ตอนที่ 1 กับ ตอนที่ 2 ค่ะ
http://pantip.com/topic/31077788
ตอนที่ 3
“ตกลงผมเลือกห้องใหญ่ห้องน้ำในตัวนะหมอ”
เสียงนลินดังมาก่อนตัวหลังจากใช้เวลาสำรวจบ้านทั้งสองชั้นทีละห้องไล่เรื่อยมันทุกห้องไม่เว้นแม้แต่ห้องนอนเขาในห้องน้ำมันก็ยังเปิดเดินเข้าไปดู ในมือก็ถือกระดานแผ่นเล็กๆ จดนั่นจดนี่ยุกยิกๆ ไม่หยุดจดจนหมดหน้ากระดานพลิกกลับมาจดอีกด้าน ถ้าทั้งหมดที่มันจดคือรายการที่ต้องซื้องานนี้หมดเป็นแสนแน่นอน หลังจากเดินตามมันอยู่พักหนึ่งหมอวิทยาก็นึกขึ้นได้ว่าจะเดินตามมาฟังมันบ่นอยู่ทำไมกันวะเนี่ย! เลยปลีกตัวออกไปนั่งดูรายการทีวีเสียเลย
“ตามใจแกสิจะนอนห้องไหนก็ได้อย่าเป็นห้องเดียวกับฉันเป็นพอ” นลินเหล่ตาทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอก่อนจะโต้คืนทันทีเหมือนกัน
“พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าหมอนอนกรนล่ะซี้..”
“กรนเกรินอะไรล่ะฉันก็แค่.. กลัวแกปล้ำเท่านั้นแหละ” หมอวิทยาแกล้งหยอดหยอกมันเล่นๆ ดูซิว่ามันจะตอบอย่างไร
“เช้อออ.. ทำมาพูดดีไปเห็นอย่างนี้ผมก็เลือกนะครับอย่างหมออ่ะผมแอ้มไม่ลงร๊อกก”
“หึ.. หึ.. อย่างแกเนี่ยนะยังเลือกได้อีกรึ!”
“แน่น๊อนนนน ต้องหมวย-สาว-ขาว-เอ็กซ์ ไม่ล่ำ-ถึก-บึก-ดำ แบบหมอหรอกน่า”
“ชั้นไม่ได้ดำแค่สีน้ำผึ้งโว๊ย” หมอวิทยาเถียงคอเป็นเอ็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาทันที
“น้ำผึ้งไหม้อ่ะดิ”
นลินลอยหน้าลอยตาตอบเสียงจริงจังทำเอาหมอวิทยาก้มลงสำรวจตัวเองทันทีแบบชักจะไม่แน่ใจขึ้นมาเสียแล้วเหมือนกันแค่ออกรอบเป็นเพื่อนท่านบ่อยไปหน่อยแค่เนี้ยะ.. ดำเลยเรอะ! เลยไม่ทันเห็นไอ้ตัวแสบแอบหัวเราะที่หลอกหมอได้สำเร็จ
.. ดำตรงไหนวะ? ..
“อ่ะ.. ถ้าสงสัยนักก็ดูให้ชัดๆ ไปเลย”
นลินนั่งลงข้างๆ ถลกแขนเสื้อขึ้นเทียบแขนเล็กๆ ขาวผ่องของตัวเองกับแขนใหญ่คล้ำแดดของหมอวิทยาทันที “เห็นป่ะ.. ดำ” แถมมันยังจะเน้นเสียงเสียจนหมอวิทยาขมวดคิ้วชนกันเลยทีเดียว
“ก้อ.. ผู้ชายนี่ตัวดำก็ไม่เป็นไรม้างงง”
น้ำเสียงที่อ่อนลงบอกให้รู้ว่าหมอวิทยาเริ่มยอมรับความจริงแล้วเมื่อเห็นชัดๆ ว่าแขนตัวเองคล้ำกว่าแขนขาวผ่องของนลินชนิดเทียบกันไม่ได้ โดยลืมนึกไปว่าที่จริงแขนนลินมันขาวเวอร์กว่าคนอื่นเขาอยู่แล้วเพราะผิวเนื้อส่วนนั้นถูกปิดด้วยแขนเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่มันมักสวมอยู่ตลอดเวลา ความจริงเขาก็แค่สีแทนมากหน่อยอย่างที่บอกจริงๆ ในทัศนคติหมอวิทยาเองเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบผิวออกดำแต่อย่างใดเขามีความรู้สึกว่าขาวๆ สิถึงจะดูสะอาดแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกลัวแดดจนต้องทาครงทาครีมกันแดดป้องกันผิวเสียยามออกรอบตีกอล์ฟเป็นเพื่อนท่าน
“เกี่ยวที่ไหนดำคือดำผู้ชายไม่ดำก็ได้ แล้วไอ้ดำๆ แบบนี้เคยดูตัวเองตอนถอดเสื้อมั่งรึเปล่า เชอะ.. คนเปลี่ยนสีได้ก็มีแฮะ” นลินรีบตอกย้ำเมื่อจับสีหน้าหมอวิทยาได้ว่ากังวลใจเรื่องดำอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“ก็ต้องออกรอบบ่อยก็เลย..” หมอวิทยาเสียงอ่อยลงทันทีอย่างยอมจำนน
“งั้นต้องเพิ่มโลชั่นกันแดดอีกรายการสำหรับเวลาออกรอบของหมอ” นลินจดยิกๆ ลงในใบรายการของที่ต้องซื้อทันที “อ่ะ.. ของที่ต้องซื้อทั้งหมดทั้งของจุกจิกและของหลักที่จำเป็นต้องใช้”
หมอวิทยารับรายการของมาดูทันทีในกระดาษบันทึกเล็กๆ สองสามแผ่นบรรจุแน่นไว้ด้วยรายการของที่ต้องใช้ยาวเหยียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เห็นแล้วเหนื่อยใจ.. เลยเลือกกวาดตาดูเฉพาะของชิ้นใหญ่ก่อนส่วนของจุกจิกช่างมัน.. ฉันไม่แคร์ ซื้อก็ซื้อสิวะ!
