สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา...คือเห็นคนอื่นๆ ลงก็อยากลงมั่งอ่ะ ฮ่าๆ
เราเป็นคนสดใส (หรือเปล่า?) คิดว่าน่าจะนะ...แล้วก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีคนนึง แต่เมื่อก่อนตอนที่สมัยยังเป็นเด็กๆ เราเป็นคนเก็บกดมาก ไม่ชอบออกไปไหนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง มีปัญหาชีวิตครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ แม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อ พูดง่ายๆ คือคลุมถุงชน แต่แล้วพอมีเราแม่ก็หนีมากรุงเทพ ระหว่างที่แม่อยู่กรุงเทพก็อยู่อย่างอดๆ ยากๆ หาเช้ากินค่ำเหมือนคนทั่วๆ ไป (ตอนนั้นเราอยู่บ้านนอกคะ แม่หนีมากรุงเทพคนเดียว แล้วก็ให้ทางฝ่ายญาติๆ เลี้ยงเรา) เราไม่รู้นะระหว่างที่อยู่กรุงเทพแรกๆ มีคนคบหากี่คน แต่พอเราอายุประมาณ 6 ขวบเราก็มีพ่อเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน เขาเป็นพ่อเลี้ยงที่น่ารักมาก รักเราเหมือนลูกเลย แม่กับพ่อไปรับเราที่ ตจว เพื่อเอามาอยู่ด้วย ตอนนั้นเราย้ายบ้านบ่อยมาก เป็นบ้านเช่านะ ย้ายประมาณ 4-5 ครั้งได้ ครั้งล่าสุดก็ย้ายไปอยู่บ้านน้องสาวพ่อ
พอตอน 8-9 ขวบ แม่ก็ท้องน้อง เป็นน้องชาย แต่น้องเราโชคร้ายไม่มีโอกาสลืมตาโลกภายนอก แต่พออายุ 10 ขวบเราก็มีน้องอีกคนคนนี้โชคดีหน่อยมีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกภายนอก ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็ก...เด็กทั่วๆ ไปที่ชอบการเล่น แต่แม่ก็พูดกรอกใส่หูอยู่ประจำว่าต้องเลี้ยงน้องนะ เป็นพี่ต้องให้น้อง ตอนเด็กๆ เราก็เลยมักขี้อิจฉา อะไรๆ ก็น้องก่อนเสมอ ไม่ชอบมากๆ เลย ทำไมต้องน้องด้วย เราก็อยากเล่นอะไรทำนองนี้ อ้อ แต่ระหว่างที่เราอยู่กับพ่อและแม่ เราก็มักเห็นทั้งคู่ทะเลาะกัน ทะเลาะกันทีไรเราก็นั่งอยู่เฉยๆ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับฟังคำด่าทอซึ่งกันและกันตลอดเวลาเลย เลยทำให้เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บกดด้วย
แต่ก็ไม่นานแม่กับพ่อก็เลิกกัน รู้สึกว่าพ่อแอบไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย แม่กับพ่อก็แยกทางกันไป แต่ว่าแม่เป็นคนจนเลยเลือกที่จะทิ้งเราให้อยู่กับพ่อเลี้ยง แล้วก็ด้วยความโชคดีของเราอีกเช่นกันที่พ่อเลี้ยงรักเราเหมือนลูกคนนึง ไม่มีเรื่องการข่มขืนหรือกระทำอจารใดๆ มีแต่คอยดูแลและส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือ ต่อให้ไม่มีเงินจะกินก็ต้องเลี้ยงดูเราและน้อง