เกร็ดสามก๊ก ๙ ต.ค.๕๖

กระทู้สนทนา
เกร็ดสามก๊ก

  
  

ผู้พิทักษ์เสฉวน (๙)

ผู้พิทักษ์เสฉวน

ตอนที่ ๙ สิ้นวาสนาสิ้นแผ่นดินก็สิ้นชีพ

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อ พระเจ้าเล่าเสี้ยน ได้ยอมอ่อนน้อมต่อ เตงงาย ผู้ซึ่งเป็นปลัดทัพของ สุมาเจียว มหาอุปราชแห่งวุยก๊ก และยกเมืองเสฉวนที่ได้ครอบครองมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเล่าปี่ เป็นเวลานานถึงสี่สิบปีให้โดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว เกียงอุย แม่ทัพใหญ่ของเมืองเสฉวน ที่อยู่ทางด่านเกียมโก๊ะ ก็ยอมอ่อนน้อมต่อ จงโฮย แม่ทัพใหญ่ของฝ่ายวุยก๊กด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อจงโฮยหลงคารม ปล่อยตัวให้มาปกครองทหารรักษาด่านตามเดิม ก็คิดวางแผนใต้ดิน ที่จะทำลายกองทัพของจงโฮยและเตงงาย เพื่อปลดแอกให้เสฉวนต่อไป

พอดีกับเตงงายปกครองขุนนางและทหารเมืองเสฉวนเรียบร้อย และแต่งตั้งให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นที่ แพ้วกี๋จงกุ๋น แล้วตนเองก็ยกไปตั้งมั่นอยู่ที่เมืองกิมโก๊ะ และมีหนังสือแจ้งแก่สุมาเจียวมหาอุปราช ณ เมืองลกเอี๋ยงหรือวุยก๊กว่า การโจมตีเมืองเสฉวนนั้น ทะแกล้วทหารทั้งปวงได้รับความยากลำบาก บอบช้ำอิดโรยนัก จะขอพักทหารยับยั้งอยู่ที่เมืองเสฉวนให้มีความผาสุขก่อน

สำหรับทรัพย์สินสิ่งของทั้งปวงใน เสฉวน ที่ยึดไว้ได้นั้น ถ้าจะส่งมาให้ก่อนก็เห็นว่าหนทางไกล เกลือกจะเป็นอันตรายในกลางทาง จึงขอรวบรวมเอาไว้ก่อน และต่อไปถ้าทหารแข็งแรงดีแล้วก็คิดจะยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งเสียเลย เพราะ พระเจ้าซุนฮิว พันธมิตรของพระเจ้าเล่าเสี้ยน รู้ว่าเมืองเสฉวนเสียแก่วุยก๊กแล้ว ก็คงไม่อาจจะทำแข็งขืนอยู่ได้ ดีร้ายจะเข้ามาอ่อนน้อม ก็จะได้เมืองกังตั๋งโดยง่ายดาย

หากทำได้สำเร็จตามนี้แล้ว จึงจะยกกองทัพกลับมาคำนับมหาอุปราชต่อไป

สุมาเจียวได้รับหนังสือแล้วก็เกิดความระแวงแคลงใจ ว่าเตงงายจะมีใจกำเริบ หวังจะตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองเสฉวน มิได้คิดกลับมา จึงมีหนังสือตอบไปเป็นข้อรับสั่งของ พระเจ้าโจฮวน แต่งตั้งให้เตงงายเป็นที่ ท้ายอุ้ย มีศักดินาหมื่นหนึ่ง

และมีหนังสือส่วนตัวอีกฉบับ ความว่า ซึ่งจะทำสงครามไปภายหน้านั้น จงบอกกล่าวให้ทราบก่อน อย่าทำแต่อำเภอน้ำใจให้ผิดขนบธรรมเนียม

เตงงายก็ยืนยันตามความตั้งใจเดิม แม้จะได้รับโทษก็ยอม สุมาเจียวก็ยิ่งมีความสงสัยมากขึ้น จึงหารือกับที่ปรึกษาว่า เตงงายมีหนังสือว่าจะทำการตามอำเภอใจเช่นนี้ ก็เพราะมีใจกำเริบคิดจะประทุษร้ายเป็นมั่นคง ที่ปรึกษาก็เห็นด้วย

