@@@@บอกเล่าเรื่องราว#ประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวไปอเมริกา@@@@
วันนี้เพิ่งไปขอวีซ่าอเมริกามาค่ะ ผ่านฉลุย สัมภาษณ์ 5-10 นาทีเองค่ะ จึงอยากบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์สำหรับคนที่กำลังจะขอหรือขอไม่ผ่านค่ะ เพราะก่อนไปนี่ก็เครียดมากค่ะ กังวลกลัวจะเสียเงิน 5000 บาทไปฟรีๆ เหมือนกัน
ในครั้งแรกก็เตรียมเอกสารมั่วซั่วไปหมด ทั้งของตัวเอง ของสปอร์นเซอร์หาอ่านในเนตก็เจอแต่คนมาบ่นว่าไม่ผ่านๆ ทั้งๆที่อย่างงู้น อย่างงี้ เราพอมาอ่านของคุณว่านน้ำก็ทำให้เข้าใจช่วยได้เยอะเลยค่ะ
http://pantip.com/topic/30704149
อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเพิ่มเติมหลังจากเข้าใจสถานทูตมากขึ้นเพื่อเปนประโยชน์ให้คนอื่น
วัตถุประสงค์ของเจ้าหน้าที่ในการให้ผ่านวีซ่าท่องเที่ยวจริงๆแล้วมีหลักง่ายๆแค่นี้ค่ะ
1. คุณเป็นใครทำงานอะไร มีรายได้จากไหน มากพอที่จะไปท่องเที่ยวมั้ย
หากเป็นพนง.บริษัท ควรจะมีหนังสือรับรองบริษัท โดยมีข้อความหลักในหนังสือว่า อยู่บริษัทไหน ทำงานมานานเท่าไหร่ (อายุงานเป็นส่วนหนึ่งที่ จนท พิจารณา) ตำแหน่งอะไร รายได้ไม่สำคัญมากแต่ก็ไม่ควรน้อยจนเกินไป (เราเอง base salary ต่ำกว่า30,000 ก็ผ่าน จริงๆแล้วรายได้มีมากกว่านั้นเพราะมีโบนัสแต่บริษัทไม่ได้แสดงรวมในหนังสือรับรองฯ เราจึงเอาหลักฐานที่น่าเชื่อถือไปเช่น ภงด 91 หรือใบหักภาษี ไปเพิ่มเติม) ** ที่ขาดไม่ได้ ใน หนังสือรับรองบริษัทต้องมีข้อความว่าเราลางานกี่วันแล้วหลังนั้นบริษัทรับรองว่าจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่พนักงานตามเดิม ตัวอย่าง (copy เค้ามา)=> Miss ABC has entitled to take the vacation for traveling 10 days to Atlanta and Florida, USA during July 4-14, 2013 and she will arrive to Thailand July 15, 2013. After that she will continue her duty on July 17, 2013. เพราะเราเห็นคนก่อนหน้าเรามีใบรับรองบริษัท แยกกับใบลาหยุด เค้าไม่ผ่านอ่ะ คิดว่าใบรับรองบริษัทที่เค้าขอนั้นอาจเป็นใบรับรองฯ ทั่วไปที่อาจจะขอไปกู้เงินซื้อบ้าน/ซื้อรถ หรือสมัครงาน ที่ไม่มีข้อความระบุว่าไปมีการลางานไปเที่ยวกับบริษัทจริงกี่วันแล้วจะกลับมาทำงานตามเดิม ความเหนส่วนตัวนะ คิดว่ายิ่งลางานไปช่วงหยุดยาวๆแบบสงกรานต์ ปีใหม่ยิ่งให้น้ำหนักน่าเชื่อถืออีกด้วยเพราะการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนจะลางานไปเที่ยวไกลถึงเมกาต้องลาถึง 10 วันขึ้นไปจะไปได้ช่วงไหนละก็หยุดยาวเท่านั้น ถ้าลานอกเหนือจากช่วงนี้ ก็อาจจะส่อเหตุผลแอบแฝงว่ากำลังจะลาออกจากงานแล้วไปเป็นโรบินฮู้ดที่นั่นหรือป่าว