แต่ตอนนั้นยังเด็กเราไม่สนใจอะไรนอกจากเล่นอย่างเดียว (ตามประสาเด็กนี่นะ) พอขึ้น ม.1 เราก็ยังคงเล่นๆ อยู่ แต่พอขึ้น ม. 2 ก็เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองต้องช่วยพ่อได้แล้วนะ (เพิ่งจะสำนึกแต่ก็ยังติดเพื่อนอยู่) จนขึ้น ม. 3 เราก็ตั้งใจเรียน แต่สุดท้ายเราก็สำนึกได้ในวันที่สายไป พ่อของเราเสียเพราะอุบัติเหตุ เราร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา สะอื้นในลำคอแต่น้ำตาไม่ไหล มันเจ็บปวดมากที่ต้องสูญเสียคนที่รักมากที่สุดไป แล้วพอแม่รู้ว่าพ่อเสียแม่ก็มาเอาเรากับน้องไปอยู่ด้วย
ตอนนั้นแม่ก็มีแฟนใหม่ เราไม่ค่อยชอบพ่อเลี้ยงคนที่ 3 เลย เขาไม่ได้ทำอะไรเรากับน้องหรอกแต่มันจะว่ายังไงดีละ มันรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยก็เท่านั้นเลยทำให้เรามองเขาแย่ๆ เขาดูสกปรก พูดคำหยาบ ทำให้เราไม่ชอบ แล้วเราก็กำลังหาที่เรียนใหม่ เราไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยเลือกที่จะไปเรียนหอที่ ตจว. กลับมาบ้านก็อาทิตย์ละครั้ง เราอยู่โน่นก็ทำงานพิเศษที่รางโรงเรียนจ้างไปด้วย แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บเพราะส่วนใหญ่จะเอาไปเที่ยวซะมากกว่า (ช่วงนั้นหัวเลี้ยวหัวต่อ) แต่เราก็ไม่เสียคนนะ เราเริ่มหัดกินเหล้าก็ตอนที่ไปเรียนที่นั่นแหละ อ้อ แม่เราเป็นคนกินเหล้าเก่งด้วยนะ...ตอนที่อยู่กะพ่อเลี้ยงคนที่ 3 แม่เราก็ท้องอีก คราวนี้เป็นน้องชาย คงเป็นเพราะเราอยู่ที่ ตจว. ด้วยละมั้งเลยไม่ค่อยได้เลี้ยงเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นปัญหาเดิมๆ แม่กับพ่อเลี้ยงคนที่ 3 ทะเลาะกันแทบทุกวัน น่าเบื่อมาก เราเลยไม่ชอบที่จะอยู่บ้านเท่าไหร่
ขอข้ามไปตอนที่แม่กับพ่อเลี้ยงคนที่ 3 เลิกกันแล้วนะก็ตอนที่เราเรียนจบ ปวช. เราก็มาอยู่ห้องเช่ากับแม่เหมือนเดิม เป็นห้องเล็กๆ แต่อยู่กันสามคน แม่ เราและน้องสาว ส่วนน้องชายคนสุดท้องอยู่กับพ่อ ที่ไม่เอามาด้วยเพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง แล้วเราก็เพิ่งเริ่มทำงาน ตอนจบ ปวช. เราอยากเรียนต่อมาก แต่เราก็ไม่มีเงินเลยต้องทำงานก่อน จนกระทั่งเราทำงานเกือบสองปี (ยังอยู่ห้องเช่าอยู่) เราก็มีโอกาสได้เรียน เราเลือกเรียน ปวส. สาขาที่ชอบ แต่เราเรียนวันอาทิตย์นะ เรียนแค่วันเดียว จันทร์ถึงเสาร์เราทำงาน วันอาทิตย์ก็เรียน จนกระทั้งสองปีผ่านไปเราก็เรียนจบ แล้วเราก็กู้ กยศ.