จึงมีรับสั่งให้ตั้งจงโฮยเป็นที่ ปูเต๋า ใหญ่กว่าเตงงายเพื่อให้คอยดูแล ถ้าเตงงายจะตั้งตัวเป็นใหญ่ จงโฮยจะได้ขัดขวาง และให้ อุยก๋วน ขุนนางผู้ใหญ่ ออกไปเป็นผู้กำกับทหารทั้งสองกองอีกชั้นหนึ่งด้วย

จงโฮยได้รับสั่งแล้ว ก็ปรึกษาเกียงอุยว่า สุมาเจียวแต่งตั้งให้เตงงายซึ่งมีความชอบมากกว่าอยู่ในตำแหน่งต่ำ แต่แต่งตั้งให้ตนซึ่งมีความชอบน้อย เป็นตำแหน่งสูง และให้อุยก๋วนเป็นผู้กำกับกองทัพ คงสงสัยว่าเตงงายจะเป็นขบถแน่

เกียงอุยได้ทีก็เลยยุแหย่ต่อไปอย่างละเอียดละเมียดละมัย ว่า

"......ข้าพเจ้าก็รู้อยู่แต่ก่อนมา ว่าเตงงายคนนี้เป็นบุตรของชาวนาตระกูลต่ำอยู่ดอก ครั้งนี้วาสนาเทวดาช่วยบอกให้ยกไปทางอิมเป๋งจึงได้เมืองเสฉวนถึงมาทว่ากระนั้นก็ดี แม้ข้าพเจ้ามิมารบพุ่งติดพันอยู่กับท่านที่นี่ ก็ที่ไหนเตงงายจะได้เมือง เสฉวนง่าย ๆ ความชอบก็จะกลับได้แก่ท่านเป็นมั่นคงอีก บัดนี้เตงงายสำคัญว่า ทำการด้วยปัญญาความคิดของตัว จึงมีใจกำเริบบังอาจตั้งแต่งเล่าเสี้ยนให้เป็นที่ แพ้วกี๋จงกุ๋นตามอำเภอใจเองมิยำเกรงมหาอุปราชทั้งนี้ปรารถนาจะเอาใจอาณาประชาราษฎร ให้มีความสรรเสริญรักใคร่ตัวหวังว่าจะเป็นใหญ่ ซึ่งสุมาเจียวมหาอุปราชมีความสงสัยนั้น ก็ชอบอยู่....."

จงโฮยได้ฟังเกียงอุยเจรจาเคลือบคำหวานหูโดยสุภาพดังนั้น ก็เชื่อถือมิได้คิดรังเกียจประการใดเลย เกียงอุยก็ถือโอกาสขอปรึกษาความลับด้วย โดยให้ทหารทั้งปวงออกไปเสียข้างนอก แล้วก็เอาแผนที่เมืองเสฉวนของขงเบ้ง ออกมาให้จงโฮยดู พร้อมกับสำทับว่า พระเจ้าเล่าปี่ได้แผนที่นี้จึงเข้าตีได้เมืองเสฉวน แต่ก็ได้ด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเตงงายเมื่อได้เมืองเสฉวนแล้ว จึงคิดการกำเริบ เพราะเห็นว่าผู้อื่นจะเข้าไปกำจัดได้ยาก

จงโฮยก็เลยถามว่า ทำอย่างไรจึงจะกำจัดเตงงายลงได้ เกียงอุยก็แนะนำว่า ถ้าจะกำจัดเตงงายอย่าทำด้วยตนเองให้มีหนังสือไปถึงสุมาเจียวว่าเตงงายคิดขบถเสียก่อน เมื่อสุมาเจียวสั่งให้จัดการ ก็จะได้คิดการทำไปตามคำสั่งไม่มีข้อขัดข้อง จงโฮยก็รีบจัดการตามนั้นทันที

พอสุมาเจียวได้รับหนังสือของจงโฮย ก็นำความขึ้นกราบทูลให้พระเจ้าโจฮวนทรงทราบ จึงมีรับสั่งถึงจงโฮย ให้คิดอ่านกำจัดเตงงายเสียให้จงได้ และให้ กาอุ้น ยกพลสามหมื่นเป็นทัพหน้า แล้วสุมาเจียวก็เชิญเสด็จพระเจ้าโจฮวน เป็นทัพหลวง ยกออกจากเมืองวุยก๊ก ไปตั้งอยู่ที่เมืองเตียงฮัน

ฝ่ายจงโฮยปรึกษาหารือเกียงอุยแล้ว ก็ขอให้อุยก๋วนยกทหารไปกำจัดเตงงาย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอุยก๋วนมีฝีมืออ่อนกว่าเตงงายมาก ก็เพื่อว่าเมื่อเตงงายฆ่าอุยอ๋วนเสียแล้ว ก็จะเป็นขบถจริงจะได้ออกไปกำจัดเสียเอง