หากไม่ใช่พนักงานบริษัท คุณต้องแสดงรายได้ว่ามาจากที่ใดเช่นมีร้าน ส่วนใหญ่ที่ผ่านเพราะเอกสารยืนยันการจดทะเบียน แสดงภาระหน้าที่ที่มีในประเทศไทยว่าต้องกลับมาทำกิจการต่อแน่ๆ หรือแสดงไม่ได้ก็ต้องเป็น statement อันนี้เราไม่ถนัดนะเพราะเราใช้ใบรับรองฯ
2. เหตุผลที่คุณไปต้องสมเหตุสมผล
การที่คุณไปเพราะมีคนรู้จักอยู่ที่นู้นย่อมเป็นเหตุผลหลักที่พวกเราจะไปเที่ยวอเมริกาจริงมั้ยค่ะ บอกไปตามตรงได้ค่ะ ได้ยินคนก่อนหน้าเราเป็นผู้หญิงมีใบรับรองฯบอกว่าไปคนเดียวไม่มีใครรู้จักเลย จนท.ทำหน้างงงวยมาก ดูเหมือนเค้าไม่เชื่อ ดูส่อเจตนาอื่นทำให้สุดท้ายคนนั้นไม่ผ่านค่ะ (ยกเว้นเคสที่มีญาติ คนรู้จักเปิดร้านอาหารอยู่นะค่ะ มีโอกาสเราจะไปทำงานที่นู้นสูงค่ะ)
การที่คุณไปเที่ยวเพราะคนที่นู้นชวนไปเที่ยวแล้วออกเงินให้โดยที่ตัวเราเองไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ที่ชัดเจนแน่นอนมีโอกาสไม่ได้ไปสูงมากค่ะ นั่นอาจหมายถึงตัวเรามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการขอวีซ่าท่องเที่ยว เพราะเราอาจไม่มีรายได้กำลังจะไปทำงานที่เมกาแย่งงานคนเมกาทำ ซึ่งตอนนี้เศร.เมกายิ่งไม่ดีคนเมกาไม่มีงานทำจึงกันคนต่างชาติประเภทนี้เข้าประเทศค่ะ หลักๆก็คือ คุณต้องมีเจตนาบริสุทธิ์จริง แสดงให้ได้ ไม่พูดวกวน ไม่โกหก จริงใจ หลักฐานพร้อม
เราเองรายได้ไม่มาก ไปเพราะแฟนเป็นสปอร์ตเชนต์ ในหนังสือรับรองฯก็มี base salary ที่ไม่มากนัก แต่ก็ผ่านค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เหนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สมเหตุสมผล ว่าเราทำงานมาหลายปี ลางานไปเที่ยวจริง ส่วนตัวมีเงินใน statement แสนกว่าบาทค่ะ cover พอดีกับการเที่ยว 10 กว่าวันเอง ถึงแม้แฟนจะออกเงินตอนไปเที่ยวทุกอย่างแต่เราควรมี หลักๆที่เจ้าหน้าดูคือ ตัวเราค่ะ สปอร์ตเซอเป็นส่วนรอง ยกเว้นกรณีที่มีพ่อ-แม่ เป็นสปอร์ตเซอร์ให้นะค่ะ
เราเคยอ่านเจอว่ามีสามีเป็นคนเมกาจะชวนแฟนคนไทยไปเที่ยวเมกาบ้าง หรือ ผญ ไทยแต่งงานกะคนเมกา แล้วจะพา พี่-น้อง, ญาติ,พ่อ-แม่ ไปเที่ยวบ้าง หรือว่า สามีไปทำงานที่นู้นแล้วชวนภรรยาไปเที่ยว โดยมีคนที่นู้นเป็นสปอร์เซนให้แล้วขอวีซ่าไม่ผ่าน เราเข้าใจว่าที่ไม่ผ่านเพราะมีเอกสารที่หนักไปทางสปอร์เซอมากไป วัตถุประสงค์คือการให้เราผ่านเข้าเมืองนั่นแสดงว่า จนท เค้าต้องการดูที่เราเป็นหลักค่ะ
3. ภาระผูกพันที่ประเทศไทย เป็นเหตุผลอันสมควรว่าเราจะกลับมา
ถ้าเกิดเจอ จนท เคี้ยวๆ ดูหมดที่เตรียมไปแล้วแต่ก็ยังลังเลที่จะให้เราผ่าน ที่ตัวเราเตรียมไปก็คือเราเป็นลูกคนเดียว แม่ไม่สบายอยู่เพิ่งผ่าตัดไป เราก็เตรียมใบรับรองแพทย์ไปค่ะเพื่อยืนยันภาระผูกพันที่ไทยว่าเราต้องกลับมาแน่ๆ เพราะแม่ไม่สบายไม่แอบหนีไปทำงานที่นู้นแน่ๆแค่อยากไปเที่ยวจริงๆ
วันที่ไปสัมภาษณ์กรุณาพกโทรศัพท์มือถือไปแค่ 1 เครื่อง อุปกรณ์ electronic อย่าเอาไป ไม่ว่าจะเป็น ipad , ipod, mp3,ที่ชาร์จแบตสำรอง เพราะหน้าประตูจะไม่อนุญาติให้เข้า จะรับฝากแค่โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใครเอามือถือมา 2 เครื่อง อีกเครื่องไม่รับฝาก เราโดนมาค่ะ วันนั้นเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนัก ลมแรงมาก สัมภาษณ์รอบแรก เราเอาที่ชาร์จสำรองกับ mp3 ไป ไปคนเดียวไม่มีรถ จนท.ให้ออกไปหาที่ฝากข้างนอก แม่เจ้า!!ฝนตกหนักมาก แล้วจะถึงเวลาสัมภาษณ์อยู่แล้วเราจะไปหาที่ฝากจากไหนคิวยาวมากด้วย เราตัดสินใจทิ้งค่ะ ทิ้ง!! Mp3 กับที่ชาร์จแบตสำรอง เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ทันเวลา (เราเอาห่อถุงพลาสติกไว้อย่างดีแล้วทิ้งในถังขยะพอสัมภาษณ์เสร็จเราก็มาคุ้ยขยะเอากลับบ้านค่ะ 5555) จึงอยากแชร์เผื่อเป็นประโยชน์กับคนต่อๆไปค่ะ โชคดีนะค่ะ
@@@@บอกเล่าเรื่องราว#ประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวไปอเมริกา@@@@
วันนี้เพิ่งไปขอวีซ่าอเมริกามาค่ะ ผ่านฉลุย สัมภาษณ์ 5-10 นาทีเองค่ะ จึงอยากบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์สำหรับคนที่กำลังจะขอหรือขอไม่ผ่านค่ะ เพราะก่อนไปนี่ก็เครียดมากค่ะ กังวลกลัวจะเสียเงิน 5000 บาทไปฟรีๆ เหมือนกัน
ในครั้งแรกก็เตรียมเอกสารมั่วซั่วไปหมด ทั้งของตัวเอง ของสปอร์นเซอร์หาอ่านในเนตก็เจอแต่คนมาบ่นว่าไม่ผ่านๆ ทั้งๆที่อย่างงู้น อย่างงี้ เราพอมาอ่านของคุณว่านน้ำก็ทำให้เข้าใจช่วยได้เยอะเลยค่ะ http://pantip.com/topic/30704149
อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเพิ่มเติมหลังจากเข้าใจสถานทูตมากขึ้นเพื่อเปนประโยชน์ให้คนอื่น
วัตถุประสงค์ของเจ้าหน้าที่ในการให้ผ่านวีซ่าท่องเที่ยวจริงๆแล้วมีหลักง่ายๆแค่นี้ค่ะ
1. คุณเป็นใครทำงานอะไร มีรายได้จากไหน มากพอที่จะไปท่องเที่ยวมั้ย