“อะไรเนี่ย! เครื่องทำน้ำอุ่นมีแล้วไม่ใช่หรือ”
“นี่ใจคอหมอกะจะให้ลินซ์อาบน้ำเย็นๆ ส่วนหมออาบอุ๊นอุ่นน่ะนะ? โอเคไม่ซื้อก็ด้ายยยย แต่ลินซ์ไปอาบน้ำในห้องหมอนะเพราะมันมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดอยู่น่ะ” นลินเหล่ตามองทำสายตาประมาณ .. งก .. ส่งให้หมอวิทยาเพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจไปพร้อมๆ กัน
“โอเค.. ผ่านๆ อย่าได้เฉียดเข้ามาใกล้ห้องน้ำฉันเชียวแก”
“เหอะๆ ก็แค่เนี้ยะ”
นลินยิ้มกริ่มทันทีในใจนึกถึงความลับอย่างหนึ่งที่หมอไม่รู้.. นั่นคือแม้แต่ที่บ้านตัวเองยังไม่เคยได้อาบน้ำอุ่นเล๊ยยย เย็นเจี๊ยบตลอดแม้แต่หน้าหนาวก็เหอะเพราะแม่บอกว่าเกินความจำเป็น หุ หุ เสร็จโก๋ไปหนึ่งอย่าง นั่งมองหมอวิทยาไล่รายการดูไปเรื่อยๆ แม้จะเห็นว่าหมอทำท่าติดใจบางรายการบ้างก็ไม่กล้าหือกลัวสุดท้ายพูดไปพูดมาไอ้ลินซ์คนนี้จะขอเข้าไปเอี่ยวในห้องของหมอเอาได้อีก
“แอลอีดีทีวี 60 นิ้วเป็นอย่างต่ำ แกจะซื้อทำไมวะตรงหน้านั่นก็มีทีวีให้ดูอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ” หมอวิทยาบุ้ยใบ้ให้นลินมองตามไปที่ทีวีเครื่องเก่าที่วางอยู่ด้านหน้าจะว่าเก่ามันก็ไม่ได้เก่าอะไรนักหนาอายุการใช้งานแค่สามปีเท่านั้นเอง
“นั่นมันแอลซีดีของเก่าแล้วเปลี่ยนใหม่เหอะหมอราคาไม่กี่หมื่นเอ๊ง..” นลินโน้มน้าวสุดฤทธิ์เพราะอยากได้ทีวีรุ่นใหม่มาดูแทนของเก่า
“โอเค.. ฉันตัดรายเดือนเอาในตังค์แกก็ได้”
“เฮ้ย.. งั้นผ่านเหอะไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้อันนี้มันก็ยังดีๆ อยู่เนาะหมอเนาะ”
“แกเปลี่ยนสีเร็วกว่าฉันอีกไอ้ลิ้น” หมอวิทยาอมยิ้มเมื่อนลินส่ายหน้าดิกขอผ่านทีวีแอลอีดีที่มันเชียร์นักเชียร์หนาให้เขาเปลี่ยนใหม่เมื่อได้ยินชัดๆ ว่าต้องใช้เงินใครในการซื้อเข้าบ้าน
“เอ่อ.. ผ่านมันไปเหอะหมอมาขีดฆ่าก่อนเดี๋ยวเผลอซื้อจะแย่เอาได้” นลินรีบกุลีกุจอขีดฆ่ารายการทีวีออกทันที
“แล้วอะไรอีกล่ะเนี่ย.. เครื่องซักผ้าอัตโนมัติถังเดี่ยวฝาบน”
“หมอคงไม่คิดให้ผมซักมือหรอกนะ ใช่ป่ะ.. หรือจะให้ขนผ้าไปซักที่บ้านโน้นแต่ผมว่าซื้อเหอะหมอเล็กๆ ก็ได้ 7-8 กิโลก็มีราคาก็หมื่นต้นๆ เองครับหมอ.. ซื้อเหอะ”
“อืม.. ซื้อทั้งทีซื้อใหญ่ไปเลยก็ได้นี่จะได้ซักผ้านวมได้ด้วย”
“ไม่ต้องเลยหมอ ผ้านวมนานๆ ซักทีค่อยขนไปซักที่บ้านผมก็ได้ส่วนที่นี่ซื้อเล็กๆ ไปก่อนเสื้อผ้าหมอไม่กี่ชุดต่อสัปดาห์แยกซักเสื้อถังกางเกงถังจะได้ประหยัดไงซื้อใหญ่มาก็เปลืองน้ำเปลืองไฟเปล่าๆ ที่จริงนะในบรรดาเครื่องซักผ้าเครื่องอัตโนมือสองถังน่ะดีสุดแล้วสะอาดประหยัดน้ำประหยัดไฟเสียอย่างเดียวมันไม่ประหยัดเวลาเท่านั้นเองต้องคอยเฝ้ามันอยู่ตลอดไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้แต่เครื่องอัตโนมัติกดปุ่มเดียวรอมันร้องค่อยมาเอาไปตากสบายกว่ากันเยอะแต่เปลืองกว่าหน่อย เนี่ยยุคนี้มันดีกว่ายุคก่อนเยอะเลยนะหมอที่มันออกแบบมาให้ช่วยประหยัดได้มากขึ้นน่ะ แล้ว..”
