เล่นผิดบทบาททำลายชาติได้
สหรัฐอเมริกา–ไทย มีความเหมือนกันในเรื่องปีงบประมาณที่เริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ปีนี้ยังเหมือนกันมากเข้าไปอีกเมื่อยังไม่สามารถใช้งบประมาณประจำปีได้ เพราะ
ปัญหาการเงินกลายเป็นปัญหาการเมืองที่ต่อสู้กันเพื่อเอาชนะคะคานทุกรูปแบบ
สำหรับสหรัฐฯนั้นนอกจากเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเรื่องหนี้สินกำลังฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย พอจะมองเห็นอนาคตได้ แต่เมื่องบประมาณยังไม่สามารถนำมาใช้ได้เพราะพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านไม่ยอมให้มีการปรับลดงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการประกันสุขภาพ (โอบามาแคร์) ที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาในกฎหมาย
เป็นเหตุให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ยังไม่ผ่านสภา
มีผลต่อเนื่องไปถึงการที่ไม่สามารถใช้งบประมาณได้จนต้องปิดสำนักงานที่ไม่สำคัญบางส่วน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้ คาดว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเกือบ 1 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่ได้รับค่าจ้างแม้จะเป็นการพักงานชั่วคราวก็ตาม
ปัญหาขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตของโอบามากับพรรครีพับลิกันในเรื่องกฎหมายประกันสุขภาพนั้น เป็นประเด็นที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน โอบามามีความตั้งใจที่จะผลักดันเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญ
รีพับลิกันก็ต่อต้านมาตลอดเพราะฐานความคิดที่ต่างกัน
ต่างก็มีจุดยืนที่ต่างกัน เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้มีผลต่อประชาชนที่ต่างกัน รีพับลิกันมีจุดยืนเพื่อเศรษฐีคนมีเงินที่จะต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก เพื่อเอาไปช่วยคนชั้นกลางและระดับล่าง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
พูดง่ายๆว่าเดโมแครตช่วยคนจน แต่รีพับลิกันช่วยคนรวย
เมื่อความเห็นไม่ตรงกันจึงเกิดปัญหาขัดแย้งที่เป็นประเด็นใหญ่ในทางการเมือง ซึ่งโอบามาระบุว่าการกระทำของฝ่ายค้านว่า ไม่ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศพร้อมกับประกาศเอาใจกองทัพและครอบครัวของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ต้องถูกพักงาน ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาพรรคเดโมแครตระบุว่า “เป็นการใช้คนอเมริกันเป็นตัวประกัน” ของพรรครีพับลิกัน
ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องระงับการเดินทางไปเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนเพราะต้องรีบแก้ไขปัญหา หากปล่อยเอาไว้นานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ดีไม่ดีส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆทั่วโลกได้ เนื่องจากสหรัฐฯเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก หากเกิดปัญหาซ้ำขึ้นมาอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่
เตือนประเทศไทยเอาไว้ล่วงหน้าเตรียมตั้งรับให้ดีก็แล้วกัน
เฉกเช่นรัฐบาลเพื่อไทยก็กำลังเกิดปัญหาเรื่องงบประมาณเช่นเดียวกัน เพราะเลยวันที่ 1 ตุลาคมมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เนื่องจากมีการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ข้อหาของฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ก็คือ การจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรมให้กับองค์กรอิสระหรือว่ากันตรงๆ ก็คือรัฐบาลไม่พอใจองค์กรอิสระก็ใช้วิธีการนี้เพื่อเป็นการต่อต้าน ว่า
ที่จริงแล้วการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการปรับลดที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม และการตัดงบประมาณให้องค์กรอิสระก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
แต่
ประชาธิปัตย์ที่รู้กันดีว่าต้องการเอาชนะรัฐบาลทุกรูปแบบ โดยอาศัยคำว่า “เสียงข้างมาก” เป็นเหตุผลที่จะนำมาใช้เพื่อดิส–เครดิตรัฐบาลเป็นความชอบธรรม
ที่แปลกใจก็คือ เรื่องนี้ทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงรับคำร้องมาพิจารณาโดยไม่ได้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่และไม่คำถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่จะตามมา
เรื่องอื่นๆยังพอว่าแต่
เรื่องอย่างนี้ทำให้เสียรังวัดไปเยอะ.
"สายล่อฟ้า"
ไทยรัฐออนไลน์ 4 ตุลาคม 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/373676
???????????????????????????????????????????????????????
".....
ข้อหาของฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ก็คือ การจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรมให้กับองค์กรอิสระ....ที่จริงแล้วการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆ
ถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการปรับลดที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม และการตัดงบประมาณให้องค์กรอิสระก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
แต่
ประชาธิปัตย์ที่รู้กันดีว่าต้องการเอาชนะรัฐบาลทุกรูปแบบ .....
ที่แปลกใจก็คือ เรื่องนี้
ทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงรับคำร้องมาพิจารณาโดยไม่ได้พิจารณาว่า
สมควรหรือไม่และไม่คำถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่จะตามมา....."
สื่อคาใจ....
สังคมก็คาใจ และไม่ไว้ใจกับพฤติกรรมที่ทำให้ประเทศชาติต้องเสียโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกคุณทำร้ายประเทศไทยมากเกินไปแล้ว.....
สายล่อฟ้าไทยรัฐประจานพฤติกรรมของใคร"เล่นผิดบทบาททำลายชาติได้"...แม้แต่สื่อคนแล้วคนเล่าก็ทนไม่ไหว เฮ้อ..เฮ้อ..