หากเป็นพนง.บริษัท ควรจะมีหนังสือรับรองบริษัท โดยมีข้อความหลักในหนังสือว่า อยู่บริษัทไหน ทำงานมานานเท่าไหร่ (อายุงานเป็นส่วนหนึ่งที่ จนท พิจารณา) ตำแหน่งอะไร รายได้ไม่สำคัญมากแต่ก็ไม่ควรน้อยจนเกินไป (เราเอง base salary ต่ำกว่า30,000 ก็ผ่าน จริงๆแล้วรายได้มีมากกว่านั้นเพราะมีโบนัสแต่บริษัทไม่ได้แสดงรวมในหนังสือรับรองฯ เราจึงเอาหลักฐานที่น่าเชื่อถือไปเช่น ภงด 91 หรือใบหักภาษี ไปเพิ่มเติม) ** ที่ขาดไม่ได้ ใน หนังสือรับรองบริษัทต้องมีข้อความว่าเราลางานกี่วันแล้วหลังนั้นบริษัทรับรองว่าจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่พนักงานตามเดิม ตัวอย่าง (copy เค้ามา)=> Miss ABC has entitled to take the vacation for traveling 10 days to Atlanta and Florida, USA during July 4-14, 2013 and she will arrive to Thailand July 15, 2013. After that she will continue her duty on July 17, 2013. เพราะเราเห็นคนก่อนหน้าเรามีใบรับรองบริษัท แยกกับใบลาหยุด เค้าไม่ผ่านอ่ะ คิดว่าใบรับรองบริษัทที่เค้าขอนั้นอาจเป็นใบรับรองฯ ทั่วไปที่อาจจะขอไปกู้เงินซื้อบ้าน/ซื้อรถ หรือสมัครงาน ที่ไม่มีข้อความระบุว่าไปมีการลางานไปเที่ยวกับบริษัทจริงกี่วันแล้วจะกลับมาทำงานตามเดิม ความเหนส่วนตัวนะ คิดว่ายิ่งลางานไปช่วงหยุดยาวๆแบบสงกรานต์ ปีใหม่ยิ่งให้น้ำหนักน่าเชื่อถืออีกด้วยเพราะการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนจะลางานไปเที่ยวไกลถึงเมกาต้องลาถึง 10 วันขึ้นไปจะไปได้ช่วงไหนละก็หยุดยาวเท่านั้น ถ้าลานอกเหนือจากช่วงนี้ ก็อาจจะส่อเหตุผลแอบแฝงว่ากำลังจะลาออกจากงานแล้วไปเป็นโรบินฮู้ดที่นั่นหรือป่าว
หากไม่ใช่พนักงานบริษัท คุณต้องแสดงรายได้ว่ามาจากที่ใดเช่นมีร้าน ส่วนใหญ่ที่ผ่านเพราะเอกสารยืนยันการจดทะเบียน แสดงภาระหน้าที่ที่มีในประเทศไทยว่าต้องกลับมาทำกิจการต่อแน่ๆ หรือแสดงไม่ได้ก็ต้องเป็น statement อันนี้เราไม่ถนัดนะเพราะเราใช้ใบรับรองฯ
2. เหตุผลที่คุณไปต้องสมเหตุสมผล
การที่คุณไปเพราะมีคนรู้จักอยู่ที่นู้นย่อมเป็นเหตุผลหลักที่พวกเราจะไปเที่ยวอเมริกาจริงมั้ยค่ะ บอกไปตามตรงได้ค่ะ ได้ยินคนก่อนหน้าเราเป็นผู้หญิงมีใบรับรองฯบอกว่าไปคนเดียวไม่มีใครรู้จักเลย จนท.ทำหน้างงงวยมาก ดูเหมือนเค้าไม่เชื่อ ดูส่อเจตนาอื่นทำให้สุดท้ายคนนั้นไม่ผ่านค่ะ (ยกเว้นเคสที่มีญาติ คนรู้จักเปิดร้านอาหารอยู่นะค่ะ มีโอกาสเราจะไปทำงานที่นู้นสูงค่ะ)
การที่คุณไปเที่ยวเพราะคนที่นู้นชวนไปเที่ยวแล้วออกเงินให้โดยที่ตัวเราเองไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ที่ชัดเจนแน่นอนมีโอกาสไม่ได้ไปสูงมากค่ะ นั่นอาจหมายถึงตัวเรามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการขอวีซ่าท่องเที่ยว เพราะเราอาจไม่มีรายได้กำลังจะไปทำงานที่เมกาแย่งงานคนเมกาทำ ซึ่งตอนนี้เศร.เมกายิ่งไม่ดีคนเมกาไม่มีงานทำจึงกันคนต่างชาติประเภทนี้เข้าประเทศค่ะ หลักๆก็คือ คุณต้องมีเจตนาบริสุทธิ์จริง แสดงให้ได้ ไม่พูดวกวน ไม่โกหก จริงใจ หลักฐานพร้อม