นลินร่ายยาวอย่างลืมตัวเพิ่งมานึกได้ตอนเห็นหมอวิทยานั่งมองแบบอึ้งๆ ไม่คิดว่าไอ้เจ้านี่มันมีความคิดที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งได้ปานนี้เห็นท่าทางมันห่ามๆ เฮ้วๆ อย่างกับเด็กผู้ชายแต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับรู้เรื่องในบ้านดีไม่แพ้เด็กผู้หญิงเลย เขาเสียอีกที่ไม่เคยคิดในมุมที่มันพูดให้ฟัง
“โอเคซื้อ..” หมอวิทยารีบอนุมัติก่อนที่นลินจะทันพูดร่ายยาวแบบต่อเนื่องอีกนาน นลินเลยหยิบกระดาษมาร่ายยาวให้ฟังเสียเอง
“ต่อไปก็โต๊ะรีดผ้ากับเตารีดไอน้ำนะหมอยังไงก็ต้องมีแต่ถ้าหมอทนใส่เสื้อยับไปทำงานได้ผมก็โอเค” มันหยุดนิดหนึ่งเพื่อฟังความเห็นเจ้าของเงินเมื่อได้รับสัญญาณโอเคก็ร่ายยาวต่อทันที “เตาอบอีกตัว”
“หมายถึงไมโครเวฟน่ะหรือ”
“ม่ายยย” นลินส่ายหน้าไปมาอย่างปฏิเสธ “เตาอบครับ ไม่ใช่ไมโครเวฟเตาอบความร้อนน่ะมันอบเนื้ออบไก่อบได้สารพัดอุ่นอาหารก็ได้ทำแล้วออกมาอร่อยกว่าใช้ไมโครเวฟตั้งเยอะ ไมโครเวฟมันดีอยู่อย่างเดียวแหละตรงที่มันสะดวกรวดเร็ว แต่คุณค่าทางอาหารน่ะหายหมดแล้วใช้ไมโครเวฟก็ไม่ต่างอะไรกับกินซากอาหารที่ไม่มีคุณค่าเอาเลย”
“โอเคๆ เข้าใจแล้ว แล้วนี่อะไรวะไม้ถูพื้นแบบเหยียบปั่น”
“ก็ไม้ถูพื้นแบบใหม่หัวกลมๆ ใช้เท้าเหยียบปั่นแห้งไม่ต้องก้มลงบิดหมาดไงเล่า บอกไปหมอก็คงไม่เข้าใจหรอกเกิดมาเคยถูพื้นหรือเปล่าเหอะ”
“แล้วของเก่า?”
“ผมไม่ใช่แม่นะหมอ รายนั้นประหยัดทุกอย่างยอมเหนื่อยทนใช้อุปกรณ์ล้าสมัยอยู่ได้อีกอย่างผมมีเวลาน้อยอะไรที่ช่วยให้สะดวกขึ้นได้ประหยัดแรงได้ย่อมต้องซื้อหามาเป็นลูกมืออยู่แล้วอย่ามา..”
“เออๆ ซื้อๆ เข้าใจแล้ว” นลินยิ้มกริ่มที่หมอยอมซื้อให้อีกชิ้นหนึ่งแล้ว
“กรรไกรตัดกิ่งใหญ่ เสียมเล็ก พลั่วเล็ก บลาๆ ๆ”
หมอวิทยาทำตาปริบๆ สรุปว่าทุกรายการมันจำเป็นใช้ทุกอย่างมีเหตุผลสนับสนุนเสียทุกทีไปจนแทบตัดอะไรออกไม่ได้เลยยกเว้นไอ้ทีวีแอลอีดีเครื่องนั้นเครื่องเดียวที่สามารถเอามันออกจากรายการไปได้เสียหนึ่งอย่าง
“จะไปซื้อกันวันไหนดีหมอพรุ่งนี้เย็นเลยมะ ว่างเปล่า? หรือว่าวันนี้ดีรีบซื้อหน่อยอาจกลับบ้านก่อนห้างปิดทันแต่บอกก่อนนะอย่าซักมากถามมากให้ซื้อตามที่ผมชี้พอ” นลินรีบสำทับกำกับก่อนหมอวิทยาจะทันอ้าปากไม่ว่าตั้งใจจะอ้าปากถามหรืออ้าปากเถียงก็ตาม เลยทำให้หมอมีอันต้องหุบปากฉับลงไปเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรอีกเมื่อโดนดักเสียหมดทางไปแล้วแบบนี้
“แล้ว... ข้าวเย็นล่ะจะกินตอนไหน”
“กินขนมปังรองท้องไปก่อนกลับมาแล้วจะทำมื้อดึกให้กิน โอมั้ย?”
.. คิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่รับมันเข้าบ้านมา ไม่ลิงธรรมดาเสียแล้วมั้ง.. ไอ้นี่มันลิงดูดตังค์เห็นๆ ..
