มีคนมาแชร์ประสบการณ์การไปสอบใบขับขี่มาก็มาก
แต่ไฉนน้อ ไม่มีใครมาแชร์ประสบการณ์คนพิการไปสอบใบขับขี่บ้าง
จริงๆจะว่าพิการก็ไม่ถูกนัก เพราะเราไม่ใช่คนพิการตามกฏหมาย เดี๋ยวจะขยายความให้ทีหลังนะจ๊ะ
เริ่มจากวิธีการเตรียมเอกสารก่อนเลย
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็เดินเข้าคลีนิค ว้าบบบบ 5 นาทีต่อมา + 50 บาท ก็จะได้ใบรับรองแพทย์มาครอง
แต่สำหรับสาวตาเดียวเช่นเรา มันไม่ง่ายขนาดนั้น!!!!
ก่อนอื่นเลย ไปคลีนิคไมได้นะจ๊ะ ต้องไปโรงพยาบาล ที่มีเครื่องตรวจวัดลานสายตาพื้นขาวทดสอบขนาด 3 มม.เท่านั้น
หน้าตาเครื่องเป็นแบบนี้

วิธีทดสอบคือ จะมีจุดสีขาวสว่างวาบ ณ อาณาบริเวณต่างๆของเครื่อง โดยที่เราจะต้องจ้องไปที่จุดสีเหลืองกลางจอเท่านั้น ห้ามกลอกตาไปมองหา เพราะเครื่องจะฟ้องถ้าเราหลุดโฟกัสที่จุดเหลือง พอเราเห็นจุด ก็กดปุ่มที่เค้ายัดใส่มือเราไว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 120 จุด
พอทดสอบเสร็จ ก็จะได้ใบผลออกมา ว่าเราเห็นจุดไหนบ้าง เห็นทั้งหมดกี่จุด ไม่เห็นกี่จุด ถ้ากดมั่ว เครื่องก็ฟ้องอีก เพราะงั้น เดาไม่ได้นะจ๊า
สำหรับเรา ผลออกมา เห็น 120/120 ค่ะ
หลายๆคนเข้าใจผิด คิดว่าคนที่ตาบอดหนึ่งข้าง ความสามารถในการมองเห็นจะลดลงมาก
ผิดดดดด นะจ๊ะ
ดวงตาปกติ จะสามารถกวาดได้ ประมาณ 190 ถึง -10 องศา
แต่ถ้ามีตาข้างเดียว ก็จะกวาดได้ประมาณ 190 ถึง 10 องศา
ซึ่งต่างกันแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้หายไปครึ่งนึงอย่างที่หลายๆคนเข้าใจนะคะ
ส่วนเรื่องการกะระยะ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวจะไปกล่าวถึงข้างล่างนะคะ
หลังจากนั้นตรวจเสร็จ ได้ผลมาแล้ว หมอก็จะให้ใบรับรองแพทย์มาว่า "ไม่เป็นผู้พิการตามกฏหมาย"
ตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถตามกฏหมายว่าด้วยรถยนตร์ สำหรับคนพิการ พ.ศ.2541 กำหนดให้บุคคลที่มีสายตาพิการหรือบอดหนึ่งข้าง ต้องมีใบรับรองแพทย์จากจักษุแพทย์เพื่อยืนยันว่า สายตาข้างที่ไม่พิการหรือบอด มีความกว้างของลานสายตาอย่างน้อย 120 องศาแนวนอน และอย่างน้อย 20 องศาแนวตั้ง โดยใช้วัสดุในการทดสอบสีขาวขนาด 3 มิลลิเมตร ที่ระยะห่าง 0.33 เมตร
และตาข้างที่ไม่พิการหรือบอด มีลักษณะที่ไม่น่าจะเสื่อมสมรรถภาพในการมองเห็นลงอีกต่อไป มาแสดงยืนยันและแนบประกอบคำขอรับใบอนุญาตขับรถด้วย
สายตาสั้นไม่เกี่ยวนะจ๊า เราสายตาสั้น 700 ก็ไม่มีปัญหาชะเอิงเอย~
พอได้มาแล้ว ก็เตรียมตัวไปสอบกันได้เลยยยยย
สอบข้อเขียน
ต้องโทรจองคิวล่วงหน้านะคะ!!!! เราโทรจองวันที่ 15 กันยา ได้สอบ 16 ตุลา!!! คิวยาวกว่าที่คิด เดี๋ยวนี้เค้าไม่รับหน้างานนะคะ ต้องโทรจองเท่านั้น
สิ่งที่ต้องเตรียมไป
1. บัตรประชาชนตัวจริง
2. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมกำกับสำเนาถูกต้อง
3. ใบรับรองแพทย์
4.
