หัวใจกับความอยู่รอด อย่างไหนที่ควรเลือก

กระทู้คำถาม
ผมทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่ตอนนี้ริษัทที่ผมทำงานท่าจะไม่ค่อยดีอาจมีการคัดพนักงานออก หากเป็นเช่นนั้นจริงๆผมเองคงต้องเป็นหนึ่งในนั้น ทว่าหากต้องเป็นผมจริงๆ คงเป็นฝันร้ายเพราะทางเลือกในการทำงานของผมมีไม่มากด้วยความรู้อันน้อยนิด ผมเล็งเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ผมจึงโทรไปปรึกษา พ่อ กับ แม่ ว่าควรทำเช่นไรดี คำตอบที่ได้ทำผมนํ้าตาไหลขึ้นมาทันที
: พ่อ พูด กลับมาเถอะลูก พ่อเลี้ยงลูกได้ ไม่ต้องห่วงอะพ่อจะไม่ให้ลูกอดข้าว พ่อสัญญา (พ่อผมอายุ 78)  
: แม่ พูด  แม่ก็ไม่ปล่อยให้ลูกลำบากเหมือนกัน แม่จะทำกัข้าวอร่อยๆให้กินทุกวันเอง

มันตื้นตันจนผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่สะอื้น (ผมไม่ได้กลับ้านมา 1 ปีแล้ว ได้แค่โทรหาทุกวัน)
: ผม พูด ผมต้องเป็นคนเลี้ยงพ่อแม่ไม่ใช่พ่อแม่เลี้ยงผม และผมเองก็ไม่มีวันที่จะถอย พ่อแม่รอผมนะ

เมื่อวางสายไปแล้วผมนั่งครุ่นคิดว่าจะทำงานอะไรดี หากผมโดนเเจ็กพอตจริงๆ คิดๆๆ เนื่องจากความรู้น้อย ค่าใช้จ่ายสูง ค่าห้อง ค่านํ้า ค่าไฟ เงินแต่ละเดือนของผมก็ปาไปกว่า 60 % ของเงินเดือนแล้ว ในใจผมคิดถ้าหากผมกลับบ้านทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดีไปหางานทำใหม่ เพราะผมจะไม่มี ค่าห้อง ค่านํ้า
       แต่ติดที่ว่า ผมมีคนรักอยู่ที่นี่ และผมไม่อยากจะจากไปด้วยเหตุผลนี้ เราคกันมา 2 ปีตั้งแต่ผมมาอยู่กรุงเทพ เค้าเป็นคนที่แสนดี เข้าใจในทุกปัญหาที่ผมมีช่วยผมคิดแก้ไขตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ส่วนการใช้จ่ายเค้าจะหารครึ่งกับผมเสมอไม่ว่าจะเป็นแค่นํ้าซักแก้ว
บางครั้งผมรู้สึกละอาย ตัวเองเป็นผู้ชายแต่ทำไมต้องมาเอาเปรียผุ้หญิงแบบนี้ เค้าบอกกลับมาว่า เรามีอะไรก็ช่วยกัน ไม่ต้องคิดมาก (เค้ายังไม่มีงานทำเป็นนักศึกษาแพทย์) เวลากิน เค้าไม่เคยกินอะไรก่อนผม ต้องรอผมกินก่อนถึงจะกิน และอื่นๆอีกมากมายผมไม่อาจเขียนได้ออกมาหมด

ผมตัดสินใจไม่ถูกจริงๆ ผมควรเลือกอย่างไหนดี หากผมเลือกกลับ ความห่างเกือบ 1,000 กิโล อาจมีผลในระยะยาว หากเลือกอยู่ด้วยปัจจัย ที่มีผลต่อผมทันที  รบกวนขอคำชี้แนะด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่