หมอวิทยาถอนหายใจเฮือกใหญ่สองตาจับจ้องมองหน้าระรื่นของนลินแต่ภายในใจกลับไม่รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอีกต่อไปแล้วสำหรับเขามีเงินมากมายเก็บไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เอาเงินที่ไม่สำคัญนั่นมาให้เด็กลิงนี่ถลุงดูมั่งก็ไม่เลวเลยมันยังช่วยทำให้พอมีเรื่องที่ต้องถกเถียงกันได้บ้าง ไม่เหงาเปล่าเปลี่ยวเหมือนที่เคยผ่านมาตลอดเวลาสามปีเต็มๆ การมีน้องชายสักคนมันก็ดีเหมือนกันนะ ถึงจะปวดหัวแต่เราก็ยังรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ต้องทนเดียวดายอยู่เพียงลำพัง
“เอาวะ.. ซื้อก็ซื้อ.. แต่วันหลังนะโว๊ยวันนี้ไม่ไปแล้ว รอวันหยุดจะได้ซื้อทีเดียวจบมีเวลาเลือกของด้วย”
“เยสสสส.. ฮ่าๆ หมอน่ารักจังงั้นเดี๋ยวผมไปตลาดก่อนหมออยากกินอะไรเป็นพิเศษออเดอร์มาเลยหมอ คึ คึ” นลินวิ่งกระดี๊กระด๊าออกไปเตรียมเปิดประตูรั้วบ้านทันที อารมณ์ดีสุดๆ ใครๆ มันก็ชอบช็อปปิ้งกันทั้งนั้นแหละไม่ว่าจะหญิงหรือชายโดยเฉพาะช็อปด้วยเงินคนอื่นนี่.. สุดโปรด โฮ่ โฮ่ (พลาดทีวีไปเครื่องเดียวเอ๊งงงง)
“ไปตลาด? ที่ไหน”
“ก็ตลาดเจริญสุขไงครับปกติผมจะแวะซื้อก่อนกลับบ้านเพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้วแต่วันนี้รีบเพราะนัดกับหมอไว้เลยตั้งใจจะออกไปใหม่อีกรอบ”
“เฮ้ยนั่นมันไกลโขเลยนะ”
“แป๊บเดียวเดี๋ยวมานะหมอยังไม่หิวใช่ป่ะ?”
.. ไอ้หิวน่ะยังไม่หิวหรอก แต่ไอ้ห่วงนี่สิมากเลยจะปล่อยให้ไปได้ไงวะ.. มอเตอร์ไซค์ ..
“เดี๋ยวฉันไปด้วย”
“ไปด้วย!” นลินหันขวับกลับมามองหมอวิทยา “จะไปทำไม รออยู่บ้านนี่แหละดีแล้ว” นลินเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจเมื่อเห็นสายตาหมอวิทยาออกไปทางโกรธๆ “อ๊ะ.. ไปก็ไปเดี๋ยวแวะเอาหมวกอีกใบที่บ้านก่อนแล้วกันเนาะ.. เกาะดีๆ ล่ะผมจะพยายามไม่ซิ่งแล้วกัน” พูดเสร็จก็เดินผ่านหน้าหมอไปทางรถมอเตอร์ไซค์แต่ต้องเบรคพรืดเมื่อหมอดึงหลังคอเสื้อเอาไว้อย่างกะทันหันทำเอาคอเสื้อเกือบรัดคอตาย
“แค่กๆ ดึงทามม๊ายย”
“ก็ใครบอกแกว่าจะไปกับมอเตอร์ไซค์น่ะ”
“อ้าว หรือว่าจะไปกับ.. ” นลินรีบทำมือทำไม้เป็นเชิงถามบุ้ยใบ้ไปทางเก๋งคันงามและรีบยิ้มแก้มแทบปริเมื่อหมอวิทยาพยักหน้าตอบรับ “หมอ! ขอผมขับได้ป่ะ?”
“หือ? ขับเป็น?”
“เป็นดิ.. ลันเคยสอนให้แล้ว.. พาผมไปสอบใบขับขี่แล้วด้วยแต่ยังขับได้ไม่แข็งหรอกครับ” นลินส่งสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์สุดเดชอยากขับรถเก๋งของหมอจนตัวสั่น
“แล้วฉันควรเสี่ยงกับแกป่ะ?” หมอวิทยาลอยหน้าลอยตาถามสำเนียงเดียวกับที่นลินชอบใช้ทำให้ลิงตัวดูดหน้าหงอยไปทันตาเห็น “อ๊ะ.. ลองเสี่ยงก็ได้แต่ถ้าแกไม่เอาอ่าวจริงๆ ฉันจะทวงคืนนะโว๊ย” หมอวิทยาทำทีเป็นเปลี่ยนใจทั้งที่ความจริงในใจนั้นอนุญาตอยู่แล้วเพราะเชื่อว่าคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ต้องมีทักษะในเรื่องการตัดสินใจบนท้องถนนได้ในระดับหนึ่งที่เหลือก็คือทักษะในการฝึกหัดควบคุมรถให้ชำนาญเท่านั้นเอง
“เยสสสส สุดยอดเลยหมออ่ะ” นลินกระโดดตัวลอยอย่างดีใจสุดๆ ที่ได้รับสิทธิ์ในการขับรถอย่างที่มันเฝ้าหวังทำให้หมอวิทยาเปิดยิ้มกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลืมไปเลยว่าสามปีที่ผ่านวันนี้คือวันเขาเปิดยิ้มนับจำนวนครั้งแล้วมากกว่าวันไหนๆ ในสามปีเสียอีก
อ้อนรัก (นิยายสบายๆ อ่านแล้วหัวเราะได้ทุกตอนค่า)
ตอนที่ 3
“ตกลงผมเลือกห้องใหญ่ห้องน้ำในตัวนะหมอ”
เสียงนลินดังมาก่อนตัวหลังจากใช้เวลาสำรวจบ้านทั้งสองชั้นทีละห้องไล่เรื่อยมันทุกห้องไม่เว้นแม้แต่ห้องนอนเขาในห้องน้ำมันก็ยังเปิดเดินเข้าไปดู ในมือก็ถือกระดานแผ่นเล็กๆ จดนั่นจดนี่ยุกยิกๆ ไม่หยุดจดจนหมดหน้ากระดานพลิกกลับมาจดอีกด้าน ถ้าทั้งหมดที่มันจดคือรายการที่ต้องซื้องานนี้หมดเป็นแสนแน่นอน หลังจากเดินตามมันอยู่พักหนึ่งหมอวิทยาก็นึกขึ้นได้ว่าจะเดินตามมาฟังมันบ่นอยู่ทำไมกันวะเนี่ย! เลยปลีกตัวออกไปนั่งดูรายการทีวีเสียเลย
“ตามใจแกสิจะนอนห้องไหนก็ได้อย่าเป็นห้องเดียวกับฉันเป็นพอ” นลินเหล่ตาทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอก่อนจะโต้คืนทันทีเหมือนกัน
“พูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าหมอนอนกรนล่ะซี้..”
