เนื่องจากทางครอบครัวของเราได้ใช้บริการ ธนาคารไทยพานิชย์มาโดยตลอด อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2005 โดยเริ่มจากสามีของเราได้เปิดปัญชีกับสาขาย่อย กะตะ ตั้งแต่ วันที่ 25 ตุลาคม 2548
และหลังจากนั้นได้ปิดบัญชี และ เปิดเป็นชื่อของของเรา ตั้งแต่ วันที่ 28 มิถุนายน 2549 โดยมีการเคลื่อนไหวในบัญชีตลอดมาเป็นเวลา รวมทั้งสิ้น 8 ปีแล้ว สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนชื่อนั้นเนื่องจากสามีอายุมากแล้วกลัวว่าถ้าเกิดเป็นอะไรไปเราจะได้ไม่ต้องมายุ่งยากทีหลัง
แต่ว่ามีเหตุการณ์ผิดปรกติ กับบัญชีของเราในช่วงต้นปีที่แล้ว คือ มีคนสามารถถอนเงินจากบัญชีของเรา โดยที่สมุดธนาคาร และ ATM ก็ยังอยู่กับเราตลอด และที่สำคัญเรากับสามีก็อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ตามรายการด้านล่างนี้
วันที่ 3 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
วันที่ 4 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
วันที่ 5 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
ในวันที่ 5 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เราได้รับโทรศัพท์จากพนักงานธนาคารไทยพานิชย์ คุณประวิทย์กร ว่าบัญชีผิดปกติ เราจึงทำการ อายัดบัตร ATM และได้ทำการ update สมุดธนาคาร ในวันที่ 6 มกราคม 2555 จึงทราบว่าเงินในบัญชีโดนถอนไปจริง จึงได้ทำการ แจ้งความในเวลาต่อมา และเข้าไปติดต่อกับทางสาขากะตะเพื่อให้ช่วยดำเนินการ แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่มากนอกจากรอ ให้ทางธนาคารติดต่อเข้ามา ซึ่งความคืบหน้าเป็นดังนี้
วันที่ 19 มกราคม 2555 เข้าไปดู VDO วงจรปิดที่สาขากะตะ ว่าคนที่ไปถอนเงินจากบัญชีของเราเป็นคนที่เรารู้จักหรือเปล่า ซึ่งได้แจ้งทางธนาคารไปแล้ว ว่าเราไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเลย จากนั้นธนาคารฯก็ให้รอต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา จนกระทั้ง ปลายเดือน มกราคม 2555 เราจึงโทรศัพท์ไปถามความคืบหน้าว่าทางธนาคารจะชดใช้อย่างไร แต่ก็ได้รับการปฏิเสธการชดใช้ ซึ่งเราไม่สามารถยอมรับถึงการดูแลแบบนี้ได้ ทางพนักงาน คุณภิญโญ จึงรับปากจะคุยกับทางผู้บริหารให้
วันที่ 10 มกราคม 2555 เราได้โทรศัพท์ไปเช็คความคืบหน้าเนื่องจากไม่มีการติดต่อจากธนาคารอีกก็ได้รับคำตอบว่า ธนาคารสามารถชดใช้ให้ 30% ของยอดเงินที่หายไป ซึ่งเราก็ยังไม่สามารถยอมรับได้ คุณภิญโญจึงรับปากว่าจะเจรจาอีกครั้งหนึ่งและนัดฟังผลอีกทีใน
วันที่ 16 มกราคม 2555 เราได้โทรศัพท์ไปเช็คอีกรอบหลังจากที่ไม่ได้การติดต่อจากธนาคารอีกเช่นเคย ก็ยังได้รับการยืนยันเช่นเดิมว่าทางธนาคารจะสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งเราไม่สามรถยอมรับการบริการเช่นนี้ได้ เนื่องจาก
เราเชื่อว่าธนาคารไทยพานิขย์เป็นธนาคารที่ดีที่สุดแล้ว และได้มีการใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเราก็ได้รับจดหมายยืนยันจากทางธนาคารว่าไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายได้เนื่องจากเราให้คนอื่น (สามีที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายเสมือนคนๆเดียวกัน)ไปกดเงินเกิน 3 ครั้ง เราคิดว่าถ้าทางธนาคารอยากจะชดใช้และรับผิดชอบบ้าง คงจะไม่เอาข้อนี้มาอ้างเพราะว่าถ้าดูจากประวัติจริงๆ สามีจะเป็นคนกดเงินเอง 95% นอกจากเราจะใช้เงินจำนวนมาถึงจะไปทำการถอนเองโดยตรง จากวันนั้นผ่านมา 1 ปีกับ 8 เดือนแล้ว ที่เราก็ยังรอว่าธนาคารจะมีอะไรคืบหน้าบ้าง แต่ก็ยังเงียบ