ใบวัดผลลานสายตา เจ้าใบที่เป็นจุดๆนั่นแหละจ้า
พอไปถึง เราก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่นะคะ เตรียมเอกสารไปให้พร้อม อย่าขาด เพราะป้าแกจะอารมณ์บูดมาก (จากที่บูดอยู่แล้ว)
ถ้าเอกสารพร้อม รอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อม ป้าแกจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เรา : มาสอบข้อเขียนใบขับขี่ค่ะ
ป้า : ไหนเอกสาร
เรา : *ยื่น* เอ่อ เห็นอ่านมา หนูตาบอดข้างนึง ต้องปรึกษาเจ้าหน้าที่อะไรก่อนมั้ยคะ หนูไปตรวจลานสายตาที่โรงพยาบาลมาแล้ว
ป้า : อ้าวหรอ ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย ไหน มีผลที่เป็นใบจุดๆมามั้ยจ๊ะ (แหม พอรู้ว่าพิการหน่อยล่ะพูดดีขึ้นมาเชียว)
เรา : มีค่ะๆ
ป้า : เตรียมพร้อมดีมาก จองคิวทางโทรศัพท์มาแล้วใช่มั้ย อ่ะ งั้นไปยื่นช่องนู้นเลยนะ
เรา : ขอบคุณมากค่ะพี่ *ยกมือไหว้ รอยยิ้มพิมพ์ใจ 1 ที*
หลังจากนั้น ก็ไปยื่นที่ช่องตรวจสมรรถภาพ
ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราลุ้นมาค่ะ เพราะเค้าจะทดสอบ 3 อย่างด้วยกัน
1. ตรวจความกว้างลานสายตา - ให้เอาจมูกไปชิดแท่น แล้วจะมีไฟวาบขึ้นมาที่ข้างตาทั้ง 2 ข้าง ให้เราตอบว่าสีอะไร
ตรงนี้คนเข้าใจผิดกันเยอะ ว่ามันจะขึ้นมาตรงริมตา คือตรง 0 กับ 180 องศา แต่จริงๆแล้ว มันจะขึ้นมาบริเวณ 60 กับ 120 องศานะคะ
แต่พอเรายื่นเอกสารไปปั๊บ มาอีกแล้ว คะแนนสงสารคนพิการ (จริงๆมองเห็นนะยะ!)
ป้า : อ้าว ตาบอดข้างนึงหรอ
เรา : ค่ะ *ทำหน้าหมาหงอย*
ป้า : อ้าว งี้ข้างขวาก็มองไม่เห็นสิ งั้นทดสอบข้างซ้ายข้างเดียวพอ (เห็นมะ เข้าใจผิดกันอีกแล้ว จริงๆเห็นนะป้า แต่ถ้าป้าจะทำให้เรื่องง่ายสำหรับหนู หนูก็ไม่ขัดจ้า)
ก็ผ่านไปตามระเบียบ มันจะไม่ผ่านได้ยังไงกันเล่า!!!! ก็อย่างที่บอก จริงๆมันมองเห็นนะ
พอผ่านเสร็จ ระหว่างรอป้าแกขีดๆใบ ก็ถามว่า
เรา : พี่คะ (เรียกทุกคนว่าพี่ จำไว้) ไปนั่งรอที่เก้าอี้รอสอบอันต่อไปเลยใช่มั้ยคะ
ป้า : ไหนๆ โอ๊ย ไม่ต้องหรอก สอบไม่ได้ เห็นข้างเดียวแล้วจะทดสอบเชิงลึกได้ยังไง เดี๋ยวไปยื่นช่อง 17 เลย ไปสอบข้อเขียน
แล้วป้าแกก็ขีดๆผ่านหมด ขีดทดสอบเหยียบเบรกให้ผ่านไปด้วย ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตาจะบอดไม่บอดเลยนะเนี่ย -*-
โอเค ตรงนี้คนเข้าใจผิดกันอีกแล้วค่ะ
ว่าถ้าตาบอดข้างนึง จะกะระยะไม่ได้ กะความลึกไม่ได้ ทำให้ชนบ่อย
ถูกครึ่ง ผิดครึ่งนะคะ
จริงอยู่ ว่ากะระยะไม่ได้ ถ้าเรามองวัตถุ 2 ชิ้น บนพื้นดำมืดสนิทค่ะ! (ซึ่งถ้าสอบเลื่อนเสา ก็คงจะตกอย่างป้าแกว่า เพราะเป็นเสาสีขาว บนพื้นดำสนิท)
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในชีวิตจริง เรามีจุดอ้างอิงมากมายค่ะ ถนน รถ ตึก ราม บ้าน ช่อง คน ถังขยะ ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
เพราะฉะนั้น เรามองรู้อยู่แล้วค่ะ ว่าอะไรอยู่หน้าสิ่งไหน ไม่เชื่อคุณลองหลับตาข้างนึงเดินสิคะ ไม่มีใครถึงเสาแล้วไม่หยุดเดินหรอกค่ะ -*- แหม
เพราะฉะนั้น เวลาชน อย่าอ้างกะระยะค่ะ ประมาทล้วนๆ