เรียนต่อปริญญาอีก 2 ปี ระหว่างนั้นแม่ก็มีคนคบหาดูใจด้วย เป็นญาติของพ่อเลี้ยงคนที่ 2 ของเราเอง เราเรียกเขาว่าลุง ลุงก็เป็นคนดีมากช่วยเหลือเรากับแม่ตลอด พอเราเรียนจบปริญญาตอนอายุประมาณ 23-24 เราก็ทำงานก่อน (เงินเก็บก็ยังไม่มี) แล้วจากนั้นเราก็ซื้อบ้านร่วมกันกับแม่ในตอนอายุ 25-26 จนในที่สุดเราก็ได้ทาวน์เฮ้าท์สองชั้นมาครอบครองอยู่ในมือ เป็นบ้านหลังแรกของเรา ดีใจมาก ไม่ต้องอยู่ห้องเช่าแล้ว แม่ก็ได้แฟนดีเลยทำให้พอมีเงินอยู่บ้างไม่อดๆ ยากๆ เหมือนแต่ก่อน แต่ว่าพวกเขาก็เลิกกัน แล้วแม่ก็มีแฟนอีกคน (คนปัจจุบัน) เขาก็โอเค ดีอยู่เหมือนกัน คอยช่วยเหลือแม่ คอยให้เงินทำบ้าน ดูแลแม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่ให้ดูแลแม่เราได้ก็พอ
ส่วนเรา เราเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีแฟนนะ เรามีแฟนครั้งแรกก็อายุ 19 แล้วเขาก็เป็น ผช คนแรกของเรา แต่ที่หน้าเศร้าคือเรามันโง่เอง ตอนนั้นเราซื้อบื้อมาก แล้วก็ไม่สวย อ้วน เตี้ย ดำ เป็นคนขี้เหร่ครบสูตร ส่วน ผช เขาก็มีแฟนอยู่แล้วแต่เราไม่รู้ เลยกลายเป็นว่าเราเป็นเมียน้อยเขาช่วงหนึ่ง แต่เพราะรักมากเราเลยยอม แต่ความอดทนของคนเราก็มีขีดจำกัด เราเลิกกับเขาแล้วก็ใช้ชีวิตเป็นโสดอยู่จนอายุ 22 เราก็มีแฟนใหม่ คนนี้เราไม่ได้รัก มีอะไรกันเพราะความผิดพลาดของเราเอง แต่เพราะเขาคอยดูแลเราทุกอย่างยกเว้นเรื่องเงิน เขาดูแลในความรู้สึกเรานะ แต่ก็คบไม่ถึงปีก็เลิกกันเหตุเพราะว่า วันนึงน้องที่ทำงาน ชวนเราไปดูหนัง คือพวกเราไม่ได้คิดอะไรกัน เขาก็มีแฟนของเขา เราก็มีแฟนของเรา เป็นแค่พี่น้องกันเฉยๆ พอดูจบเราก็ถามเขาว่ากลับยังไง เขาก็บอกว่านั่งแท็กซี่มา เราเลยเห็นว่า เฮ้ย ตอนมาก็นั่งแท็กซี่มา ตอนกลับก็นั่งแท็กซี่กลับ อีกอย่างบ้านน้องมันก็เป็นทางผ่านของบ้านเรา (ตอนนั้นยังอยู่ห้องเช่า) เลยไปส่งแล้วก็กลับ วันต่อมาข่าวลือของเรากับน้องเขานี่กระฉ่อนไปทั่วเลย มีคนพูดไปต่างๆ นาๆ ว่าเรากับน้องเขามีอะไรกันแล้ว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ไปส่งแค่นั้น จนเป็นเหตุให้เราเลิกกับแฟน ทั้งๆ ที่เราเริ่มที่จะรักเขามากแล้ว คิดว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่สักนิด แล้วเราก็ยอมโง่ ยอมเป็นควายเพราะความรัก ยอมที่จะเป็น ผญ ของเขา อยากได้เราเมื่อไหร่ก็เอา ทั้งๆ ที่เขาพอเลิกกับเราก็มีคนใหม่ ปล่อยให้เราเจ็บช้ำอยู่คนเดียว เราก็ทนนะ จนในที่สุดเราก็เลิกทนตอนอายุ 26 (ตอนนั้นซื้อบ้านแล้ว)
