คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ตั้งว่าถามในเชิงวิชาการ เลยตอบเชิงวิชาการครับ
สามารถหาเรียนหรืออ่านได้จากวิชาและตำรา stategic managment / business strategy แปลเป็นไทยก็คงราว ๆ การจัดการเชิงกลยุทธ์, กลยุทธ์ธุรกิจ ซึ่งจะศึกษาถึงการบริหารองค์กรในประสบความสำเร็จ ซึ่งศึกษากลยุทธ์อยู่ 2 ระดับใหญ่ ๆ คือ ระดับองค์กร, ระดับหน่วยธุรกิจ(business unit) ส่วนระดับสายงานนั้น คือวิชาเรียนต่าง ๆ เช่น การตลาด การเงิน การดำเนินงาน การบริหารทรัพยากรบุคคล นั้นเองครับ
องค์กรที่จ้างแต่คนเก่ง และมีวัฒนธรรมองค์กรที่เด่นชัด เน้นระเบียบ ใช้เทคนิควิธีการในการบริหารจัดการ ทุ่มเทกับการอบรมพัฒนา เทคโนโลยี โอนอ่อนตามการเปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับลูกค้า ทางทฤษฎีเรียกกลยุทธ์ระดับองค์กร แบบนี้ว่า Differenciate นั้นคือองค์กรมีการลงทุนสูงและหวังผลสำเร็จสูงนั้นเอง จะมีการบริหารจัดการที่แตกต่าง มีความเป็นมืออาชีพมาก แน่นอนทำงานต้องกดดัน และ เก่ง
ในประเทศไทย ตัวอย่างคือ Unilever, SCG ครับ
องค์กรที่จ้างแต่คนไม่เก่ง ให้ค่าจ้างต่ำ ๆ ไม่เน้นการลงทุน เน้นความชอบพอความสนิทสนมกับเป็นหลัก ยืดหยุ่นในวิธีการ ไม่ค่อยมีการพัฒนาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ยาก เคยอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ในทางทฤษฎีเรียกกลยุทธ์ระดับองค์กรแบบนี้ว่า Low Cost คือประหยัดต้นทุนทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ค่าจ้างแรงงานอย่างเดียว หมายถึง เทคโนโลยี ทรัพยากรการเงินด้วย ไม่เน้นประสิทธิภาพ แต่ขอปริมาณเข้าว่า
ธุรกิจที่รับแต่คนไม่เก่งมีสิครับ แต่ละธุรกิจไม่เหมือนกันนี้ครับ บ้างธุรกิจเป็นธุรกิจท้องถิ่น มีขนาดเล็ก ไม่ได้ต้องเก่งไปแข่งขันกับใคร บางธุรกิจเป็นบริษัทข้ามชาติก็ต้องการคนเก่งไปแข่งสิครับ บางธุรกิจเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายต้องแข่งขันกับตลาดมาก บางธุรกิจเน้นผลิตเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการคุณภาพนี้ครับ ต้องการความถูก เร็ว และ ปริมาณ ส่วนคุณภาพซื้อเทคโนโลยีมาใช้ครับ คนผลิตไม่ได้ทุกอย่าง
ตัวอย่างในไทย เช่น Summit Footwear, BTS
หากมีการผสมผสานกัน เข่น นำคนเก่งมาทำงานกับองค์กรที่มีแต่คนไม่เก่ง จ้างถูก ๆ จะเกิดการขัดแย้งครับ การบริหารงานจะไม่สมดุล ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เช่น คนทะเลาะกัน มีความขัดแย้งระหว่างสายงาน(ซึ่งเน้นการทำงาน)กับฝ่ายhr(ที่เน้นวัฒนธรรมองค์กร) อาจจะมีการแบ่งขั้น แบ่งฝ่าย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างดีทั้งคู่ แต่ดีกันคนละอย่าง เข้ากันไม่ได้ มีการลาออกสูง เพราะมัวแต่เถียงกันว่าจะถูกต้องหรือถูกใจ เป็นต้น
ตัวอย่างในไทย เช่น Villa Market ครับ บริษัทถูกฟ้องข้ามปี และ เปลี่ยนhrไปหลายคนแล้ว รวมถึง HR Manager ด้วย เหมือนประหยัดค่าจ้างพนักงานมาจ่ายค่าทนาย 555
หากจำเป็นต้องผสมผสาน เช่น องค์กรเป็นองค์กรสมัยเก่า แล้วต้องการพัฒนาให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป หรือมีความจำเป็นทางสภาพแวดล้อมธุรกิจบีบบังคับ เช่น เทคโนโลยีเปลี่ยน, รสนิยมลูกค้าเปลี่ยน แข่งขันไม่ได้
