[บทความทีมชาติอังกฤษ 2013-10-19] พวกเราลืมไปว่าอะไรที่ทำให้ฟุตบอลอังกฤษยิ่งใหญ่ - แกรี่ เนวิลล์

ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนผมลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมได้ยินเสียงของน็อบบี้ สไตลส์และอีริค แฮร์ริสัน โค้ชของพวกเราที่ตะโกนสั่งจากเส้นข้างสนาม โดยเป็นคำพูดสั้นๆ แต่สม่ำเสมอ "รีบเข้าหาบอล! แย่งบอลกลับมา! ประกบตัวนั้น! จ่ายบอลเร็วๆ! วิ่งไป!"

โค้ชชาวอังกฤษอีกหลายๆคนก็คงจะเป็นแบบนี้ มันเป็นเอกลักษณ์ในเกมการเล่นของพวกเรา คุณสมบัติที่กลายเป็นตัวตนของฟุตบอลอังกฤษ : ความเร็วของเกมการเล่น, จังหวะการผ่านบอล, การวิ่งเข้าหาบอลและการเคลื่อนไหวออกจากกรอบเขตโทษเพื่อวางกับดักล้ำหน้า มันเป็นคุณค่าที่ถูกปลูกฝังเข้ามากับตัวคุณ

รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนที่พวกเราได้รับอิทธิพลจากการเข้ามาของกุนซือและนักเตะชาวต่างชาติหลายๆคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยผลิตยุคทองของฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกระหว่างปี 2007-2009 ใน 3 ปีนั้น ทีมจากอังกฤษทะลุถึงรอบรองชนะเลิศได้ 3 จาก 4 ทีม แต่จากเกมการเล่นที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ถูกบาเยิร์น มิวนิคบุกมาเอาชนะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มันช่วยไม่ได้จริงๆที่ผมจะต้องคิดว่าพวกเรากำลังตกเป็นฝ่ายตามหลังในแง่ของฟุตบอลยุโรป

นักเตะบาเยิร์นกดดันฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาสร้างความผิดพลาดเอง


มีช่วงหนึ่งในเกมการแข่งขันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ลูกทุ่มบริเวณจุดเตะมุมฝั่งขวาในแดนของพวกเขา และนักเตะบาเยิร์นทุกๆคนก็ดันขึ้นสูงมาเหนือพื้นที่ของตัวเอง สิ่งนั้นทำให้ผมนึกในใจว่า "นั่นแหละคือสิ่งที่อีริค แฮร์ริสันและน็อบบี้ สไตลส์บอกกับผม 20 ปีก่อน" มันเป็นสิ่งที่ทีมอังกฤษเคยทำมาแล้วในอดีต

เป๊บ กวาดิโอล่าสั่งลูกทีมให้เล่นฟุตบอลในแบบบริติช โดยดันแนวรับขึ้นสูง, วิ่งไล่บอลและกดดันอย่างหนัก


ผมได้เห็นเป๊บ กวาดิโอล่า ผู้จัดการทีมบาเยิร์นและผมก็ได้เห็นแอ็คชั่นการตะโกนสั่งลูกทีมด้วยมือของเขา "วิ่งใส่พวกมัน!" "แย่งบอลมาให้ได้!" ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตอนที่พวกเขาเหลือ 10 คน มือของเขาก็ยังออกลวดลายสั่งการแผงแบ็คโฟร์ "ดันขึ้นสูง! ดันขึ้นสูง!"

เป๊บ กวาดิโอล่าไม่มีความอับอายใดๆในการที่เขาต้องการให้ลูกทีมทำงานหนัก วิ่งเข้าใส่และแย่งบอลจากคู่ต่อสู้ "บีบพวกเขา!" คงจะเป็นเสียงตะโกนที่เราได้ยินจากเส้นข้างสนาม แต่ถ้าโค้ชชาวอังกฤษมาโบกไม้โบกมือ ออกลีลาพร้อมตะโกนให้บีบคู่ค่อสู้ โค้ชคนนั้นจะตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกเรียกว่าพวกล้าหลังเหมือนไดโนเสาร์ในทันที

สิ่งที่น่าตลกก็คือโค้ชที่ดีที่สุดของยุโรปในสมัยใหม่นี้ผลักดันให้แผงกองหลังของเขาขึ้นสูงเขากระตุ้นให้นักเตะไล่แย่งบอลจากฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่แดนของคู่แข่ง มากกว่าการที่จะถอยแนวรับมาอยู่ลึกๆ พวกเขาบีบคู่แข่งตลอดเวลา

ทีมจากอังกฤษไม่เล่นฟุตบอลในสไตล์อันสุดแสนจะเข้มข้นอีกต่อไป


สำหรับแก่นสารสำคัญของฟุตบอลอังกฤษ หากคุณลองมองดูการดันแนวรับขึ้นสูงของเรอัล มาดริดหรือบาร์เซโลน่า มันช่วยไม่ได้เลยที่จะทำให้เรานึกถึงสตีฟ โบลด์และโทนี่ อดัมส์ที่ทำแบบนั้นกับอาร์เซนอล หากลองมองดูอาร์เยน ร็อบเบนหรือฟร็องค์ ริเบรี่ไล่กวดคู่แข่ง นั่นก็คล้ายๆกับสิ่งที่เดวิด เบ็คแฮมและไรอัน กิ๊กส์เคยทำ และในส่วนของพลังงานของแผงกองกลางทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิคและโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั่นทำให้เรานึกถึงรอย คีน, ปาทริค วิเอร่า, สตีเฟ่น เจอร์ราดหรือมิคาเอล เอสเซียงในตอนที่พวกเขาพีคที่สุด