สหรัฐอเมริกา–ไทย มีความเหมือนกันในเรื่องปีงบประมาณที่เริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ปีนี้ยังเหมือนกันมากเข้าไปอีกเมื่อยังไม่สามารถใช้งบประมาณประจำปีได้ เพราะปัญหาการเงินกลายเป็นปัญหาการเมืองที่ต่อสู้กันเพื่อเอาชนะคะคานทุกรูปแบบ
สำหรับสหรัฐฯนั้นนอกจากเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเรื่องหนี้สินกำลังฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย พอจะมองเห็นอนาคตได้ แต่เมื่องบประมาณยังไม่สามารถนำมาใช้ได้เพราะพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านไม่ยอมให้มีการปรับลดงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการประกันสุขภาพ (โอบามาแคร์) ที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาในกฎหมาย
เป็นเหตุให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ยังไม่ผ่านสภา
มีผลต่อเนื่องไปถึงการที่ไม่สามารถใช้งบประมาณได้จนต้องปิดสำนักงานที่ไม่สำคัญบางส่วน เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้ คาดว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเกือบ 1 ล้านคน ได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่ได้รับค่าจ้างแม้จะเป็นการพักงานชั่วคราวก็ตาม
ปัญหาขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตของโอบามากับพรรครีพับลิกันในเรื่องกฎหมายประกันสุขภาพนั้น เป็นประเด็นที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน โอบามามีความตั้งใจที่จะผลักดันเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญ
รีพับลิกันก็ต่อต้านมาตลอดเพราะฐานความคิดที่ต่างกัน
ต่างก็มีจุดยืนที่ต่างกัน เนื่องจากกฎหมายฉบับนี้มีผลต่อประชาชนที่ต่างกัน รีพับลิกันมีจุดยืนเพื่อเศรษฐีคนมีเงินที่จะต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก เพื่อเอาไปช่วยคนชั้นกลางและระดับล่าง ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
พูดง่ายๆว่าเดโมแครตช่วยคนจน แต่รีพับลิกันช่วยคนรวย
เมื่อความเห็นไม่ตรงกันจึงเกิดปัญหาขัดแย้งที่เป็นประเด็นใหญ่ในทางการเมือง ซึ่งโอบามาระบุว่าการกระทำของฝ่ายค้านว่า ไม่ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศพร้อมกับประกาศเอาใจกองทัพและครอบครัวของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ต้องถูกพักงาน ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาพรรคเดโมแครตระบุว่า “เป็นการใช้คนอเมริกันเป็นตัวประกัน” ของพรรครีพับลิกัน
ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องระงับการเดินทางไปเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนเพราะต้องรีบแก้ไขปัญหา หากปล่อยเอาไว้นานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ดีไม่ดีส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆทั่วโลกได้ เนื่องจากสหรัฐฯเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก หากเกิดปัญหาซ้ำขึ้นมาอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่
เตือนประเทศไทยเอาไว้ล่วงหน้าเตรียมตั้งรับให้ดีก็แล้วกัน
เฉกเช่นรัฐบาลเพื่อไทยก็กำลังเกิดปัญหาเรื่องงบประมาณเช่นเดียวกัน เพราะเลยวันที่ 1 ตุลาคมมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เนื่องจากมีการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ข้อหาของฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ก็คือ การจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรมให้กับองค์กรอิสระหรือว่ากันตรงๆ ก็คือรัฐบาลไม่พอใจองค์กรอิสระก็ใช้วิธีการนี้เพื่อเป็นการต่อต้าน ว่าที่จริงแล้วการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการปรับลดที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม และการตัดงบประมาณให้องค์กรอิสระก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
แต่ประชาธิปัตย์ที่รู้กันดีว่าต้องการเอาชนะรัฐบาลทุกรูปแบบ โดยอาศัยคำว่า “เสียงข้างมาก” เป็นเหตุผลที่จะนำมาใช้เพื่อดิส–เครดิตรัฐบาลเป็นความชอบธรรม
ที่แปลกใจก็คือ เรื่องนี้ทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงรับคำร้องมาพิจารณาโดยไม่ได้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่และไม่คำถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่จะตามมา
เรื่องอื่นๆยังพอว่าแต่เรื่องอย่างนี้ทำให้เสียรังวัดไปเยอะ.
"สายล่อฟ้า"
ไทยรัฐออนไลน์ 4 ตุลาคม 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/373676
???????????????????????????????????????????????????????
".....ข้อหาของฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ก็คือ การจัดสรรงบประมาณไม่เป็นธรรมให้กับองค์กรอิสระ....ที่จริงแล้วการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการปรับลดที่จะต้องพิจารณาในภาพรวม และการตัดงบประมาณให้องค์กรอิสระก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
แต่ประชาธิปัตย์ที่รู้กันดีว่าต้องการเอาชนะรัฐบาลทุกรูปแบบ .....
ที่แปลกใจก็คือ เรื่องนี้ทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงรับคำร้องมาพิจารณาโดยไม่ได้พิจารณาว่าสมควรหรือไม่และไม่คำถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่จะตามมา....."
สื่อคาใจ....
สังคมก็คาใจ และไม่ไว้ใจกับพฤติกรรมที่ทำให้ประเทศชาติต้องเสียโอกาสไปครั้งแล้วครั้งเล่า
พวกคุณทำร้ายประเทศไทยมากเกินไปแล้ว.....