“กรนเกรินอะไรล่ะฉันก็แค่.. กลัวแกปล้ำเท่านั้นแหละ” หมอวิทยาแกล้งหยอดหยอกมันเล่นๆ ดูซิว่ามันจะตอบอย่างไร
“เช้อออ.. ทำมาพูดดีไปเห็นอย่างนี้ผมก็เลือกนะครับอย่างหมออ่ะผมแอ้มไม่ลงร๊อกก”
“หึ.. หึ.. อย่างแกเนี่ยนะยังเลือกได้อีกรึ!”
“แน่น๊อนนนน ต้องหมวย-สาว-ขาว-เอ็กซ์ ไม่ล่ำ-ถึก-บึก-ดำ แบบหมอหรอกน่า”
“ชั้นไม่ได้ดำแค่สีน้ำผึ้งโว๊ย” หมอวิทยาเถียงคอเป็นเอ็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาทันที
“น้ำผึ้งไหม้อ่ะดิ”
นลินลอยหน้าลอยตาตอบเสียงจริงจังทำเอาหมอวิทยาก้มลงสำรวจตัวเองทันทีแบบชักจะไม่แน่ใจขึ้นมาเสียแล้วเหมือนกันแค่ออกรอบเป็นเพื่อนท่านบ่อยไปหน่อยแค่เนี้ยะ.. ดำเลยเรอะ! เลยไม่ทันเห็นไอ้ตัวแสบแอบหัวเราะที่หลอกหมอได้สำเร็จ
.. ดำตรงไหนวะ? ..
“อ่ะ.. ถ้าสงสัยนักก็ดูให้ชัดๆ ไปเลย”
นลินนั่งลงข้างๆ ถลกแขนเสื้อขึ้นเทียบแขนเล็กๆ ขาวผ่องของตัวเองกับแขนใหญ่คล้ำแดดของหมอวิทยาทันที “เห็นป่ะ.. ดำ” แถมมันยังจะเน้นเสียงเสียจนหมอวิทยาขมวดคิ้วชนกันเลยทีเดียว
“ก้อ.. ผู้ชายนี่ตัวดำก็ไม่เป็นไรม้างงง”
น้ำเสียงที่อ่อนลงบอกให้รู้ว่าหมอวิทยาเริ่มยอมรับความจริงแล้วเมื่อเห็นชัดๆ ว่าแขนตัวเองคล้ำกว่าแขนขาวผ่องของนลินชนิดเทียบกันไม่ได้ โดยลืมนึกไปว่าที่จริงแขนนลินมันขาวเวอร์กว่าคนอื่นเขาอยู่แล้วเพราะผิวเนื้อส่วนนั้นถูกปิดด้วยแขนเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่มันมักสวมอยู่ตลอดเวลา ความจริงเขาก็แค่สีแทนมากหน่อยอย่างที่บอกจริงๆ ในทัศนคติหมอวิทยาเองเขาก็ไม่ได้ชื่นชอบผิวออกดำแต่อย่างใดเขามีความรู้สึกว่าขาวๆ สิถึงจะดูสะอาดแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกลัวแดดจนต้องทาครงทาครีมกันแดดป้องกันผิวเสียยามออกรอบตีกอล์ฟเป็นเพื่อนท่าน
“เกี่ยวที่ไหนดำคือดำผู้ชายไม่ดำก็ได้ แล้วไอ้ดำๆ แบบนี้เคยดูตัวเองตอนถอดเสื้อมั่งรึเปล่า เชอะ.. คนเปลี่ยนสีได้ก็มีแฮะ” นลินรีบตอกย้ำเมื่อจับสีหน้าหมอวิทยาได้ว่ากังวลใจเรื่องดำอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“ก็ต้องออกรอบบ่อยก็เลย..” หมอวิทยาเสียงอ่อยลงทันทีอย่างยอมจำนน
“งั้นต้องเพิ่มโลชั่นกันแดดอีกรายการสำหรับเวลาออกรอบของหมอ” นลินจดยิกๆ ลงในใบรายการของที่ต้องซื้อทันที “อ่ะ.. ของที่ต้องซื้อทั้งหมดทั้งของจุกจิกและของหลักที่จำเป็นต้องใช้”
หมอวิทยารับรายการของมาดูทันทีในกระดาษบันทึกเล็กๆ สองสามแผ่นบรรจุแน่นไว้ด้วยรายการของที่ต้องใช้ยาวเหยียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เห็นแล้วเหนื่อยใจ.. เลยเลือกกวาดตาดูเฉพาะของชิ้นใหญ่ก่อนส่วนของจุกจิกช่างมัน.. ฉันไม่แคร์ ซื้อก็ซื้อสิวะ!
