าชอบจริงๆ หรือพูดไปงั้นนะคะ) พอเราเรียนจบเราก็ไม่มีแฟนสักที ญาติก็จะถามว่า เมื่อไรจะมีแฟน เมื่อไรจะแต่งงาน
(ทั้งๆที่เรายังอายุแค่ 20 ต้นๆ) จนผ่านไปได้หลายปี เราอายุ 20 ปลายๆ ก็มีแฟน ก็เลยคิดว่า เอ้อ ไหนๆก็มีแฟน คบกันจริงจัง
เปิดตัวพาเข้าบ้านให้พ่อแม่รู้จักเลยดีกว่า เพราะจะได้เริ่มต้นสร้างครอบครัว..... ก็พาแฟนเข้าบ้าน
ปัญหาที่เกิดทันทีคือ แม่เราเองก็หัวโบราณ และมั่นใจมากชาวบ้านจะเอาไปเมาท์ค่ะ ว่าเราพาผู้ชายมาบ้านแล้ว อย่างงั้นอย่างงี้
เราไม่แคร์นะคะ อยากเมาท์อะไรก็เมาท์ไป ไม่ได้มาหาข้าวให้เรากิน แถมเรามาทำงาน ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เมาท์อะไรเราก็ไม่รับรู้
.... แต่ ทุกอย่างมันตกอยู่กับแม่เรา กับครอบครัวเราค่ะ ถึงแม่เราจะพยายามไม่สนใจ แต่เมาท์กันมาก แม่เราก็เช็งเป็นเหมือนกัน
แม่เราก็ให้แก้ปัญหาโดยการให้หมั้นค่ะ เราก็โอเค ไหนๆก็จะสร้างครอบตัวจริงๆจังๆ แล้วหมั้นเลยค่ะ แฟนเราก็โอเคไม่มีปัญหา
ตอนคุยเรื่องหมั้น ปัญหาอีกอย่างที่ตามมาคือ "สินสอด" ค่ะ แม่ะ มันเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว.... ถึงแม่เราไม่บอก
เราก็รู้ค่ะว่าแม่อยากได้เท่าไร เท่าคนในหมู่บ้านที่เพิ่งแต่งกันไป 4-5 คนแน่นอน ขอไม่บอกว่าเท่าไรนะคะ
แต่เยอะสำหรับเราและแฟนเราที่เป็นมนุษย์เงินเดือนค่ะ แต่ถูกกว่าที่คนในเมืองเค้าแต่งกันเยอะค่ะ
และกำหนดแต่งงานก็คือปลายปีหน้า ก็ถือว่าไม่นานสำหรับเรา แต่สำหรับคนบ้านนอกจ้องจับผิดนี่ถือว่านานเลยค่ะ...
หลังจากหมั้นแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ครอบครัวเรากับครอบครัวแฟนก็สนิทกันดี ไปมาหาสู่ โทรหากันประจำ
แม่เราก็ปกติ ไม่ได้ถามเรื่องแต่งงานหรืออะไร แต่หลังจากแม่เราไปช่วยงานออกพรรษาที่วัดมาสักวันสองวัน
แม่ก็เริ่มถามเรื่องแต่งงาน "มีใช่มั้ย ทันใช่มั้ย เค้าถามแม่กันว่า เมื่อไรจะแต่งสักทีหมั้นนานแล้ว"
// โถถถถถ เพิ่งหมั้นกันสามเดือน ไปเมาท์กันสนั่นปากว่าหมั้นกันนาน
หลังจากนั้นเราโทรไปทีไรก็จะถาม ถามแต่เรื่องเงิน ถามแต่เรื่องแต่งงาน จนเราเครียด แฟนก็เครียด
ประจวบเหมาะกับที่เรากับแฟนประสบปัญหาทางด้านการเงิน ยิ่งทำให้เครียดไปกันใหญ่ คำนวนแล้วยังไงก็ไม่น่าจะทันกำหนด
เราเองเข้าใจแม่ว่าแม่โดนมาเยอะ ต่อให้ทำไม่สนใจขนาดไหนก็คงเซ็ง ชาวบ้านยิ่งเป็นบ้านนอกในภาคอีสาน
ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นประเภท "อวดว่าคนไหนรวยกว่ากัน อวดว่าใครมีดีกว่ากัน" จนเราและบ้านเราพยายามไม่สุงสิงกับใคร
แต่ขนาดพยามไม่ยุ่งกับใครแล้ว ก็ยังมีบางพวกที่มาพูดมาย้ำถึงบ้าน ต่อให้ใจแข็งเป็นหินยังไงก็คงต้องมีเม้งแตกกันบ้าง
