สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
การที่หลักของ Genus-System ในหลายภาษายุโรปยังคงสืบทอดอยู่ได้ทุกวันนี้ย่อมต้องมีข้อดีอยู่บ้าง มิฉะนั้นก็คงจะสูญหายตายจากกันไปหมดแล้ว เหตุผลสำคัญที่สุดคือการบ่งบอกเพศสามารถทำให้เข้าใจประโยคได้อย่างชัดเจนในทันที ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1) Maria fotografierte Hans vor dem Haus, als er / sie / es 10 Jahre alt war.
ถ้าในประโยคนี้ไม่มีคำสรรพนามที่บ่งบอกเพศ แต่ใช้คำสรรพนามเพียงหนึ่งเดียว เราจะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ใครกันแน่ที่มีอายุ 10 ปี - Maria หรือ Hans หรือ das Haus
2) Der Krug fiel in die Schale, aber er / sie zerbrach nicht.
ประโยคนี้ยิ่งเห็นชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษซึ่งไม่มีเพศใช้อีกแล้ว จะเป็นดังนี้
The jug fell into the bowl, but it did not break. สรรพนาม it ในที่นี้ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าหมายถึง the jug หรือ the bowl
ในขณะที่ภาษาเยอรมันข้างบนนั้น อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าจะให้หมายความถึง er คือ der Krug หรือ sie คือ die Schale
สรุปท้ายที่นี้ว่า :- ภาษายุโรปที่ยังคงหลักการ Genus-System ไว้นั้นยังมีอีกหลายภาษา ที่มี 3 เพศ ได้แก่ ละติน เยอรมัน กรีก ดัทช์ โปลิช รัสเซีย ฯลฯ ที่มี 2 เพศ ได้แก่ อิตาเลี่ยน สเปนิช ฝรั่งเศส โปรตุกีส ฯลฯ
ภาษาอังกฤษนั้นเมื่อเริ่มแรกในภาษาดั้งเดิมที่เรียกว่า Old English ก็มี 3 เพศเหมือนกันเพราะเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ Germanic หรือ ภาษาเยอรมัน แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษได้กลายมาเป็นภาษานานาชาติที่คนใช้มากที่สุดในโลก จึงเริ่มมีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงด้วยสาเหตุที่การเรียนภาษาที่ 2 ของคนต่างชาตินั้นจะประสบความยากลำบากในการเรียนและจดจำในระบบ Genus-System จึงเป็นผลให้หลักการใช้ภาษาค่อยๆ ถูกตัดทอนลงเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ ทำให้ระบบเพศของคำนามสูญหายไปเหลือแค่คำสรรพนามที่บ่อกเพศ he, she, it เท่านั้น
เช่นเดียวกับภาษาเปอร์เซีย ซึ่งแต่เดิมก็มี 3 เพศเหมือนกัน แต่ถูกอิทธิพลของภาษาอาหรับเข้ามามีอิทธิพลจนต้องละทิ้งระบบเพศของคำนามไปในที่สุดเช่นกัน
1) Maria fotografierte Hans vor dem Haus, als er / sie / es 10 Jahre alt war.
ถ้าในประโยคนี้ไม่มีคำสรรพนามที่บ่งบอกเพศ แต่ใช้คำสรรพนามเพียงหนึ่งเดียว เราจะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ใครกันแน่ที่มีอายุ 10 ปี - Maria หรือ Hans หรือ das Haus
2) Der Krug fiel in die Schale, aber er / sie zerbrach nicht.
ประโยคนี้ยิ่งเห็นชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษซึ่งไม่มีเพศใช้อีกแล้ว จะเป็นดังนี้
The jug fell into the bowl, but it did not break. สรรพนาม it ในที่นี้ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าหมายถึง the jug หรือ the bowl
ในขณะที่ภาษาเยอรมันข้างบนนั้น อ่านแล้วเข้าใจทันทีว่าจะให้หมายความถึง er คือ der Krug หรือ sie คือ die Schale
สรุปท้ายที่นี้ว่า :- ภาษายุโรปที่ยังคงหลักการ Genus-System ไว้นั้นยังมีอีกหลายภาษา ที่มี 3 เพศ ได้แก่ ละติน เยอรมัน กรีก ดัทช์ โปลิช รัสเซีย ฯลฯ ที่มี 2 เพศ ได้แก่ อิตาเลี่ยน สเปนิช ฝรั่งเศส โปรตุกีส ฯลฯ
ภาษาอังกฤษนั้นเมื่อเริ่มแรกในภาษาดั้งเดิมที่เรียกว่า Old English ก็มี 3 เพศเหมือนกันเพราะเป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับ Germanic หรือ ภาษาเยอรมัน แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษได้กลายมาเป็นภาษานานาชาติที่คนใช้มากที่สุดในโลก จึงเริ่มมีการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงด้วยสาเหตุที่การเรียนภาษาที่ 2 ของคนต่างชาตินั้นจะประสบความยากลำบากในการเรียนและจดจำในระบบ Genus-System จึงเป็นผลให้หลักการใช้ภาษาค่อยๆ ถูกตัดทอนลงเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ ทำให้ระบบเพศของคำนามสูญหายไปเหลือแค่คำสรรพนามที่บ่อกเพศ he, she, it เท่านั้น
เช่นเดียวกับภาษาเปอร์เซีย ซึ่งแต่เดิมก็มี 3 เพศเหมือนกัน แต่ถูกอิทธิพลของภาษาอาหรับเข้ามามีอิทธิพลจนต้องละทิ้งระบบเพศของคำนามไปในที่สุดเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
อยากถามนักภาษาศาสตร์ว่าทำไมภาษาตระกูลยุโรปยกเว้นภาษาอังกฤษต้องมีคำบ่งบอกเพศ