สไตล์ที่ถูกใช้ไปทั่วทั้งยุโรปทำให้เรานึกถึงนักเตะอย่างรอย คีนและปาทริค วิเอร่า



สโมสรเหล่านี้มีความเป็นบริติชมากกว่าสโมสรจากอังกฤษเองซะอีก สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือในช่วง 5 ปีหลังสุด มีการผสมผสานสไตล์การเล่นของยุโรปเข้าด้วยกัน แต่เราเป็นประเทศที่ล้าหลังชาติอื่นๆ

25 ปีที่แล้วคุณอาจจะโต้แย้งได้ว่า ฟุตบอลสเปนช้ากว่านี้หรือฟุตบอลอิตาลีเน้นเกมรับ ส่วนเยอรมนีก็ใช้ลิเบโร่ในแผงกองหลัง 3 คน ในสมัยนั้น อาจจะมีนักเตะสเปนหรืออิตาลี 2-3 คนที่ขี้โกงออกแอ็คชั่นตบตา ในขณะที่นักเตะอังกฤษถูกสอนให้เน้นในสิ่งที่ผมเรียกว่าตำแหน่งที่ซื่อสัตย์...

ในตอนที่เป๊บ กวาดิโอล่าเข้ารับงานคุมทีมบาร์เซโลน่าเมื่อปี 2008 เขาได้รับมรดกในเรื่องของขุมกำลังผู้เล่นซึ่งมีพรสวรรค์ แต่จากนั้นไม่นานก็กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดทีมหนึ่งตลอดกาล พวกเขาเป็นทีมที่ผ่านบอลกันได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้วภายใต้ยุคของแฟรงค์ ไรจ์การ์ด แต่ด้วยการคุมทีมของเป๊บ กุนซือชาวสเปนได้เปลี่ยนกลุ่มนักเตะพวกนั้นให้เป็นนักล่าสำหรับเรื่องของการไล่บอล เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงนักเตะ สิ่งที่เปลี่ยนก็คือปรัชญาเท่านั้น พวกเขาทำทุกๆอย่างที่พวกเราเคยทำได้ดี แต่พวกเขาทำแบบนั้นด้วยนักเตะที่มีเทคนิคที่ดีกว่า สโมสรที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเยอรมนีเอาชนะสโมสรจากพรีเมียร์ ลีกไม่ใช่แค่เรื่องของเปอร์เซ็นต์การครองบอล แต่ในแง่ของการทำงานหนักก็ด้วย

ถ้าพวกเรามัวแต่คิดว่าหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดคือการมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลให้ได้สัก 70% ในหนึ่งเกมการแข่งขัน มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากๆ การครองบอลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ และเทคนิคของนักเตะอังกฤษก็จำเป็นที่จะต้องดีให้ได้ แต่การพัฒนาแง่มุมนั้นจะต้องไม่ทำให้พื้นฐานของการยากที่จะเอาชนะสูญเสียไป สำหรับทีมชาติสเปนนั้นมักจะมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลถึง 70% เสมอๆ แต่ตัวเลขทางสถิติของพวกเขาที่ทำให้ผมประทับใจก็คือพวกเขาไม่เสียประตูให้กับทีมใดๆในรอบน็อคเอ้าท์ของศึกฟุตบอลโลก หรือว่าฟุตบองชิงแชมป์ยุโรปตั้งแต่ปี 2006

ผมเชื่อมั่นว่าพวกเราสามารถกลับไปเป็นในสิ่งที่พวกเราเคยเป็นได้ ผมพูดเสมอว่ารูปแบบเหล่านี้โคจรเป็นวงกลม

สิ่งที่น่าชื่นใจก็คือมีสัญญาณแบบนั้นในพรีเมียร์ ลีกกำลังเกิดขึ้น คุณสามารถมองเห็นคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้กับทีมอย่างท็อตแน่ม, อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเซาแธมป์ตันภายใต้การนำของเมาริซิโอ้ ปอเช็ตติโน่ก็ลงเล่นด้วยการดันแนวรับขึ้นสูงมากๆ และไล่บอลอย่างหนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ลีกโดยไม่ได้เล่นด้วยการดันแรวรับขึ้นสูง แต่ผมเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเปลี่ยนแปลง เพราะการเล่นในยุโรประยะหลังพวกเขาทำได้ไม่ดีนัก

ความแตกต่างระหว่างบาเยิร์น, บาร์เซโลน่าและดอร์ทมุนด์ไม่ใช่คุณภาพ แต่เป็นการทำงานหนักของพวกเขา


แต่อย่าบอกให้ใครมาบอกกับคุณว่าสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับบาร์เซโลน่า, บาเยิร์นและดอร์ทมุนด์คือคุณภาพการเล่นฟุตบอลของพวกเขา มันไม่ใช่แบบนั้น การทำงานหนักไล่บอลของพวกเขาต่างหากที่เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจ และคุ้มค่าต่อการได้ดูชม

บทความโดย : แกรี่ เนวิลล์ credit : www.soccersuck.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่