พอมีบ้านเป็นของตัวเองเราก็อยู่กับเน็ต อยู่กับเฟส เราก็รู้จัก ผญ คนนึงในเฟส ทั้งเธอและเรามีนิสัยที่แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบมาตลอด เป็นคนที่มีอดีตคล้ายๆ กันเลยทำให้เรารู้สึกดีๆ กับเธอ แล้วเราก็ตกลงคบกัน (เราเป็นคนบอกความรู้สึกตัวเองก่อนแบบว่าทนไม่ไหว) ทั้งๆ ที่เราก็รู้นะว่าเธอคนนี้มีกิ๊กที่อยู่ในเฟสกี่คน แต่ทุกคนเธอก็บอกว่าเล่นๆ ไม่มีอะไรมาก แต่สุดท้ายแล้วความรักของเรากับ ผญ คนแรกที่เราคบก็ไปด้วยกันไม่รอด จบลงเพียงแค่ 3 เดือน (อันนี้ไม่ขอเล่าละกัน) แต่เรากับเธอก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่แค่เปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นเพื่อนก็เท่านั้น แรกๆ ที่เลิกกันก็ยังทำใจไม่ได้ ยังคงแอบหึง แอบหวงอยู่ แต่ก็แค่แรกๆ เท่านั้นนะ ตอนนี้เฉยๆ แล้ว เรามาลองคิดๆ ดู ความจริงแล้วมันอาจไม่ใช่ความรักก็ได้ที่เรารู้สึกกับเธอ เพราะเป็น ผญ เหมือนกัน มีอดีตที่ใกล้เคียงกันแต่ของเธอหนักกว่า เราสองคนต่างก็เป็นขั่วบวกกับขั่วลบ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เลยดึงดูดกันหรือเปล่า?
จนตอนนี้เราอายุ 28 จะ 29 แล้ว เราก็ยังไม่แต่งงาน เรามองเพื่อนๆ เรานะที่มีแฟน มีลูก มีครอบครัว เราก็อิจฉานะ อยากมีโมเม้นแบบนั้นบ้าง แต่จะว่ายังไงดีละ เพราะเราเป็นเด็กเก็บกดมาก่อน และอดีตของเราทำให้เราไม่อยากมีครอบครัว อีกนัยเพราะเรายังไม่พร้อมด้วยละมั้ง ไม่มีคนดูแลเราและครอบครัวของเราได้ ทุกคนที่เข้าหาเราล้วนแค่ต้องการเซ็กส์กับเรา
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็ผ่านอะไรมาเยอะ แม่ของเราก็จนและถูกดูถูกมาก่อน แล้วเราก็เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงซะด้วย พอผิดหวังจากเรื่องความรักหลายๆ ครั้งเลยทำให้เราเข็ดด้วยละมั้ง เลยทำให้เราโสดแบบนี้ คนมาจีบก็มีนะแต่เราไม่เอา ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าสวยเลือกได้นะ เราขี้เหร่ ตัวเตีย สูงแค่ 152 อ้วน เมื่อก่อน นน. 70 ดำ ฟันก็เหยิน แบบครบสูตรความขี้เหร่เลย (ตอนนี้ดัดฟันอยู่) พยายามทำตัวเองให้สวย เมื่อก่อนเราเป็นแบบนั้น แต่เราก็พยายามลด น้ำหนัก กินยาลดความอ้วนจนตอนนี้เรา นน. 55 อยากทำตัวเองให้ดูดีที่สุด แต่เราก็ยังโสด ฮ่าๆ
นี่นะ ถ้ากะว่า 40 ยังไม่แต่งงานจะรับเลี้ยงลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมสักคน
การอยู่เป็นโสตมันไม่ได้แย่ แค่เหงาบางเวลาแต่นอกนั้นชิวๆ ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมาก อยากทำไรก็ทำ ไปไหนก็ไป แล้วมันคงไม่แปลกเนอะที่เราจะ 30 แล้วยังไม่ได้แต่งงาน