เราเองรายได้ไม่มาก ไปเพราะแฟนเป็นสปอร์ตเชนต์ ในหนังสือรับรองฯก็มี base salary ที่ไม่มากนัก แต่ก็ผ่านค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เหนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สมเหตุสมผล ว่าเราทำงานมาหลายปี ลางานไปเที่ยวจริง ส่วนตัวมีเงินใน statement แสนกว่าบาทค่ะ cover พอดีกับการเที่ยว 10 กว่าวันเอง ถึงแม้แฟนจะออกเงินตอนไปเที่ยวทุกอย่างแต่เราควรมี หลักๆที่เจ้าหน้าดูคือ ตัวเราค่ะ สปอร์ตเซอเป็นส่วนรอง ยกเว้นกรณีที่มีพ่อ-แม่ เป็นสปอร์ตเซอร์ให้นะค่ะ
เราเคยอ่านเจอว่ามีสามีเป็นคนเมกาจะชวนแฟนคนไทยไปเที่ยวเมกาบ้าง หรือ ผญ ไทยแต่งงานกะคนเมกา แล้วจะพา พี่-น้อง, ญาติ,พ่อ-แม่ ไปเที่ยวบ้าง หรือว่า สามีไปทำงานที่นู้นแล้วชวนภรรยาไปเที่ยว โดยมีคนที่นู้นเป็นสปอร์เซนให้แล้วขอวีซ่าไม่ผ่าน เราเข้าใจว่าที่ไม่ผ่านเพราะมีเอกสารที่หนักไปทางสปอร์เซอมากไป วัตถุประสงค์คือการให้เราผ่านเข้าเมืองนั่นแสดงว่า จนท เค้าต้องการดูที่เราเป็นหลักค่ะ
3. ภาระผูกพันที่ประเทศไทย เป็นเหตุผลอันสมควรว่าเราจะกลับมา
ถ้าเกิดเจอ จนท เคี้ยวๆ ดูหมดที่เตรียมไปแล้วแต่ก็ยังลังเลที่จะให้เราผ่าน ที่ตัวเราเตรียมไปก็คือเราเป็นลูกคนเดียว แม่ไม่สบายอยู่เพิ่งผ่าตัดไป เราก็เตรียมใบรับรองแพทย์ไปค่ะเพื่อยืนยันภาระผูกพันที่ไทยว่าเราต้องกลับมาแน่ๆ เพราะแม่ไม่สบายไม่แอบหนีไปทำงานที่นู้นแน่ๆแค่อยากไปเที่ยวจริงๆ
วันที่ไปสัมภาษณ์กรุณาพกโทรศัพท์มือถือไปแค่ 1 เครื่อง อุปกรณ์ electronic อย่าเอาไป ไม่ว่าจะเป็น ipad , ipod, mp3,ที่ชาร์จแบตสำรอง เพราะหน้าประตูจะไม่อนุญาติให้เข้า จะรับฝากแค่โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใครเอามือถือมา 2 เครื่อง อีกเครื่องไม่รับฝาก เราโดนมาค่ะ วันนั้นเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนัก ลมแรงมาก สัมภาษณ์รอบแรก เราเอาที่ชาร์จสำรองกับ mp3 ไป ไปคนเดียวไม่มีรถ จนท.ให้ออกไปหาที่ฝากข้างนอก แม่เจ้า!!ฝนตกหนักมาก แล้วจะถึงเวลาสัมภาษณ์อยู่แล้วเราจะไปหาที่ฝากจากไหนคิวยาวมากด้วย เราตัดสินใจทิ้งค่ะ ทิ้ง!! Mp3 กับที่ชาร์จแบตสำรอง เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ทันเวลา (เราเอาห่อถุงพลาสติกไว้อย่างดีแล้วทิ้งในถังขยะพอสัมภาษณ์เสร็จเราก็มาคุ้ยขยะเอากลับบ้านค่ะ 5555) จึงอยากแชร์เผื่อเป็นประโยชน์กับคนต่อๆไปค่ะ โชคดีนะค่ะ