“อะไรเนี่ย! เครื่องทำน้ำอุ่นมีแล้วไม่ใช่หรือ”
“นี่ใจคอหมอกะจะให้ลินซ์อาบน้ำเย็นๆ ส่วนหมออาบอุ๊นอุ่นน่ะนะ? โอเคไม่ซื้อก็ด้ายยยย แต่ลินซ์ไปอาบน้ำในห้องหมอนะเพราะมันมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดอยู่น่ะ” นลินเหล่ตามองทำสายตาประมาณ .. งก .. ส่งให้หมอวิทยาเพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจไปพร้อมๆ กัน
“โอเค.. ผ่านๆ อย่าได้เฉียดเข้ามาใกล้ห้องน้ำฉันเชียวแก”
“เหอะๆ ก็แค่เนี้ยะ”
นลินยิ้มกริ่มทันทีในใจนึกถึงความลับอย่างหนึ่งที่หมอไม่รู้.. นั่นคือแม้แต่ที่บ้านตัวเองยังไม่เคยได้อาบน้ำอุ่นเล๊ยยย เย็นเจี๊ยบตลอดแม้แต่หน้าหนาวก็เหอะเพราะแม่บอกว่าเกินความจำเป็น หุ หุ เสร็จโก๋ไปหนึ่งอย่าง นั่งมองหมอวิทยาไล่รายการดูไปเรื่อยๆ แม้จะเห็นว่าหมอทำท่าติดใจบางรายการบ้างก็ไม่กล้าหือกลัวสุดท้ายพูดไปพูดมาไอ้ลินซ์คนนี้จะขอเข้าไปเอี่ยวในห้องของหมอเอาได้อีก
“แอลอีดีทีวี 60 นิ้วเป็นอย่างต่ำ แกจะซื้อทำไมวะตรงหน้านั่นก็มีทีวีให้ดูอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ” หมอวิทยาบุ้ยใบ้ให้นลินมองตามไปที่ทีวีเครื่องเก่าที่วางอยู่ด้านหน้าจะว่าเก่ามันก็ไม่ได้เก่าอะไรนักหนาอายุการใช้งานแค่สามปีเท่านั้นเอง
“นั่นมันแอลซีดีของเก่าแล้วเปลี่ยนใหม่เหอะหมอราคาไม่กี่หมื่นเอ๊ง..” นลินโน้มน้าวสุดฤทธิ์เพราะอยากได้ทีวีรุ่นใหม่มาดูแทนของเก่า
“โอเค.. ฉันตัดรายเดือนเอาในตังค์แกก็ได้”
“เฮ้ย.. งั้นผ่านเหอะไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้อันนี้มันก็ยังดีๆ อยู่เนาะหมอเนาะ”
“แกเปลี่ยนสีเร็วกว่าฉันอีกไอ้ลิ้น” หมอวิทยาอมยิ้มเมื่อนลินส่ายหน้าดิกขอผ่านทีวีแอลอีดีที่มันเชียร์นักเชียร์หนาให้เขาเปลี่ยนใหม่เมื่อได้ยินชัดๆ ว่าต้องใช้เงินใครในการซื้อเข้าบ้าน
“เอ่อ.. ผ่านมันไปเหอะหมอมาขีดฆ่าก่อนเดี๋ยวเผลอซื้อจะแย่เอาได้” นลินรีบกุลีกุจอขีดฆ่ารายการทีวีออกทันที
“แล้วอะไรอีกล่ะเนี่ย.. เครื่องซักผ้าอัตโนมัติถังเดี่ยวฝาบน”
“หมอคงไม่คิดให้ผมซักมือหรอกนะ ใช่ป่ะ.. หรือจะให้ขนผ้าไปซักที่บ้านโน้นแต่ผมว่าซื้อเหอะหมอเล็กๆ ก็ได้ 7-8 กิโลก็มีราคาก็หมื่นต้นๆ เองครับหมอ.. ซื้อเหอะ”
“อืม.. ซื้อทั้งทีซื้อใหญ่ไปเลยก็ได้นี่จะได้ซักผ้านวมได้ด้วย”
“ไม่ต้องเลยหมอ ผ้านวมนานๆ ซักทีค่อยขนไปซักที่บ้านผมก็ได้ส่วนที่นี่ซื้อเล็กๆ ไปก่อนเสื้อผ้าหมอไม่กี่ชุดต่อสัปดาห์แยกซักเสื้อถังกางเกงถังจะได้ประหยัดไงซื้อใหญ่มาก็เปลืองน้ำเปลืองไฟเปล่าๆ ที่จริงนะในบรรดาเครื่องซักผ้าเครื่องอัตโนมือสองถังน่ะดีสุดแล้วสะอาดประหยัดน้ำประหยัดไฟเสียอย่างเดียวมันไม่ประหยัดเวลาเท่านั้นเองต้องคอยเฝ้ามันอยู่ตลอดไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้แต่เครื่องอัตโนมัติกดปุ่มเดียวรอมันร้องค่อยมาเอาไปตากสบายกว่ากันเยอะแต่เปลืองกว่าหน่อย เนี่ยยุคนี้มันดีกว่ายุคก่อนเยอะเลยนะหมอที่มันออกแบบมาให้ช่วยประหยัดได้มากขึ้นน่ะ แล้ว..”