ตั้งแต่เกิดจนโต ก็ยังไม่เคยเดินชนอะไร ขับชนอะไร วิ่งไปทับอะไร เพราะกะระยะไม่ถูกซักทีค่ะ
เวลาคุณวาดรูป 2D ก็สามารถมองรู้ค่ะ ว่าอะไรอยู่หน้า อะไรอยู่หลัง อะไรใกล้จะถึง มันรู้ได้ค่ะ ไม่ใช่ไม่รู้ แหมมมมมม
2. ทดสอบเลื่อนเสา
3. ทดสอบเหยียบเบรก
อันนี้ลองไปหาอ่านดูคนปกติสอบนะคะ มีเยอะแยะแล้ว ส่วนเรา อันนี้ขอผ่าน เพราะป้าแกติ๊กถูกไปเฉย ยังไม่ทันจะสอบเลยยยย
พอเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอบรมค่ะ
อบรม 4 ชั่วโมง
อืมมมมมมมม อย่าเรียกว่าอบรม 4 ชั่วโมงค่ะ เพราะมีเนื้อหาจริงๆ ก็ 2 ชั่วโมงเท่าเดิมนั่นแหละ!!! อีก 2 ชั่วโมงที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่มาปล่อยมุขมากกว่า -*- แต่ก็ดีค่ะ ไม่หลับ
ตั้งใจฟังนะคะ ถ้าตั้งใจฟัง ผ่านแน่นอนค่ะ ถึงเค้าจะพูดไม่หมดทุกข้อ แต่ที่เค้าพูด รับรองว่ามากพอที่จะให้ผ่านค่ะ
สอบข้อเขียน
ฟันไป 30/30 เพราะหาอ่านมาก่อนด้วย และฟังในห้องด้วย มีข้อที่ไม่ได้พูด แต่ก็เดาไม่ยากค่ะ เพราะข้ออื่นมันไม่ใช่อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีคนตกด้วย
เค้าจะให้โอกาสสอบ 2 รอบค่ะ ถ้ารอบแรกตก ก็ต้องไปนั่งรอ เค้าจะให้สอบใหม่
แต่ถ้าตก 2 รอบ ก็กลับบ้าน ไปเตรียมเอกสารมาใหม่ได้เลยค่ะ
พอผ่านอะไรเรียบร้อย เค้าก็จะให้ใบนัดมาสอบปฏิบัติค่ะ สำหรับเราคือวันนี้ 22 ต.ค. สดๆร้อนๆทีเดียว!
สอบปฏิบัติ
มาตั้งแต่ 6 โมงเช้าค่ะ เปิดรับบัตรคิว 7.30 มาถึงก็เดินเตร็ดเตร่ มีคนมาแล้ว 2 คน ก็ไปนู่นไปนี่ ยังไม่มีแถวค่ะ
พอ 6.30 ก็เห็นมากัน 30 คนได้ มากันเร็วมากค่ะ ก็ยังนั่งกระจัดกระจายอยู่
7.00 อยู่ดีๆ คนก็กรูกันไปต่อแถวหน้าห้องแจกบัตร
เราก็ หืออออออออออออ เจ้าหน้าที่มาแล้วหรอ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เบียดเสียดยัดตัวเองเข้าไป ชั้นมาตั้งแต่ 6 โมงนะยะ!!!!
แต่ก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่มา จนนู่นนนนนนน 8 โมง!!! ป้าคนที่ทดสอบสมรรถภาพ แกก็มาแจกบัตรคิว
คิวที่ 9 นั่น เลขสวยซะด้วย ล็อตแรกเลย ตื่นเต้นที่สุด
สอบปฏิบัติมี 3 ด่านด้วยกัน
1. เดินหน้า ถอยหลัง
ท่านี้เป็นท่าง่ายๆ ที่คนตกเยอะเหมือนกัน แนะนำให้เอารถเล็กๆไปสอบนะคะ จะได้เปรียบมาก ใครอย่าไปมั่นเอาแอคคอร์ดไป ก็ลำบากนะ
คนก่อนหน้าเรามั่นใจมาก เดินปรี๊ด ถอยปรู๊ด ตกปร๊าดดดดดดดดด ชนเสา
ไม่ต้องรีบนะจ๊ะ ไปด้วยความเร็ว 0.1 กม./ชม.ได้ยิ่งดี เค้าไม่ให้คะแนนเพิ่มนะจ๊ะถ้าเสร็จเร็ว
เราก็เข้าไปเนิบๆ พอเข้าไปจนใกล้ๆจะสุดเสาแล้ว ก็ยกมือค้างไว้
จนท. : เอ้า เบอร์ 9 ถอยหลังมาจอดริมรั้วเลยฮ้าฟฟฟ
เราก็ค่อยๆถอย ถอยง่ายมากค่ะ เพราะสนามสอบพื้นเรียบอยู่แล้ว แทบไม่ต้องบังคับพวงมาลัย ออกมาตรงๆเลย
ทีนี้ก็รอ เพราะระหว่างนั้น บางคนที่เค้าตก มาสอบใหม่รอบเดียว เค้าก็ไปสอบท่าอื่นๆ ก็ต้องต่อคิวค่ะ
2. เข้าซอง 7 เกียร์
มันคืออะไร ก็คือ แวะจอดกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางอ่ะค่ะ มีรถข้างหน้า มีรถข้างหลัง มีช่องเว้นไว้ให้เราจอด ตามนั้น
ระหว่างรอ ก็ดูคันที่เค้าสอบอยู่ นางอินดี้มากไปมั้ย เอาหัวโหม่งเข้าก่อนเลย ผิดนะจ๊ะ มันคงผ่านหรอก!!!