ต้องใช้การบริหารการเปลี่ยนปลง หรือ change management เข้ามาช่วยครับ มีการสื่อสารวิสัยทัศน์ นโยบาย ผู้บริหารดำเนินแบบอย่าง หัวหน้างานต้องเกิดความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงและช่วยลูกน้องพัฒนา
ต้องทำควบคู่กันไป เช่น จัดให้มีการฝึกอบรม ลงทุนในคน พัฒนาคน หากพัฒนาได้จะยอมจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้น ให้โอกาสคนใหม่เข้ามาร่วมงานพร้อม ๆ กับหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรใหม่เข้าไปด้วย เพื่อให้ทุกคนเดินไปในทางเดียวกัน ก็จะไม่มีการอิจฉาเงินเดือนระหว่างคนใหม่และเก่าครับ เพราะต้องเก่งจึงจะได้เงินสูง ทุกคนจะพยายามปรับตัว เทคนิคใหม่ ๆ จะผสมผสานเข้ากับประสบการณ์เก่า ๆ ครับ
ช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านก็คือ องค์กรโต แต่คนโตตามไม่ทันครับ ต้องใช้เรื่อง OD-Oraganisation Developement เข้ามา
ตัวอย่างในไทยเช่น CRC, CPN
ทฤษฎีและปฏิบัติครบครับ
สามารถหาเรียนหรืออ่านได้จากวิชาและตำรา stategic managment / business strategy แปลเป็นไทยก็คงราว ๆ การจัดการเชิงกลยุทธ์, กลยุทธ์ธุรกิจ ซึ่งจะศึกษาถึงการบริหารองค์กรในประสบความสำเร็จ ซึ่งศึกษากลยุทธ์อยู่ 2 ระดับใหญ่ ๆ คือ ระดับองค์กร, ระดับหน่วยธุรกิจ(business unit) ส่วนระดับสายงานนั้น คือวิชาเรียนต่าง ๆ เช่น การตลาด การเงิน การดำเนินงาน การบริหารทรัพยากรบุคคล นั้นเองครับ
องค์กรที่จ้างแต่คนเก่ง และมีวัฒนธรรมองค์กรที่เด่นชัด เน้นระเบียบ ใช้เทคนิควิธีการในการบริหารจัดการ ทุ่มเทกับการอบรมพัฒนา เทคโนโลยี โอนอ่อนตามการเปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับลูกค้า ทางทฤษฎีเรียกกลยุทธ์ระดับองค์กร แบบนี้ว่า Differenciate นั้นคือองค์กรมีการลงทุนสูงและหวังผลสำเร็จสูงนั้นเอง จะมีการบริหารจัดการที่แตกต่าง มีความเป็นมืออาชีพมาก แน่นอนทำงานต้องกดดัน และ เก่ง
ในประเทศไทย ตัวอย่างคือ Unilever, SCG ครับ
องค์กรที่จ้างแต่คนไม่เก่ง ให้ค่าจ้างต่ำ ๆ ไม่เน้นการลงทุน เน้นความชอบพอความสนิทสนมกับเป็นหลัก ยืดหยุ่นในวิธีการ ไม่ค่อยมีการพัฒนาและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ยาก เคยอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น ในทางทฤษฎีเรียกกลยุทธ์ระดับองค์กรแบบนี้ว่า Low Cost คือประหยัดต้นทุนทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ค่าจ้างแรงงานอย่างเดียว หมายถึง เทคโนโลยี ทรัพยากรการเงินด้วย ไม่เน้นประสิทธิภาพ แต่ขอปริมาณเข้าว่า
ธุรกิจที่รับแต่คนไม่เก่งมีสิครับ แต่ละธุรกิจไม่เหมือนกันนี้ครับ บ้างธุรกิจเป็นธุรกิจท้องถิ่น มีขนาดเล็ก ไม่ได้ต้องเก่งไปแข่งขันกับใคร บางธุรกิจเป็นบริษัทข้ามชาติก็ต้องการคนเก่งไปแข่งสิครับ บางธุรกิจเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายต้องแข่งขันกับตลาดมาก บางธุรกิจเน้นผลิตเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการคุณภาพนี้ครับ ต้องการความถูก เร็ว และ ปริมาณ ส่วนคุณภาพซื้อเทคโนโลยีมาใช้ครับ คนผลิตไม่ได้ทุกอย่าง