ในหมู่บ้านเรา ต่อให้เป็นโสเภณี เมียเช่าฝรั่ง แต่มีเงิน มีรถเก๋ง มีบ้าน คนก็จะยกย่องชื่นชม ขนาดคนขายยาบ้ารายใหญ่
คนยังยกย่อง เลือกให้เป็นนายก อบต. เพราะว่ารวย ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะมีทั้งเงิน มีทั้งอิทธิพล
ขนาดเราทำงานสุดจริต เงินเดือนไม่ได้เยอะมาก ยังโดนเมียฝรั่งเช่าตะโกนข้ามบ้านมาดูถูกเลยว่า
"ทำงานงกๆ ได้เงินเดือนไม่เท่าไร กระจอก ไม่เท่ากูหรอก กุเป็นเมียฝรั่ง มีเงินเยอะกว่าเยอะ"
นี่ขนาดเราอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย แทบไม่เคยพูดกับคนนี้ เคยเรียนชั้นเดียวกันสมัยประถมแค่นั้นเอง
หรือเพื่อนเราที่เปิดร้านขายของชำ แล้วเมียฝรั่งไปเติมเงินโทรสับแล้วติดหนี้ไว้ พอเพื่อนทวงหนี้
เมียฝรั่งพูดเสียงดังกลางร้านว่า "เงินแค่นี้กล้าทวงกุเหรอ กุอ่ะรวยกว่าเยอะ แน่จริงเอาเงินมาวางเรียงแข่งกับกุมั้ย"
ปกติเราก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับโสเภณีหรือเมียเช่าฝรั่ง เราคิดว่าในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเค้า เค้าก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร
ดีซะอีกที่มีโสเภณี อย่างน้อยเค้าก็ช่วยลดความอยากของชายกลัดมัน ไม่ให้มาข่มขืนผุ้หญิงไปทั่วได้ด้วย
แต่ถ้าจะเป็นโสเภณีแล้วอวดตัวว่ารวยขนาดนี้ เราก็ขอรังเกียจเหมือนกัน รังเกียจที่สัน.....
ออกนองเรื่องไปซะไกล .... ตอนนี้เรากำลังพยายามคิดว่าเราจะทำยังไงดี จะคุยกับแม่ยังไง หรือจะหาเงินยังไงให้ทัน
เรารักแม่ ไม่อยากให้ใครมาทำให้แม่เครียด แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเราเองที่เครียด จนคิดเรื่อยเปื่อยไปว่า....
เห้ย ถ้าเราไม่อยู่สักคนปัญหาทุกอย่างก็หมด เดินไปให้รถชนตายซะ เรามีประกันอยู่ ถ้าเราเป็นอะไรไปครอบครัวก็จะได้ล้านนึง....
คงพอให้แม่ใช้หนี้ได้ แล้วก็เหลือใช้ได้อีกนาน จนเตรียมเขียนคำสั่งเสีย เตรียมหากรมธรรมป์ประกันของเรามาไว้
.... แต่มาคิดดูแล้ว เฮ้ยมันไม่ใช่ นั่นเป็นความคิดที่ "ขาดสติ"
เรายังเคยอ่านข่าวคนที่เครียดเรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วฆ่าตัวตาย พ่อแม่เสียใจแทบบ้า ยังเคยคิดอยู่ว่า
ก่อนคนนั้นเค้าจะฆ่าตัวตาย ทำไมเค้าไม่เดินไปบอกพ่อแม่ว่าเครียด อย่ากดดัน ถ้ากดดันจะฆ่าตัวตาย
บอกไปเลยว่า จะเอาอย่างที่หวัง หรือจะให้ฆ่าตัวตายดี.... ก็ในเมื่อเรายังคิดอย่างงั้น แล้วเราจะทำมันทำไม
ตอนนี้พยายามสงบจิต สงบใจแล้วก็ค่อยๆแก้ปัญหาค่ะ..... ไม่อยากให้แม่ผิดหวังเลย
แม่ทำเพื่อเรามาเยอะมาก จากคนจนๆ ไม่มีอะไรเลย ส่งให้เราให้เรียนจนจบ ทำเพื่อเราทุกอย่าง
แม่ต้องอดทนมากๆ ต่อสู้มาเยอะมากๆ ให้เรามีวันนี้ เราอยากทำให้แม่ภูมิใจ และไม่อยากให้แม่เครียดค่ะ
ใครเคยเจอแบบนี้แชร์กันบ้างนะคะ ......
//ปล. แก้คำผิดค่ะ