อายุจะ 30 แล้ว แต่ยังไม่มีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนเลย
เราเป็นคนสดใส (หรือเปล่า?) คิดว่าน่าจะนะ...แล้วก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีคนนึง แต่เมื่อก่อนตอนที่สมัยยังเป็นเด็กๆ เราเป็นคนเก็บกดมาก ไม่ชอบออกไปไหนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง มีปัญหาชีวิตครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ แม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับพ่อ พูดง่ายๆ คือคลุมถุงชน แต่แล้วพอมีเราแม่ก็หนีมากรุงเทพ ระหว่างที่แม่อยู่กรุงเทพก็อยู่อย่างอดๆ ยากๆ หาเช้ากินค่ำเหมือนคนทั่วๆ ไป (ตอนนั้นเราอยู่บ้านนอกคะ แม่หนีมากรุงเทพคนเดียว แล้วก็ให้ทางฝ่ายญาติๆ เลี้ยงเรา) เราไม่รู้นะระหว่างที่อยู่กรุงเทพแรกๆ มีคนคบหากี่คน แต่พอเราอายุประมาณ 6 ขวบเราก็มีพ่อเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน เขาเป็นพ่อเลี้ยงที่น่ารักมาก รักเราเหมือนลูกเลย แม่กับพ่อไปรับเราที่ ตจว เพื่อเอามาอยู่ด้วย ตอนนั้นเราย้ายบ้านบ่อยมาก เป็นบ้านเช่านะ ย้ายประมาณ 4-5 ครั้งได้ ครั้งล่าสุดก็ย้ายไปอยู่บ้านน้องสาวพ่อ
พอตอน 8-9 ขวบ แม่ก็ท้องน้อง เป็นน้องชาย แต่น้องเราโชคร้ายไม่มีโอกาสลืมตาโลกภายนอก แต่พออายุ 10 ขวบเราก็มีน้องอีกคนคนนี้โชคดีหน่อยมีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลกภายนอก ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็ก...เด็กทั่วๆ ไปที่ชอบการเล่น แต่แม่ก็พูดกรอกใส่หูอยู่ประจำว่าต้องเลี้ยงน้องนะ เป็นพี่ต้องให้น้อง ตอนเด็กๆ เราก็เลยมักขี้อิจฉา อะไรๆ ก็น้องก่อนเสมอ ไม่ชอบมากๆ เลย ทำไมต้องน้องด้วย เราก็อยากเล่นอะไรทำนองนี้ อ้อ แต่ระหว่างที่เราอยู่กับพ่อและแม่ เราก็มักเห็นทั้งคู่ทะเลาะกัน ทะเลาะกันทีไรเราก็นั่งอยู่เฉยๆ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รับฟังคำด่าทอซึ่งกันและกันตลอดเวลาเลย เลยทำให้เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บกดด้วย
แต่ก็ไม่นานแม่กับพ่อก็เลิกกัน รู้สึกว่าพ่อแอบไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย แม่กับพ่อก็แยกทางกันไป แต่ว่าแม่เป็นคนจนเลยเลือกที่จะทิ้งเราให้อยู่กับพ่อเลี้ยง แล้วก็ด้วยความโชคดีของเราอีกเช่นกันที่พ่อเลี้ยงรักเราเหมือนลูกคนนึง ไม่มีเรื่องการข่มขืนหรือกระทำอจารใดๆ มีแต่คอยดูแลและส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือ ต่อให้ไม่มีเงินจะกินก็ต้องเลี้ยงดูเราและน้อง แต่ตอนนั้นยังเด็กเราไม่สนใจอะไรนอกจากเล่นอย่างเดียว (ตามประสาเด็กนี่นะ) พอขึ้น ม.1 เราก็ยังคงเล่นๆ อยู่ แต่พอขึ้น ม. 2 ก็เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองต้องช่วยพ่อได้แล้วนะ (เพิ่งจะสำนึกแต่ก็ยังติดเพื่อนอยู่) จนขึ้น ม. 3 เราก็ตั้งใจเรียน แต่สุดท้ายเราก็สำนึกได้ในวันที่สายไป พ่อของเราเสียเพราะอุบัติเหตุ เราร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา สะอื้นในลำคอแต่น้ำตาไม่ไหล มันเจ็บปวดมากที่ต้องสูญเสียคนที่รักมากที่สุดไป แล้วพอแม่รู้ว่าพ่อเสียแม่ก็มาเอาเรากับน้องไปอยู่ด้วย
ตอนนั้นแม่ก็มีแฟนใหม่ เราไม่ค่อยชอบพ่อเลี้ยงคนที่ 3 เลย เขาไม่ได้ทำอะไรเรากับน้องหรอกแต่มันจะว่ายังไงดีละ มันรู้สึกไม่ถูกชะตาด้วยก็เท่านั้นเลยทำให้เรามองเขาแย่ๆ เขาดูสกปรก พูดคำหยาบ ทำให้เราไม่ชอบ แล้วเราก็กำลังหาที่เรียนใหม่ เราไม่อยากอยู่ตรงนี้เลยเลือกที่จะไปเรียนหอที่ ตจว. กลับมาบ้านก็อาทิตย์ละครั้ง เราอยู่โน่นก็ทำงานพิเศษที่รางโรงเรียนจ้างไปด้วย แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บเพราะส่วนใหญ่จะเอาไปเที่ยวซะมากกว่า (ช่วงนั้นหัวเลี้ยวหัวต่อ) แต่เราก็ไม่เสียคนนะ เราเริ่มหัดกินเหล้าก็ตอนที่ไปเรียนที่นั่นแหละ อ้อ แม่เราเป็นคนกินเหล้าเก่งด้วยนะ...ตอนที่อยู่กะพ่อเลี้ยงคนที่ 3 แม่เราก็ท้องอีก คราวนี้เป็นน้องชาย คงเป็นเพราะเราอยู่ที่ ตจว. ด้วยละมั้งเลยไม่ค่อยได้เลี้ยงเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นปัญหาเดิมๆ แม่กับพ่อเลี้ยงคนที่ 3 ทะเลาะกันแทบทุกวัน น่าเบื่อมาก เราเลยไม่ชอบที่จะอยู่บ้านเท่าไหร่
ขอข้ามไปตอนที่แม่กับพ่อเลี้ยงคนที่ 3 เลิกกันแล้วนะก็ตอนที่เราเรียนจบ ปวช. เราก็มาอยู่ห้องเช่ากับแม่เหมือนเดิม เป็นห้องเล็กๆ แต่อยู่กันสามคน แม่ เราและน้องสาว ส่วนน้องชายคนสุดท้องอยู่กับพ่อ ที่ไม่เอามาด้วยเพราะไม่มีปัญญาเลี้ยง แล้วเราก็เพิ่งเริ่มทำงาน ตอนจบ ปวช. เราอยากเรียนต่อมาก แต่เราก็ไม่มีเงินเลยต้องทำงานก่อน จนกระทั่งเราทำงานเกือบสองปี (ยังอยู่ห้องเช่าอยู่) เราก็มีโอกาสได้เรียน เราเลือกเรียน ปวส. สาขาที่ชอบ แต่เราเรียนวันอาทิตย์นะ เรียนแค่วันเดียว จันทร์ถึงเสาร์เราทำงาน วันอาทิตย์ก็เรียน จนกระทั้งสองปีผ่านไปเราก็เรียนจบ แล้วเราก็กู้ กยศ.