นางยึกยักอยู่ 20 เกียร์ จนท.ก็บอกให้ลงจากรถมาดู ไม่เข้าเลย เข้าไปครึ่งคันเท่านั้น -*-
พอถึงตาเรา เอ้า ตามที่เรียนมา
1. ถอยหลัง จนเห็นเสาร์เบอร์ 3 อยู่ในกระจกสามเหลี่ยม

2. พอเห็นเสาเบอร์สามแล้ว หักพวกมาลัยไปซ้ายสุด แล้วปล่อยเบรกเบาๆ มองกระจกขวาไว้ จนเห็นเสาเบอร์ 4 ที่กระจกขวา
3. พอเห็นเสาเบอร์ 4 แล้ว คืนพวกมาลัย (หมุนขวารอบครึ่ง) ปรับกระจกขวาลงให้เห็นพื้น แล้วถอยตรง จนล้อหลัง เกือบเหยียบเส้นดำ แต่อย่าเหยียบนะ!!
4. เสร็จแล้ว หมุนพวงมาลัยไปขวาสุด คอยดูกระจกขวาไว้ ว่าล้อมันวกเข้าช่องมั้ย ถ้าวกเข้าช่อง ให้ถอยไปเรื่อยๆ จนรถตรง แล้วคืนพวกมาลัย
ถ้าล้อมันยังไม่วกเข้าช่อง หมายความว่า เมื่อกี๊เราถอยตรงไปชิดเส้นดำไม่มากพอ ทางแก้ที่ง่ายที่สุด คือเลี้ยวออกไปตั้งลำใหม่ เริ่มตั้งแต่ข้อ 1 ใหม่เลย เพราะจะเดินหน้าไกล เดินหน้าใกล้ นับเป็น 1 เกียร์เท่ากัน
แต่ถ้าทำถูกวิธี เกียร์เดียว ก็ผ่านจ้าาา
พอเราแน่ใจว่ารถอยู่ในกรอบแล้ว ก็ยกมือ
จนท. : เอ้า เบอร์9 ไปจอดเทียบได้ฮ้าฟฟฟฟฟ
(แปลว่าผ่าน ถ้าไม่ผ่านเค้าจะบอกว่า นี่เธอ จอดอะไร ลงมาดูซิ)
3. เทียบฟุตบาท 25 ซม.
จากท่า 7 เกียร์ เวลาออก ให้เราตีออกขวาให้มากที่สุด จะได้มีเลี้ยวซ้ายไปเทียบง่ายๆ
ตอนฝึกที่บ้าน ให้ลองขับชิดฟุตบาทดู แล้วดูว่า ตาเรา ขนานกับฟุตบาท ณ จุดนี้ เอากระดาษปักไว้ นึกไม่ออก ดูรุปจ้าาา กระดาษสีชมพู คือกระดาษที่ปักไว้ เพื่อดูระยะว่า ถ้าเรามองผ่านกระดาษสีชมพูนี่ กระดาษสีชมพูต้องอยู่ตรงฟุตบาทพอดี แล้วล้อจะไม่เกิน 25 ซม.
ส่วนจอดหยุดที่เสา ก็เหมือนเดิมจ้า ไปจอดเทียบเสาซักเสา พอดูว่าหน้ารถอยู่ตรงเสาแล้ว เอากระดาษปักไว้เลย ตรงที่ตาเรามองขนานเสา
นึกไม่ออก ดูรูปจ้าาาา กันชนหน้า ต้องอยู่ระหว่างเส้นแดง และเส้นขาว (ก็คือกันชนหน้าพอดีเสาจ้า) พอได้ตำแหน่งที่แน่นอนแล้ว มานั่งในรถ ดูสายตาเราให้ขนาดเสา แล้วเอากระดาษปักไว้เลย ในรูปคือกระดาษน้ำเงิน อิอิ โกง!!!!!!

ทำตามนี้ ไม่มีพลาด 555555
เท่านี้ เราก็จะผ่านครบ 3 กระบวนท่า
ขึ้นไปทำใบขับขี่ เสียตัง 205 บาท ก็ได้ใบขับขี่มาครอบครองเลยจ้า รอบเดียว ผ่านฉลุยยยยยยยย
ps. มีคนถามกันมาเยอะ ตาข้างขวาเป็นตาเทียมค่ะ ไม่มีตาจริงนะคะ ^^
ประสบการณ์สาวตาเดียว ไปสอบใบขับขี่!