นลินร่ายยาวอย่างลืมตัวเพิ่งมานึกได้ตอนเห็นหมอวิทยานั่งมองแบบอึ้งๆ ไม่คิดว่าไอ้เจ้านี่มันมีความคิดที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งได้ปานนี้เห็นท่าทางมันห่ามๆ เฮ้วๆ อย่างกับเด็กผู้ชายแต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับรู้เรื่องในบ้านดีไม่แพ้เด็กผู้หญิงเลย เขาเสียอีกที่ไม่เคยคิดในมุมที่มันพูดให้ฟัง
“โอเคซื้อ..” หมอวิทยารีบอนุมัติก่อนที่นลินจะทันพูดร่ายยาวแบบต่อเนื่องอีกนาน นลินเลยหยิบกระดาษมาร่ายยาวให้ฟังเสียเอง
“ต่อไปก็โต๊ะรีดผ้ากับเตารีดไอน้ำนะหมอยังไงก็ต้องมีแต่ถ้าหมอทนใส่เสื้อยับไปทำงานได้ผมก็โอเค” มันหยุดนิดหนึ่งเพื่อฟังความเห็นเจ้าของเงินเมื่อได้รับสัญญาณโอเคก็ร่ายยาวต่อทันที “เตาอบอีกตัว”
“หมายถึงไมโครเวฟน่ะหรือ”
“ม่ายยย” นลินส่ายหน้าไปมาอย่างปฏิเสธ “เตาอบครับ ไม่ใช่ไมโครเวฟเตาอบความร้อนน่ะมันอบเนื้ออบไก่อบได้สารพัดอุ่นอาหารก็ได้ทำแล้วออกมาอร่อยกว่าใช้ไมโครเวฟตั้งเยอะ ไมโครเวฟมันดีอยู่อย่างเดียวแหละตรงที่มันสะดวกรวดเร็ว แต่คุณค่าทางอาหารน่ะหายหมดแล้วใช้ไมโครเวฟก็ไม่ต่างอะไรกับกินซากอาหารที่ไม่มีคุณค่าเอาเลย”
“โอเคๆ เข้าใจแล้ว แล้วนี่อะไรวะไม้ถูพื้นแบบเหยียบปั่น”
“ก็ไม้ถูพื้นแบบใหม่หัวกลมๆ ใช้เท้าเหยียบปั่นแห้งไม่ต้องก้มลงบิดหมาดไงเล่า บอกไปหมอก็คงไม่เข้าใจหรอกเกิดมาเคยถูพื้นหรือเปล่าเหอะ”
“แล้วของเก่า?”
“ผมไม่ใช่แม่นะหมอ รายนั้นประหยัดทุกอย่างยอมเหนื่อยทนใช้อุปกรณ์ล้าสมัยอยู่ได้อีกอย่างผมมีเวลาน้อยอะไรที่ช่วยให้สะดวกขึ้นได้ประหยัดแรงได้ย่อมต้องซื้อหามาเป็นลูกมืออยู่แล้วอย่ามา..”
“เออๆ ซื้อๆ เข้าใจแล้ว” นลินยิ้มกริ่มที่หมอยอมซื้อให้อีกชิ้นหนึ่งแล้ว
“กรรไกรตัดกิ่งใหญ่ เสียมเล็ก พลั่วเล็ก บลาๆ ๆ”
หมอวิทยาทำตาปริบๆ สรุปว่าทุกรายการมันจำเป็นใช้ทุกอย่างมีเหตุผลสนับสนุนเสียทุกทีไปจนแทบตัดอะไรออกไม่ได้เลยยกเว้นไอ้ทีวีแอลอีดีเครื่องนั้นเครื่องเดียวที่สามารถเอามันออกจากรายการไปได้เสียหนึ่งอย่าง
“จะไปซื้อกันวันไหนดีหมอพรุ่งนี้เย็นเลยมะ ว่างเปล่า? หรือว่าวันนี้ดีรีบซื้อหน่อยอาจกลับบ้านก่อนห้างปิดทันแต่บอกก่อนนะอย่าซักมากถามมากให้ซื้อตามที่ผมชี้พอ” นลินรีบสำทับกำกับก่อนหมอวิทยาจะทันอ้าปากไม่ว่าตั้งใจจะอ้าปากถามหรืออ้าปากเถียงก็ตาม เลยทำให้หมอมีอันต้องหุบปากฉับลงไปเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรอีกเมื่อโดนดักเสียหมดทางไปแล้วแบบนี้
“แล้ว... ข้าวเย็นล่ะจะกินตอนไหน”
“กินขนมปังรองท้องไปก่อนกลับมาแล้วจะทำมื้อดึกให้กิน โอมั้ย?”
.. คิดถูกหรือเปล่าวะเนี่ยที่รับมันเข้าบ้านมา ไม่ลิงธรรมดาเสียแล้วมั้ง.. ไอ้นี่มันลิงดูดตังค์เห็นๆ ..