ใครเคยฝากเงินไว้กับธนาคารแล้วโดนมิจฉาชีพถอนเงินไป แล้วธนาคารเพิกเฉย โดยไม่รับผิดชอบมั่ง เอามาแชร์กัน
และหลังจากนั้นได้ปิดบัญชี และ เปิดเป็นชื่อของของเรา ตั้งแต่ วันที่ 28 มิถุนายน 2549 โดยมีการเคลื่อนไหวในบัญชีตลอดมาเป็นเวลา รวมทั้งสิ้น 8 ปีแล้ว สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนชื่อนั้นเนื่องจากสามีอายุมากแล้วกลัวว่าถ้าเกิดเป็นอะไรไปเราจะได้ไม่ต้องมายุ่งยากทีหลัง
แต่ว่ามีเหตุการณ์ผิดปรกติ กับบัญชีของเราในช่วงต้นปีที่แล้ว คือ มีคนสามารถถอนเงินจากบัญชีของเรา โดยที่สมุดธนาคาร และ ATM ก็ยังอยู่กับเราตลอด และที่สำคัญเรากับสามีก็อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ตามรายการด้านล่างนี้
วันที่ 3 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
วันที่ 4 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
วันที่ 5 มกราคม 2555 จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยถอนที่พัทยา (เราและสามีอยู่ที่ภูเก็ต ทั้งสองคน)
ในวันที่ 5 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เราได้รับโทรศัพท์จากพนักงานธนาคารไทยพานิชย์ คุณประวิทย์กร ว่าบัญชีผิดปกติ เราจึงทำการ อายัดบัตร ATM และได้ทำการ update สมุดธนาคาร ในวันที่ 6 มกราคม 2555 จึงทราบว่าเงินในบัญชีโดนถอนไปจริง จึงได้ทำการ แจ้งความในเวลาต่อมา และเข้าไปติดต่อกับทางสาขากะตะเพื่อให้ช่วยดำเนินการ แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่มากนอกจากรอ ให้ทางธนาคารติดต่อเข้ามา ซึ่งความคืบหน้าเป็นดังนี้
วันที่ 19 มกราคม 2555 เข้าไปดู VDO วงจรปิดที่สาขากะตะ ว่าคนที่ไปถอนเงินจากบัญชีของเราเป็นคนที่เรารู้จักหรือเปล่า ซึ่งได้แจ้งทางธนาคารไปแล้ว ว่าเราไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเลย จากนั้นธนาคารฯก็ให้รอต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา จนกระทั้ง ปลายเดือน มกราคม 2555 เราจึงโทรศัพท์ไปถามความคืบหน้าว่าทางธนาคารจะชดใช้อย่างไร แต่ก็ได้รับการปฏิเสธการชดใช้ ซึ่งเราไม่สามารถยอมรับถึงการดูแลแบบนี้ได้ ทางพนักงาน คุณภิญโญ จึงรับปากจะคุยกับทางผู้บริหารให้
วันที่ 10 มกราคม 2555 เราได้โทรศัพท์ไปเช็คความคืบหน้าเนื่องจากไม่มีการติดต่อจากธนาคารอีกก็ได้รับคำตอบว่า ธนาคารสามารถชดใช้ให้ 30% ของยอดเงินที่หายไป ซึ่งเราก็ยังไม่สามารถยอมรับได้ คุณภิญโญจึงรับปากว่าจะเจรจาอีกครั้งหนึ่งและนัดฟังผลอีกทีใน
วันที่ 16 มกราคม 2555 เราได้โทรศัพท์ไปเช็คอีกรอบหลังจากที่ไม่ได้การติดต่อจากธนาคารอีกเช่นเคย ก็ยังได้รับการยืนยันเช่นเดิมว่าทางธนาคารจะสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้เพียง 30% เท่านั้น ซึ่งเราไม่สามรถยอมรับการบริการเช่นนี้ได้ เนื่องจาก
เราเชื่อว่าธนาคารไทยพานิขย์เป็นธนาคารที่ดีที่สุดแล้ว และได้มีการใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเราก็ได้รับจดหมายยืนยันจากทางธนาคารว่าไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายได้เนื่องจากเราให้คนอื่น (สามีที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายเสมือนคนๆเดียวกัน)ไปกดเงินเกิน 3 ครั้ง เราคิดว่าถ้าทางธนาคารอยากจะชดใช้และรับผิดชอบบ้าง คงจะไม่เอาข้อนี้มาอ้างเพราะว่าถ้าดูจากประวัติจริงๆ สามีจะเป็นคนกดเงินเอง 95% นอกจากเราจะใช้เงินจำนวนมาถึงจะไปทำการถอนเองโดยตรง จากวันนั้นผ่านมา 1 ปีกับ 8 เดือนแล้ว ที่เราก็ยังรอว่าธนาคารจะมีอะไรคืบหน้าบ้าง แต่ก็ยังเงียบ