แต่ไฉนน้อ ไม่มีใครมาแชร์ประสบการณ์คนพิการไปสอบใบขับขี่บ้าง
จริงๆจะว่าพิการก็ไม่ถูกนัก เพราะเราไม่ใช่คนพิการตามกฏหมาย เดี๋ยวจะขยายความให้ทีหลังนะจ๊ะ
เริ่มจากวิธีการเตรียมเอกสารก่อนเลย
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็เดินเข้าคลีนิค ว้าบบบบ 5 นาทีต่อมา + 50 บาท ก็จะได้ใบรับรองแพทย์มาครอง
แต่สำหรับสาวตาเดียวเช่นเรา มันไม่ง่ายขนาดนั้น!!!!
ก่อนอื่นเลย ไปคลีนิคไมได้นะจ๊ะ ต้องไปโรงพยาบาล ที่มีเครื่องตรวจวัดลานสายตาพื้นขาวทดสอบขนาด 3 มม.เท่านั้น
หน้าตาเครื่องเป็นแบบนี้
วิธีทดสอบคือ จะมีจุดสีขาวสว่างวาบ ณ อาณาบริเวณต่างๆของเครื่อง โดยที่เราจะต้องจ้องไปที่จุดสีเหลืองกลางจอเท่านั้น ห้ามกลอกตาไปมองหา เพราะเครื่องจะฟ้องถ้าเราหลุดโฟกัสที่จุดเหลือง พอเราเห็นจุด ก็กดปุ่มที่เค้ายัดใส่มือเราไว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 120 จุด
พอทดสอบเสร็จ ก็จะได้ใบผลออกมา ว่าเราเห็นจุดไหนบ้าง เห็นทั้งหมดกี่จุด ไม่เห็นกี่จุด ถ้ากดมั่ว เครื่องก็ฟ้องอีก เพราะงั้น เดาไม่ได้นะจ๊า
สำหรับเรา ผลออกมา เห็น 120/120 ค่ะ
หลายๆคนเข้าใจผิด คิดว่าคนที่ตาบอดหนึ่งข้าง ความสามารถในการมองเห็นจะลดลงมาก
ผิดดดดด นะจ๊ะ
ดวงตาปกติ จะสามารถกวาดได้ ประมาณ 190 ถึง -10 องศา
แต่ถ้ามีตาข้างเดียว ก็จะกวาดได้ประมาณ 190 ถึง 10 องศา
ซึ่งต่างกันแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้หายไปครึ่งนึงอย่างที่หลายๆคนเข้าใจนะคะ
ส่วนเรื่องการกะระยะ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวจะไปกล่าวถึงข้างล่างนะคะ
หลังจากนั้นตรวจเสร็จ ได้ผลมาแล้ว หมอก็จะให้ใบรับรองแพทย์มาว่า "ไม่เป็นผู้พิการตามกฏหมาย"
ตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถตามกฏหมายว่าด้วยรถยนตร์ สำหรับคนพิการ พ.ศ.2541 กำหนดให้บุคคลที่มีสายตาพิการหรือบอดหนึ่งข้าง ต้องมีใบรับรองแพทย์จากจักษุแพทย์เพื่อยืนยันว่า สายตาข้างที่ไม่พิการหรือบอด มีความกว้างของลานสายตาอย่างน้อย 120 องศาแนวนอน และอย่างน้อย 20 องศาแนวตั้ง โดยใช้วัสดุในการทดสอบสีขาวขนาด 3 มิลลิเมตร ที่ระยะห่าง 0.33 เมตร และตาข้างที่ไม่พิการหรือบอด มีลักษณะที่ไม่น่าจะเสื่อมสมรรถภาพในการมองเห็นลงอีกต่อไป มาแสดงยืนยันและแนบประกอบคำขอรับใบอนุญาตขับรถด้วย
สายตาสั้นไม่เกี่ยวนะจ๊า เราสายตาสั้น 700 ก็ไม่มีปัญหาชะเอิงเอย~
พอได้มาแล้ว ก็เตรียมตัวไปสอบกันได้เลยยยยย
สอบข้อเขียน
ต้องโทรจองคิวล่วงหน้านะคะ!!!! เราโทรจองวันที่ 15 กันยา ได้สอบ 16 ตุลา!!! คิวยาวกว่าที่คิด เดี๋ยวนี้เค้าไม่รับหน้างานนะคะ ต้องโทรจองเท่านั้น
สิ่งที่ต้องเตรียมไป
1. บัตรประชาชนตัวจริง
2. สำเนาบัตรประชาชน พร้อมกำกับสำเนาถูกต้อง
3. ใบรับรองแพทย์
4. ใบวัดผลลานสายตา เจ้าใบที่เป็นจุดๆนั่นแหละจ้า
พอไปถึง เราก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่นะคะ เตรียมเอกสารไปให้พร้อม อย่าขาด เพราะป้าแกจะอารมณ์บูดมาก (จากที่บูดอยู่แล้ว)