เรียนต่อปริญญาอีก 2 ปี ระหว่างนั้นแม่ก็มีคนคบหาดูใจด้วย เป็นญาติของพ่อเลี้ยงคนที่ 2 ของเราเอง เราเรียกเขาว่าลุง ลุงก็เป็นคนดีมากช่วยเหลือเรากับแม่ตลอด พอเราเรียนจบปริญญาตอนอายุประมาณ 23-24 เราก็ทำงานก่อน (เงินเก็บก็ยังไม่มี) แล้วจากนั้นเราก็ซื้อบ้านร่วมกันกับแม่ในตอนอายุ 25-26 จนในที่สุดเราก็ได้ทาวน์เฮ้าท์สองชั้นมาครอบครองอยู่ในมือ เป็นบ้านหลังแรกของเรา ดีใจมาก ไม่ต้องอยู่ห้องเช่าแล้ว แม่ก็ได้แฟนดีเลยทำให้พอมีเงินอยู่บ้างไม่อดๆ ยากๆ เหมือนแต่ก่อน แต่ว่าพวกเขาก็เลิกกัน แล้วแม่ก็มีแฟนอีกคน (คนปัจจุบัน) เขาก็โอเค ดีอยู่เหมือนกัน คอยช่วยเหลือแม่ คอยให้เงินทำบ้าน ดูแลแม่ได้ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอแค่ให้ดูแลแม่เราได้ก็พอ
ส่วนเรา เราเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีแฟนนะ เรามีแฟนครั้งแรกก็อายุ 19 แล้วเขาก็เป็น ผช คนแรกของเรา แต่ที่หน้าเศร้าคือเรามันโง่เอง ตอนนั้นเราซื้อบื้อมาก แล้วก็ไม่สวย อ้วน เตี้ย ดำ เป็นคนขี้เหร่ครบสูตร ส่วน ผช เขาก็มีแฟนอยู่แล้วแต่เราไม่รู้ เลยกลายเป็นว่าเราเป็นเมียน้อยเขาช่วงหนึ่ง แต่เพราะรักมากเราเลยยอม แต่ความอดทนของคนเราก็มีขีดจำกัด เราเลิกกับเขาแล้วก็ใช้ชีวิตเป็นโสดอยู่จนอายุ 22 เราก็มีแฟนใหม่ คนนี้เราไม่ได้รัก มีอะไรกันเพราะความผิดพลาดของเราเอง แต่เพราะเขาคอยดูแลเราทุกอย่างยกเว้นเรื่องเงิน เขาดูแลในความรู้สึกเรานะ แต่ก็คบไม่ถึงปีก็เลิกกันเหตุเพราะว่า วันนึงน้องที่ทำงาน ชวนเราไปดูหนัง คือพวกเราไม่ได้คิดอะไรกัน เขาก็มีแฟนของเขา เราก็มีแฟนของเรา เป็นแค่พี่น้องกันเฉยๆ พอดูจบเราก็ถามเขาว่ากลับยังไง เขาก็บอกว่านั่งแท็กซี่มา เราเลยเห็นว่า เฮ้ย ตอนมาก็นั่งแท็กซี่มา ตอนกลับก็นั่งแท็กซี่กลับ อีกอย่างบ้านน้องมันก็เป็นทางผ่านของบ้านเรา (ตอนนั้นยังอยู่ห้องเช่า) เลยไปส่งแล้วก็กลับ วันต่อมาข่าวลือของเรากับน้องเขานี่กระฉ่อนไปทั่วเลย มีคนพูดไปต่างๆ นาๆ ว่าเรากับน้องเขามีอะไรกันแล้ว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ไปส่งแค่นั้น จนเป็นเหตุให้เราเลิกกับแฟน ทั้งๆ ที่เราเริ่มที่จะรักเขามากแล้ว คิดว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ทุกอย่างกลับไม่ใช่สักนิด แล้วเราก็ยอมโง่ ยอมเป็นควายเพราะความรัก ยอมที่จะเป็น ผญ ของเขา อยากได้เราเมื่อไหร่ก็เอา ทั้งๆ ที่เขาพอเลิกกับเราก็มีคนใหม่ ปล่อยให้เราเจ็บช้ำอยู่คนเดียว เราก็ทนนะ จนในที่สุดเราก็เลิกทนตอนอายุ 26 (ตอนนั้นซื้อบ้านแล้ว)