ตัวอย่างในไทย เช่น Summit Footwear, BTS
หากมีการผสมผสานกัน เข่น นำคนเก่งมาทำงานกับองค์กรที่มีแต่คนไม่เก่ง จ้างถูก ๆ จะเกิดการขัดแย้งครับ การบริหารงานจะไม่สมดุล ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เช่น คนทะเลาะกัน มีความขัดแย้งระหว่างสายงาน(ซึ่งเน้นการทำงาน)กับฝ่ายhr(ที่เน้นวัฒนธรรมองค์กร) อาจจะมีการแบ่งขั้น แบ่งฝ่าย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างดีทั้งคู่ แต่ดีกันคนละอย่าง เข้ากันไม่ได้ มีการลาออกสูง เพราะมัวแต่เถียงกันว่าจะถูกต้องหรือถูกใจ เป็นต้น
ตัวอย่างในไทย เช่น Villa Market ครับ บริษัทถูกฟ้องข้ามปี และ เปลี่ยนhrไปหลายคนแล้ว รวมถึง HR Manager ด้วย เหมือนประหยัดค่าจ้างพนักงานมาจ่ายค่าทนาย 555
หากจำเป็นต้องผสมผสาน เช่น องค์กรเป็นองค์กรสมัยเก่า แล้วต้องการพัฒนาให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป หรือมีความจำเป็นทางสภาพแวดล้อมธุรกิจบีบบังคับ เช่น เทคโนโลยีเปลี่ยน, รสนิยมลูกค้าเปลี่ยน แข่งขันไม่ได้
ต้องใช้การบริหารการเปลี่ยนปลง หรือ change management เข้ามาช่วยครับ มีการสื่อสารวิสัยทัศน์ นโยบาย ผู้บริหารดำเนินแบบอย่าง หัวหน้างานต้องเกิดความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงและช่วยลูกน้องพัฒนา
ต้องทำควบคู่กันไป เช่น จัดให้มีการฝึกอบรม ลงทุนในคน พัฒนาคน หากพัฒนาได้จะยอมจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้น ให้โอกาสคนใหม่เข้ามาร่วมงานพร้อม ๆ กับหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรใหม่เข้าไปด้วย เพื่อให้ทุกคนเดินไปในทางเดียวกัน ก็จะไม่มีการอิจฉาเงินเดือนระหว่างคนใหม่และเก่าครับ เพราะต้องเก่งจึงจะได้เงินสูง ทุกคนจะพยายามปรับตัว เทคนิคใหม่ ๆ จะผสมผสานเข้ากับประสบการณ์เก่า ๆ ครับ
ช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านก็คือ องค์กรโต แต่คนโตตามไม่ทันครับ ต้องใช้เรื่อง OD-Oraganisation Developement เข้ามา
ตัวอย่างในไทยเช่น CRC, CPN
ทฤษฎีและปฏิบัติครบครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอถามว่าด้วยเรื่อง บ.ที่จ้างแต่พนักงานไม่เก่ง vs บ.ที่จ้างแต่พนักงานเก่งๆ
1. บริษัทแรก เน้นจ้างแต่พนักงานไม่เก่ง สมองช้าๆ ทำงานสะเพร่า ผิดๆถูกๆ ความสามารถต่ำ ค่าจ้างถูก 9000-13000 (พนักงานะรรมดา)
2.บริษัทที่สอง จ้างแต่พนักงานกลางๆ-เก่งๆ สมองดี ทำงาน รอบคอบ รัดกุม ความสามารถ กลางๆ-เก่งๆ ค่าจ้าง 14000 up (พนักงานธรรมดา)
นี่คือจากการสังเกตุส่วนตัวนะครับ
ทำให้เกิดคำถามดังนี้ครับ
1.ถ้า บ.ที่รับแต่คนไม่เก่ง เปลื่ยนมารับแต่คนเก่ง บ.จะเปลื่ยนแปลงไปไหมครับ
2.บ.ที่รับแต่คนเก่งๆ มาตลอด เปลื่ยนมารับคนไม่เก่งบ้างจะเป็นอย่างไรครับ
3.มี ธุรกิจที่ต้องการแต่คนไม่เก่งด้วยหรือครับ
4.การรับแต่คนไม่เก่ง ค่าจ้างถูก จะประหยัดค่าจ้างได้เยอะไหม และ คุ้มค่ากับผลงานหรือไม่
ที่ถามแบบนี้ไม่ได้ต้องการดูถูดหรือดูหมิ่นใครนะครับ ถามในเชิงวิชาการจริงๆ
ขอความเห้นทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