ถ้าเอกสารพร้อม รอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อม ป้าแกจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เรา : มาสอบข้อเขียนใบขับขี่ค่ะ
ป้า : ไหนเอกสาร
เรา : *ยื่น* เอ่อ เห็นอ่านมา หนูตาบอดข้างนึง ต้องปรึกษาเจ้าหน้าที่อะไรก่อนมั้ยคะ หนูไปตรวจลานสายตาที่โรงพยาบาลมาแล้ว
ป้า : อ้าวหรอ ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย ไหน มีผลที่เป็นใบจุดๆมามั้ยจ๊ะ (แหม พอรู้ว่าพิการหน่อยล่ะพูดดีขึ้นมาเชียว)
เรา : มีค่ะๆ
ป้า : เตรียมพร้อมดีมาก จองคิวทางโทรศัพท์มาแล้วใช่มั้ย อ่ะ งั้นไปยื่นช่องนู้นเลยนะ
เรา : ขอบคุณมากค่ะพี่ *ยกมือไหว้ รอยยิ้มพิมพ์ใจ 1 ที*
หลังจากนั้น ก็ไปยื่นที่ช่องตรวจสมรรถภาพ
ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราลุ้นมาค่ะ เพราะเค้าจะทดสอบ 3 อย่างด้วยกัน
1. ตรวจความกว้างลานสายตา - ให้เอาจมูกไปชิดแท่น แล้วจะมีไฟวาบขึ้นมาที่ข้างตาทั้ง 2 ข้าง ให้เราตอบว่าสีอะไร
ตรงนี้คนเข้าใจผิดกันเยอะ ว่ามันจะขึ้นมาตรงริมตา คือตรง 0 กับ 180 องศา แต่จริงๆแล้ว มันจะขึ้นมาบริเวณ 60 กับ 120 องศานะคะ
แต่พอเรายื่นเอกสารไปปั๊บ มาอีกแล้ว คะแนนสงสารคนพิการ (จริงๆมองเห็นนะยะ!)
ป้า : อ้าว ตาบอดข้างนึงหรอ
เรา : ค่ะ *ทำหน้าหมาหงอย*
ป้า : อ้าว งี้ข้างขวาก็มองไม่เห็นสิ งั้นทดสอบข้างซ้ายข้างเดียวพอ (เห็นมะ เข้าใจผิดกันอีกแล้ว จริงๆเห็นนะป้า แต่ถ้าป้าจะทำให้เรื่องง่ายสำหรับหนู หนูก็ไม่ขัดจ้า)
ก็ผ่านไปตามระเบียบ มันจะไม่ผ่านได้ยังไงกันเล่า!!!! ก็อย่างที่บอก จริงๆมันมองเห็นนะ
พอผ่านเสร็จ ระหว่างรอป้าแกขีดๆใบ ก็ถามว่า
เรา : พี่คะ (เรียกทุกคนว่าพี่ จำไว้) ไปนั่งรอที่เก้าอี้รอสอบอันต่อไปเลยใช่มั้ยคะ
ป้า : ไหนๆ โอ๊ย ไม่ต้องหรอก สอบไม่ได้ เห็นข้างเดียวแล้วจะทดสอบเชิงลึกได้ยังไง เดี๋ยวไปยื่นช่อง 17 เลย ไปสอบข้อเขียน
แล้วป้าแกก็ขีดๆผ่านหมด ขีดทดสอบเหยียบเบรกให้ผ่านไปด้วย ทั้งๆที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตาจะบอดไม่บอดเลยนะเนี่ย -*-
โอเค ตรงนี้คนเข้าใจผิดกันอีกแล้วค่ะ
ว่าถ้าตาบอดข้างนึง จะกะระยะไม่ได้ กะความลึกไม่ได้ ทำให้ชนบ่อย
ถูกครึ่ง ผิดครึ่งนะคะ
จริงอยู่ ว่ากะระยะไม่ได้ ถ้าเรามองวัตถุ 2 ชิ้น บนพื้นดำมืดสนิทค่ะ! (ซึ่งถ้าสอบเลื่อนเสา ก็คงจะตกอย่างป้าแกว่า เพราะเป็นเสาสีขาว บนพื้นดำสนิท)
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในชีวิตจริง เรามีจุดอ้างอิงมากมายค่ะ ถนน รถ ตึก ราม บ้าน ช่อง คน ถังขยะ ต้นไม้ ใบหญ้า ฯลฯ
เพราะฉะนั้น เรามองรู้อยู่แล้วค่ะ ว่าอะไรอยู่หน้าสิ่งไหน ไม่เชื่อคุณลองหลับตาข้างนึงเดินสิคะ ไม่มีใครถึงเสาแล้วไม่หยุดเดินหรอกค่ะ -*- แหม
เพราะฉะนั้น เวลาชน อย่าอ้างกะระยะค่ะ ประมาทล้วนๆ
ตั้งแต่เกิดจนโต ก็ยังไม่เคยเดินชนอะไร ขับชนอะไร วิ่งไปทับอะไร เพราะกะระยะไม่ถูกซักทีค่ะ