หมอวิทยาถอนหายใจเฮือกใหญ่สองตาจับจ้องมองหน้าระรื่นของนลินแต่ภายในใจกลับไม่รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจแต่อย่างใด เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอีกต่อไปแล้วสำหรับเขามีเงินมากมายเก็บไว้ก็ทำอะไรไม่ได้ เอาเงินที่ไม่สำคัญนั่นมาให้เด็กลิงนี่ถลุงดูมั่งก็ไม่เลวเลยมันยังช่วยทำให้พอมีเรื่องที่ต้องถกเถียงกันได้บ้าง ไม่เหงาเปล่าเปลี่ยวเหมือนที่เคยผ่านมาตลอดเวลาสามปีเต็มๆ การมีน้องชายสักคนมันก็ดีเหมือนกันนะ ถึงจะปวดหัวแต่เราก็ยังรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ต้องทนเดียวดายอยู่เพียงลำพัง
“เอาวะ.. ซื้อก็ซื้อ.. แต่วันหลังนะโว๊ยวันนี้ไม่ไปแล้ว รอวันหยุดจะได้ซื้อทีเดียวจบมีเวลาเลือกของด้วย”
“เยสสสส.. ฮ่าๆ หมอน่ารักจังงั้นเดี๋ยวผมไปตลาดก่อนหมออยากกินอะไรเป็นพิเศษออเดอร์มาเลยหมอ คึ คึ” นลินวิ่งกระดี๊กระด๊าออกไปเตรียมเปิดประตูรั้วบ้านทันที อารมณ์ดีสุดๆ ใครๆ มันก็ชอบช็อปปิ้งกันทั้งนั้นแหละไม่ว่าจะหญิงหรือชายโดยเฉพาะช็อปด้วยเงินคนอื่นนี่.. สุดโปรด โฮ่ โฮ่ (พลาดทีวีไปเครื่องเดียวเอ๊งงงง)
“ไปตลาด? ที่ไหน”
“ก็ตลาดเจริญสุขไงครับปกติผมจะแวะซื้อก่อนกลับบ้านเพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้วแต่วันนี้รีบเพราะนัดกับหมอไว้เลยตั้งใจจะออกไปใหม่อีกรอบ”
“เฮ้ยนั่นมันไกลโขเลยนะ”
“แป๊บเดียวเดี๋ยวมานะหมอยังไม่หิวใช่ป่ะ?”
.. ไอ้หิวน่ะยังไม่หิวหรอก แต่ไอ้ห่วงนี่สิมากเลยจะปล่อยให้ไปได้ไงวะ.. มอเตอร์ไซค์ ..
“เดี๋ยวฉันไปด้วย”
“ไปด้วย!” นลินหันขวับกลับมามองหมอวิทยา “จะไปทำไม รออยู่บ้านนี่แหละดีแล้ว” นลินเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเข้าใจเมื่อเห็นสายตาหมอวิทยาออกไปทางโกรธๆ “อ๊ะ.. ไปก็ไปเดี๋ยวแวะเอาหมวกอีกใบที่บ้านก่อนแล้วกันเนาะ.. เกาะดีๆ ล่ะผมจะพยายามไม่ซิ่งแล้วกัน” พูดเสร็จก็เดินผ่านหน้าหมอไปทางรถมอเตอร์ไซค์แต่ต้องเบรคพรืดเมื่อหมอดึงหลังคอเสื้อเอาไว้อย่างกะทันหันทำเอาคอเสื้อเกือบรัดคอตาย
“แค่กๆ ดึงทามม๊ายย”
“ก็ใครบอกแกว่าจะไปกับมอเตอร์ไซค์น่ะ”
“อ้าว หรือว่าจะไปกับ.. ” นลินรีบทำมือทำไม้เป็นเชิงถามบุ้ยใบ้ไปทางเก๋งคันงามและรีบยิ้มแก้มแทบปริเมื่อหมอวิทยาพยักหน้าตอบรับ “หมอ! ขอผมขับได้ป่ะ?”
“หือ? ขับเป็น?”
“เป็นดิ.. ลันเคยสอนให้แล้ว.. พาผมไปสอบใบขับขี่แล้วด้วยแต่ยังขับได้ไม่แข็งหรอกครับ” นลินส่งสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์สุดเดชอยากขับรถเก๋งของหมอจนตัวสั่น
“แล้วฉันควรเสี่ยงกับแกป่ะ?” หมอวิทยาลอยหน้าลอยตาถามสำเนียงเดียวกับที่นลินชอบใช้ทำให้ลิงตัวดูดหน้าหงอยไปทันตาเห็น “อ๊ะ.. ลองเสี่ยงก็ได้แต่ถ้าแกไม่เอาอ่าวจริงๆ ฉันจะทวงคืนนะโว๊ย” หมอวิทยาทำทีเป็นเปลี่ยนใจทั้งที่ความจริงในใจนั้นอนุญาตอยู่แล้วเพราะเชื่อว่าคนที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ต้องมีทักษะในเรื่องการตัดสินใจบนท้องถนนได้ในระดับหนึ่งที่เหลือก็คือทักษะในการฝึกหัดควบคุมรถให้ชำนาญเท่านั้นเอง
“เยสสสส สุดยอดเลยหมออ่ะ” นลินกระโดดตัวลอยอย่างดีใจสุดๆ ที่ได้รับสิทธิ์ในการขับรถอย่างที่มันเฝ้าหวังทำให้หมอวิทยาเปิดยิ้มกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลืมไปเลยว่าสามปีที่ผ่านวันนี้คือวันเขาเปิดยิ้มนับจำนวนครั้งแล้วมากกว่าวันไหนๆ ในสามปีเสียอีก