อุยก๋วนก็ยกทหารไปตามคำ แม้จะมีทหารทัดทานว่าจะตกเป็นเหยื่อให้จงโฮย ก็มิได้หวั่นกลัว คิดอุบายแต่งหนังสือให้คนถือไปให้ขุนนางและทหารในเมืองกิมโก๊ะก่อนในตอนค่ำ มีความว่า บัดนี้เตงงายคิดมิชอบ พระเจ้าโจฮวนมีรับสั่งให้เรายกมากำจัดเสีย แต่ทหารทั้งปวงซึ่งหามีความผิดไม่ ก็หาได้ให้ทำอันตรายไม่ ถ้าผู้ใดเข้านบนอบต่อเราโดยปกติ ก็จะทำนุบำรุงผู้นั้นตามความชอบ ถ้าผู้ใดมิมาคำนับกลับไปเป็นพวกเตงงาย ก็จะจับตัวมาประหารชีวิตเสีย

พอรุ่งเช้าเมื่ออุยก๋วนยกมาถึงเมือง ทหารทั้งปวงก็ชวนกันมาคำนับสิ้น เตงงายนอนหลับอยู่มิรู้ตัว อุยก๋วนก็คุมทหารประมาณเจ็ดสิบคน รีบเข้าไปถึงที่อยู่ จับตัวเตงงายและ เตงเต๋ง บุตรชาย มัดใส่เกวียนจำไว้ แม้ว่าทหารที่เป็นพวกของเตงงาย จะจับอาวุธเข้าต่อสู้ชิงตัวสองพ่อลูก ก็พอดีจงโฮยยกทหารตามมาถึง เลยต้องแตกพ่ายหนีกระจัดกระจายไปหมด จงโฮยเห็นเตงงายถูกมัดอยู่ในเกวียนจำ ก็เอาด้ามทวนเคาะศีรษะ

เกียงอุยก็พลอยเยาะเย้ยซ้ำเติมคู่แค้นเก่าว่า วันนี้ท่านถึงที่แล้วหรือ จึงได้มาในเกวียนจำ เหตุใดมิทำการแก้ตัวเล่า เตงงายโกรธก็ร้องด่าสวนออกมาอย่างหยาบคายหลายประการ เพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้มากไปกว่านั้น

จงโฮยก็ให้ทหารคุมตัวเตงงายกับบุตรชาย ไปส่งให้สุมาเจียวที่เมือง เตียงฮัน แล้วตนเองก็พาอุยก๋วนกับเกียงอุยเข้าไปในเมืองเสฉวนสั่งให้ริบทรัพย์สมบัติทั้งปวงของเตงงายไว้หมด ส่วนทหารทั้งหลายก็เข้ามานบนอบต่อจงโฮยทั้งสิ้น จงโฮยจึงคุยกับเกียงอุยว่า ถ้ามีวาสนาตัวไม่ตาย ก็สามารถทำอะไรได้สำเร็จ ตามความปรารถนาทุกประการ

เกียงอุยก็ลองหยั่งเชิงดูว่า

".....อันวาสนาของท่าน ข้าพเจ้าก็เห็นประจักษ์ปรากฏอยู่แล้ว ตัวท่านทำความชอบครั้งนี้ก็หนักหนา บุตรของท่านสองคนก็ยังหาความชอบมิได้ ซึ่งท่านจะทำการเอาความชอบสืบไปนั้น ขอยกไว้ให้บุตรท่านทำการเอาความชอบเถิด ท่านอุตส่าห์ทำการมาครั้งนี้ ก็ปรารถนาออกตัวอยู่ให้เป็นสุข ก็ได้สำเร็จประโยชน์แล้ว จะทำการสืบไปใยเล่า...."