เวลาคุณวาดรูป 2D ก็สามารถมองรู้ค่ะ ว่าอะไรอยู่หน้า อะไรอยู่หลัง อะไรใกล้จะถึง มันรู้ได้ค่ะ ไม่ใช่ไม่รู้ แหมมมมมม
2. ทดสอบเลื่อนเสา
3. ทดสอบเหยียบเบรก
อันนี้ลองไปหาอ่านดูคนปกติสอบนะคะ มีเยอะแยะแล้ว ส่วนเรา อันนี้ขอผ่าน เพราะป้าแกติ๊กถูกไปเฉย ยังไม่ทันจะสอบเลยยยย
พอเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอบรมค่ะ
อบรม 4 ชั่วโมง
อืมมมมมมมม อย่าเรียกว่าอบรม 4 ชั่วโมงค่ะ เพราะมีเนื้อหาจริงๆ ก็ 2 ชั่วโมงเท่าเดิมนั่นแหละ!!! อีก 2 ชั่วโมงที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่มาปล่อยมุขมากกว่า -*- แต่ก็ดีค่ะ ไม่หลับ
ตั้งใจฟังนะคะ ถ้าตั้งใจฟัง ผ่านแน่นอนค่ะ ถึงเค้าจะพูดไม่หมดทุกข้อ แต่ที่เค้าพูด รับรองว่ามากพอที่จะให้ผ่านค่ะ
สอบข้อเขียน
ฟันไป 30/30 เพราะหาอ่านมาก่อนด้วย และฟังในห้องด้วย มีข้อที่ไม่ได้พูด แต่ก็เดาไม่ยากค่ะ เพราะข้ออื่นมันไม่ใช่อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีคนตกด้วย
เค้าจะให้โอกาสสอบ 2 รอบค่ะ ถ้ารอบแรกตก ก็ต้องไปนั่งรอ เค้าจะให้สอบใหม่
แต่ถ้าตก 2 รอบ ก็กลับบ้าน ไปเตรียมเอกสารมาใหม่ได้เลยค่ะ
พอผ่านอะไรเรียบร้อย เค้าก็จะให้ใบนัดมาสอบปฏิบัติค่ะ สำหรับเราคือวันนี้ 22 ต.ค. สดๆร้อนๆทีเดียว!
สอบปฏิบัติ
มาตั้งแต่ 6 โมงเช้าค่ะ เปิดรับบัตรคิว 7.30 มาถึงก็เดินเตร็ดเตร่ มีคนมาแล้ว 2 คน ก็ไปนู่นไปนี่ ยังไม่มีแถวค่ะ
พอ 6.30 ก็เห็นมากัน 30 คนได้ มากันเร็วมากค่ะ ก็ยังนั่งกระจัดกระจายอยู่
7.00 อยู่ดีๆ คนก็กรูกันไปต่อแถวหน้าห้องแจกบัตร
เราก็ หืออออออออออออ เจ้าหน้าที่มาแล้วหรอ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เบียดเสียดยัดตัวเองเข้าไป ชั้นมาตั้งแต่ 6 โมงนะยะ!!!!
แต่ก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่มา จนนู่นนนนนนน 8 โมง!!! ป้าคนที่ทดสอบสมรรถภาพ แกก็มาแจกบัตรคิว
คิวที่ 9 นั่น เลขสวยซะด้วย ล็อตแรกเลย ตื่นเต้นที่สุด
สอบปฏิบัติมี 3 ด่านด้วยกัน
1. เดินหน้า ถอยหลัง
ท่านี้เป็นท่าง่ายๆ ที่คนตกเยอะเหมือนกัน แนะนำให้เอารถเล็กๆไปสอบนะคะ จะได้เปรียบมาก ใครอย่าไปมั่นเอาแอคคอร์ดไป ก็ลำบากนะ
คนก่อนหน้าเรามั่นใจมาก เดินปรี๊ด ถอยปรู๊ด ตกปร๊าดดดดดดดดด ชนเสา
ไม่ต้องรีบนะจ๊ะ ไปด้วยความเร็ว 0.1 กม./ชม.ได้ยิ่งดี เค้าไม่ให้คะแนนเพิ่มนะจ๊ะถ้าเสร็จเร็ว
เราก็เข้าไปเนิบๆ พอเข้าไปจนใกล้ๆจะสุดเสาแล้ว ก็ยกมือค้างไว้
จนท. : เอ้า เบอร์ 9 ถอยหลังมาจอดริมรั้วเลยฮ้าฟฟฟ
เราก็ค่อยๆถอย ถอยง่ายมากค่ะ เพราะสนามสอบพื้นเรียบอยู่แล้ว แทบไม่ต้องบังคับพวงมาลัย ออกมาตรงๆเลย
ทีนี้ก็รอ เพราะระหว่างนั้น บางคนที่เค้าตก มาสอบใหม่รอบเดียว เค้าก็ไปสอบท่าอื่นๆ ก็ต้องต่อคิวค่ะ
2. เข้าซอง 7 เกียร์
มันคืออะไร ก็คือ แวะจอดกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางอ่ะค่ะ มีรถข้างหน้า มีรถข้างหลัง มีช่องเว้นไว้ให้เราจอด ตามนั้น
ระหว่างรอ ก็ดูคันที่เค้าสอบอยู่ นางอินดี้มากไปมั้ย เอาหัวโหม่งเข้าก่อนเลย ผิดนะจ๊ะ มันคงผ่านหรอก!!!