พอมีบ้านเป็นของตัวเองเราก็อยู่กับเน็ต อยู่กับเฟส เราก็รู้จัก ผญ คนนึงในเฟส ทั้งเธอและเรามีนิสัยที่แตกต่างกันมาก เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบมาตลอด เป็นคนที่มีอดีตคล้ายๆ กันเลยทำให้เรารู้สึกดีๆ กับเธอ แล้วเราก็ตกลงคบกัน (เราเป็นคนบอกความรู้สึกตัวเองก่อนแบบว่าทนไม่ไหว) ทั้งๆ ที่เราก็รู้นะว่าเธอคนนี้มีกิ๊กที่อยู่ในเฟสกี่คน แต่ทุกคนเธอก็บอกว่าเล่นๆ ไม่มีอะไรมาก แต่สุดท้ายแล้วความรักของเรากับ ผญ คนแรกที่เราคบก็ไปด้วยกันไม่รอด จบลงเพียงแค่ 3 เดือน (อันนี้ไม่ขอเล่าละกัน) แต่เรากับเธอก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่แค่เปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นเพื่อนก็เท่านั้น แรกๆ ที่เลิกกันก็ยังทำใจไม่ได้ ยังคงแอบหึง แอบหวงอยู่ แต่ก็แค่แรกๆ เท่านั้นนะ ตอนนี้เฉยๆ แล้ว เรามาลองคิดๆ ดู ความจริงแล้วมันอาจไม่ใช่ความรักก็ได้ที่เรารู้สึกกับเธอ เพราะเป็น ผญ เหมือนกัน มีอดีตที่ใกล้เคียงกันแต่ของเธอหนักกว่า เราสองคนต่างก็เป็นขั่วบวกกับขั่วลบ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย เลยดึงดูดกันหรือเปล่า?
จนตอนนี้เราอายุ 28 จะ 29 แล้ว เราก็ยังไม่แต่งงาน เรามองเพื่อนๆ เรานะที่มีแฟน มีลูก มีครอบครัว เราก็อิจฉานะ อยากมีโมเม้นแบบนั้นบ้าง แต่จะว่ายังไงดีละ เพราะเราเป็นเด็กเก็บกดมาก่อน และอดีตของเราทำให้เราไม่อยากมีครอบครัว อีกนัยเพราะเรายังไม่พร้อมด้วยละมั้ง ไม่มีคนดูแลเราและครอบครัวของเราได้ ทุกคนที่เข้าหาเราล้วนแค่ต้องการเซ็กส์กับเรา
กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เราก็ผ่านอะไรมาเยอะ แม่ของเราก็จนและถูกดูถูกมาก่อน แล้วเราก็เป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงซะด้วย พอผิดหวังจากเรื่องความรักหลายๆ ครั้งเลยทำให้เราเข็ดด้วยละมั้ง เลยทำให้เราโสดแบบนี้ คนมาจีบก็มีนะแต่เราไม่เอา ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าสวยเลือกได้นะ เราขี้เหร่ ตัวเตีย สูงแค่ 152 อ้วน เมื่อก่อน นน. 70 ดำ ฟันก็เหยิน แบบครบสูตรความขี้เหร่เลย (ตอนนี้ดัดฟันอยู่) พยายามทำตัวเองให้สวย เมื่อก่อนเราเป็นแบบนั้น แต่เราก็พยายามลด น้ำหนัก กินยาลดความอ้วนจนตอนนี้เรา นน. 55 อยากทำตัวเองให้ดูดีที่สุด แต่เราก็ยังโสด ฮ่าๆ
นี่นะ ถ้ากะว่า 40 ยังไม่แต่งงานจะรับเลี้ยงลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมสักคน
การอยู่เป็นโสตมันไม่ได้แย่ แค่เหงาบางเวลาแต่นอกนั้นชิวๆ ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมาก อยากทำไรก็ทำ ไปไหนก็ไป แล้วมันคงไม่แปลกเนอะที่เราจะ 30 แล้วยังไม่ได้แต่งงาน