จงโฮยก็แย้งว่าอายุยังมิถึงสี่สิบยังจะละความเพียรเสียมิได้ ปรารถนาจะคิดการให้ใหญ่หลวง ให้ปรากฏชื่อไว้ต่อไปอีก เกียงอุยก็เลยยุส่งไปว่า

"...ถ้าท่านมีความปรารถนาดังนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นวาสนาท่านมากอยู่สมควรแล้ว บัดนี้ทหารทั้งปวงก็พรักพร้อม ถึงท่านจะคิดสิ่งใดก็สำเร็จ ขอให้เร่งทำการตามแผนที่ ซึ่งข้าพเจ้าให้แก่ท่านนั้นเถิด”

จงโฮยก็ตบมือหัวเราะแล้วว่า เกียงอุยเจรจาสิ่งใด ก็รู้อัธยาศัยต้องใจทุกประการ แล้วก็เลยให้เกียงอุยเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ร่วมวางแผนกันทั้งวันทั้งคืน เพื่อทำการต่อไป ในขณะเดียวกันเกียงอุยก็ลอบให้คนถือหนังสือไปกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน ให้อดทนไปก่อน จะแก้ไขเอาเมืองเสฉวนคืนให้จงได้

สุมาเจียวนั้นก็มีหนังสือมากำชับไปถึงจงโฮยว่าได้ยกกองทัพมาถึงเมืองเตียงฮันแล้ว ถ้าราชการขัดข้องอย่างไรก็บอกไป จะได้ยกทหารมาช่วย จงโฮยก็บอกกับเกียงอุยว่า มหาอุปราชก็รู้ว่ามีทหารมากกว่าเตงงายถึงสองสามเท่า เหตุใดจึงยกทัพมาสกัดหลังไว้อีก ชะรอยจะไม่ไว้วางใจกันเสียแล้ว

เกียงอุยก็แหย่ว่า

".....อันธรรมดานายมีความสงสัยบ่าวฉะนี้แล้ว ก็ย่อมมีอันตรายมาถึงเป็นมั่นคง....ขอท่านเร่งคำนึงดูเถิด...."

จงโฮยก็เปิดเผยความในใจว่า

"...เราก็วิตกอยู่ ถ้าฉะนั้นแล้วจะนิ่งตายต้องการอันใด เราก็จะคิดทำการต่อไป ตั้งตัวให้ได้ แม้เดชะวาสนาก็จะได้ราชสมบัติ ถ้ามิสำเร็จดังคิดก็จะกลับเข้าตั้งอยู่ในเมืองเสฉวนอย่างเล่าปี่ จะไม่ได้เจียวหรือ....."

เกียงอุยก็แนะนำว่าในขั้นแรกต้องเกลี้ยกล่อมทหารว่า สุมาเจียวเป็นผู้ฆ่าพระเจ้าโจมอ ชิงราชสมบัติให้ผู้อื่น ขอให้ช่วยกันกำจัดเสีย ถึงทหารจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องประกาศไว้ก่อน เพราะแม้กำลังความคิดของจงโฮยผู้เดียว จะคิดเอาเมืองวุยก๊กก็ไม่ยากนัก จงโฮยก็เห็นชอบจึงตั้งให้เกียงอุยเป็นกองหน้า เข้ารบกับสุมาเจียว เมื่อการสำเร็จแล้ว จะได้แบ่งปันกันอยู่เป็นสุขตามวาสนา

เกียงอุยก็ว่าทหารทั้งหลายคงไม่เต็มใจ จะอยู่ในบังคับบัญชาของตน จงโฮยก็รับรองว่าไม่ต้องวิตก

รุ่งขึ้นเป็นวันตรุษ จงโฮยก็เรียกประชุมขุนนาง จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดู แล้วก็แจ้งว่า บัดนี้ นางกวยทายเฮา มารดาของ พระเจ้าโจฮอง ซึ่งได้ยกราชสมบัติให้แก่พระเจ้าโจมอ มีหนังสือมาขอให้ช่วยกำจัดสุมาเจียวเสีย ใครจะมีความเจ็บร้อนแทนเจ้า กระทำตามรับสั่งหรือมิทำประการใด ขุนนางและนายทหารทั้งปวง ก็นั่งก้มหน้านิ่งอยู่

จงโฮยจึงชักกระบี่ออกชูขึ้นร้องประกาศว่าผู้ใดขัดแข็งมิทำตามจะตัดศรีษะเสียพวกทหารกลัวอาญาก็ซังกะตายรับคำ

จงโฮยจึงให้เอาพวกขุนนางไปขังไว้ก่อน และให้ทหารคนสนิทเป็นผู้คุม เกียงอุยก็เตือนว่า ผู้ที่รับคำก็อาจจะแกล้งรับไปแต่ปาก ขอให้สอบถามดูให้แน่ ถ้าใครไม่เต็มใจก็ควรจะขุดหลุมฝังเสียจึงจะชอบ จงโฮยก็ว่าได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ใครมิปลงใจด้วยก็จะให้เอากระบอง ทุบต้นคอฝังเสียเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่