นางยึกยักอยู่ 20 เกียร์ จนท.ก็บอกให้ลงจากรถมาดู ไม่เข้าเลย เข้าไปครึ่งคันเท่านั้น -*-
พอถึงตาเรา เอ้า ตามที่เรียนมา
1. ถอยหลัง จนเห็นเสาร์เบอร์ 3 อยู่ในกระจกสามเหลี่ยม
2. พอเห็นเสาเบอร์สามแล้ว หักพวกมาลัยไปซ้ายสุด แล้วปล่อยเบรกเบาๆ มองกระจกขวาไว้ จนเห็นเสาเบอร์ 4 ที่กระจกขวา
3. พอเห็นเสาเบอร์ 4 แล้ว คืนพวกมาลัย (หมุนขวารอบครึ่ง) ปรับกระจกขวาลงให้เห็นพื้น แล้วถอยตรง จนล้อหลัง เกือบเหยียบเส้นดำ แต่อย่าเหยียบนะ!!
4. เสร็จแล้ว หมุนพวงมาลัยไปขวาสุด คอยดูกระจกขวาไว้ ว่าล้อมันวกเข้าช่องมั้ย ถ้าวกเข้าช่อง ให้ถอยไปเรื่อยๆ จนรถตรง แล้วคืนพวกมาลัย
ถ้าล้อมันยังไม่วกเข้าช่อง หมายความว่า เมื่อกี๊เราถอยตรงไปชิดเส้นดำไม่มากพอ ทางแก้ที่ง่ายที่สุด คือเลี้ยวออกไปตั้งลำใหม่ เริ่มตั้งแต่ข้อ 1 ใหม่เลย เพราะจะเดินหน้าไกล เดินหน้าใกล้ นับเป็น 1 เกียร์เท่ากัน
แต่ถ้าทำถูกวิธี เกียร์เดียว ก็ผ่านจ้าาา
พอเราแน่ใจว่ารถอยู่ในกรอบแล้ว ก็ยกมือ
จนท. : เอ้า เบอร์9 ไปจอดเทียบได้ฮ้าฟฟฟฟฟ
(แปลว่าผ่าน ถ้าไม่ผ่านเค้าจะบอกว่า นี่เธอ จอดอะไร ลงมาดูซิ)
3. เทียบฟุตบาท 25 ซม.
จากท่า 7 เกียร์ เวลาออก ให้เราตีออกขวาให้มากที่สุด จะได้มีเลี้ยวซ้ายไปเทียบง่ายๆ
ตอนฝึกที่บ้าน ให้ลองขับชิดฟุตบาทดู แล้วดูว่า ตาเรา ขนานกับฟุตบาท ณ จุดนี้ เอากระดาษปักไว้ นึกไม่ออก ดูรุปจ้าาา กระดาษสีชมพู คือกระดาษที่ปักไว้ เพื่อดูระยะว่า ถ้าเรามองผ่านกระดาษสีชมพูนี่ กระดาษสีชมพูต้องอยู่ตรงฟุตบาทพอดี แล้วล้อจะไม่เกิน 25 ซม.
ส่วนจอดหยุดที่เสา ก็เหมือนเดิมจ้า ไปจอดเทียบเสาซักเสา พอดูว่าหน้ารถอยู่ตรงเสาแล้ว เอากระดาษปักไว้เลย ตรงที่ตาเรามองขนานเสา
นึกไม่ออก ดูรูปจ้าาาา กันชนหน้า ต้องอยู่ระหว่างเส้นแดง และเส้นขาว (ก็คือกันชนหน้าพอดีเสาจ้า) พอได้ตำแหน่งที่แน่นอนแล้ว มานั่งในรถ ดูสายตาเราให้ขนาดเสา แล้วเอากระดาษปักไว้เลย ในรูปคือกระดาษน้ำเงิน อิอิ โกง!!!!!!
ทำตามนี้ ไม่มีพลาด 555555
เท่านี้ เราก็จะผ่านครบ 3 กระบวนท่า
ขึ้นไปทำใบขับขี่ เสียตัง 205 บาท ก็ได้ใบขับขี่มาครอบครองเลยจ้า รอบเดียว ผ่านฉลุยยยยยยยย
ps. มีคนถามกันมาเยอะ ตาข้างขวาเป็นตาเทียมค่ะ ไม่มีตาจริงนะคะ ^^