ลุ้นบ่ายนี้ อสส.แถลงสั่งคดี'มาร์ค-เทือก'สลายแดงปี53
ลุ้นบ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) อสส.เตรียมแถลงข่าวการสั่งคดี “มาร์ค-สุเทพ” ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เหตุสลายม็อบนปช.ปี53
เมื่อวันที่27ตุลาคม สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งแถลงข่าวการสั่งคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจาก เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองปี2553ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายก ฯ และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เป็นผู้ต้องหาที่1-2 โดยมีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ
(ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59,80, 83, 84และ288จากกรณีที่ ศอฉ. มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการขอคืนพื้นที่ จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ระหว่างเดือน เม.ย.–พ.ค.53บริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย โดยนายอรรถพล จะเปิดแถลงข่าวผลการพิจารณาสั่งคดี ใน
วันที่28ตุลาคมนี้ เวลา13.30น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุดศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคดีนี้คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สรุปสำนวนการสอบสวน
เอกสารหลักฐานทั้งสิ้น9ลัง61แฟ้ม11,242แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผล จากกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง อายุ43ปี และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี และข้อหาก่อให้ผู้อื่นพยายามฆ่า ฯ กรณีที่นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โดยดีเอสไอสรุปสำนวนส่งให้อัยการเมื่อวันที่26มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการด้วยทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะคดีนี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยคดีนี้ทาง
อัยการได้เลื่อนสั่งคดีมาแล้ว 2 ครั้งกระทั่งล่าสุดทางสำนักงาน อัยการคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนให้นายอรรถพล อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา เนื่องจาก
เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า
คดีนี้จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น ตาม ป.วิอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย ที่ระบุว่า ในคดีฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยอัยการสูงสุดเท่านั้นที่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องเพราะเป็นคดีวิสามัญ ฆาตกรรมโดยทางอัยการคดีพิเศษไม่มีอำนาจพิจารณาคดีได้ และ
หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างไรก็ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในวันยื่นฟ้อง
ไทยรัฐออนไลน์ 28 ตุลาคม 2556, 03:20 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/378968
?????????????????????????????????????????
"...
(ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล .."
"...
เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม....คดีนี้จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น ตาม ป.วิอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย..."
"หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างไรก็
ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในวันยื่นฟ้อง"
พี่น้องผู้รักความเป็นธรรมทุกท่าน
ท่านเห็นอะไรเหมือนผมไหมจากบรรทัดล่างสุดที่ผมนำมาเน้นย้ำ......สื่อว่าอย่างไร
ลาก่อน...บ๊ายบายยยยยย เจ้า"ฆาตกรฟันน้ำนม"....
ปล.แต่สุดท้ายแล้ว....
หากอัยการสั่งมาอย่างไร เราก็ยินดียอมรับกับความยุติธรรมที่มอบมา
เพียงแต่...เราขอรักษาสิทธิของการ "คาใจ" ไปตลอดชั่วชีวิต....
ลุ้นบ่ายนี้ อสส.แถลงสั่งคดี'มาร์ค-เทือก'สลายแดงปี53...โหงวเฮ้งมันให้ไม่น้อย เผลอๆมีเฮกันในวันนี้ มาลุ้นกันหน่อยสิ
ลุ้นบ่ายนี้ อสส.แถลงสั่งคดี'มาร์ค-เทือก'สลายแดงปี53
ลุ้นบ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) อสส.เตรียมแถลงข่าวการสั่งคดี “มาร์ค-สุเทพ” ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เหตุสลายม็อบนปช.ปี53
เมื่อวันที่27ตุลาคม สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งแถลงข่าวการสั่งคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจาก เหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองปี2553ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายก ฯ และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เป็นผู้ต้องหาที่1-2 โดยมีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59,80, 83, 84และ288จากกรณีที่ ศอฉ. มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการขอคืนพื้นที่ จากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ระหว่างเดือน เม.ย.–พ.ค.53บริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย โดยนายอรรถพล จะเปิดแถลงข่าวผลการพิจารณาสั่งคดี ในวันที่28ตุลาคมนี้ เวลา13.30น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุดศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับคดีนี้คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สรุปสำนวนการสอบสวนเอกสารหลักฐานทั้งสิ้น9ลัง61แฟ้ม11,242แผ่น พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผล จากกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง อายุ43ปี และ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี และข้อหาก่อให้ผู้อื่นพยายามฆ่า ฯ กรณีที่นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ โดยดีเอสไอสรุปสำนวนส่งให้อัยการเมื่อวันที่26มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการด้วยทั้งประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะคดีนี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งการสอบสวนจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยคดีนี้ทางอัยการได้เลื่อนสั่งคดีมาแล้ว 2 ครั้งกระทั่งล่าสุดทางสำนักงาน อัยการคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนให้นายอรรถพล อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมโดย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น ตาม ป.วิอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย ที่ระบุว่า ในคดีฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ โดยอัยการสูงสุดเท่านั้นที่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องเพราะเป็นคดีวิสามัญ ฆาตกรรมโดยทางอัยการคดีพิเศษไม่มีอำนาจพิจารณาคดีได้ และหากอัยการสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างไรก็ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในวันยื่นฟ้อง
ไทยรัฐออนไลน์ 28 ตุลาคม 2556, 03:20 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/378968
?????????????????????????????????????????
"...(ดีเอสไอ) มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล .."
"...เป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม....คดีนี้จะต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น ตาม ป.วิอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย..."
"หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งเป็นอย่างไรก็ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และต้องเอาตัวผู้ต้องหาไปฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในวันยื่นฟ้อง"
พี่น้องผู้รักความเป็นธรรมทุกท่าน
ท่านเห็นอะไรเหมือนผมไหมจากบรรทัดล่างสุดที่ผมนำมาเน้นย้ำ......สื่อว่าอย่างไร
ลาก่อน...บ๊ายบายยยยยย เจ้า"ฆาตกรฟันน้ำนม"....
ปล.แต่สุดท้ายแล้ว....
หากอัยการสั่งมาอย่างไร เราก็ยินดียอมรับกับความยุติธรรมที่มอบมา
เพียงแต่...เราขอรักษาสิทธิของการ "คาใจ" ไปตลอดชั่วชีวิต....