เอาน้องแมวเปอร์เซียไปรักษาโรคผิวหนัง แต่กลับมา เกือบตาย!!

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ผมกับแฟนได้ซื้อน้องแมวมาเลี้ยง เป็นแมวพันธุ์เปอร์เซีย อายุได้ประมาณ 45 วัน
น้องแมวเป็นเด็กน่ารัก ขี้อ้อน ซน สุขภาพแข็งแรงดีไม่มีปัญหาอะไร แต่จะมีความผิดปกติเล็กน้อยคือ ตรงเท้าของน้องแมวมีอาการเหมือนจะติดโรคเรื้อนเล็กๆ ซึ่งคาดว่า น่าจะติดมาตั้งแต่ตอนเอามาแรกๆแล้ว และคงได้รับจาก พ่อ แม่ อีกที ซึ่งเราก็ได้พาไปหาหมอและได้ยาอาบ ยาทำความสะอาดและค่อยๆ รักษา ตามปกติ
คลิปน้องแมว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เราสองคนรักน้องแมวมาก รักเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่าง มีความสุข

......จนกระทั่ง .......

เมื่อ เย็นวันจันทร์ ที่ 23 ที่ผ่านมา
ผมได้พาน้องแมว ไปรับแฟนที่เลิกงาน แล้วเราตกลงกันว่าจะไปหา แฟนให้น้องแมว หลังจากเสร็จธุระหาแฟนให้ พอดีแถวนั้นอยู่ใกล้ คลีนิคสัตว์ เพทโฮม(ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ) ก็เลยลองพาน้องแมวไปให้เค้าดู เท้า ให้ซักหน่อย ให้เค้าดูว่าอาการหลังจากที่เราดูแลด้วยยาอาบมาได้ซักพักหนึ่งแล้ว เป็นไงมั่ง
หลังจากเข้าไป เค้าก็ซักประวัติ ทำตามขั้นตอนปกติ ทั่วไป แต่ ตอนวัดไข้นี่สิ ผู้ช่วยหมอที่นั่น เอาปรอทแก้วมาแทงตูดน้อง ซึ่งต้องเสียบคาไว้ระยะหนึ่งเพื่อให้ ปรอทมันวิ่ง แต่น้องดิ้นแรง ผู้ช่วยก็เสียบแท่งปลอทอยู่อย่างงั้น จนน้องร้องแล้วก็จะหันมากัด หลังจากวัดไข้เสร็จ อุณภูมิก็ปกติดี หมอ ก็ทำการแคะหู ทำความสะอาด แล้วก็บอกว่า เป็น ไรพวกไรฝุ่น หมอเลยจะให้หยอดยา พวก revolotions ทางเราก็ถามเรื่องเท้า ที่เป็นจุดประสงค์จริงๆ ของเราที่เอาน้องไปที่นั่น หมอก็ให้น้ำยาอาบน้ำมาให้ แล้วบอกแค่เพียงว่า ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเชื่อรา รึว่า เรื้อน
คงต้องค่อยๆรักษาดูแลไปก่อน จากนั้น หมอก็ หยอดยารักษาไร ให้ เป็นยา revolotion หยดให้ หมดขวดเล็ก โดยวันที่ หยด น้องมีอายุได้ 2 เดือนพอดี


รูปน้องแมวก่อนหน้าที่จะไปหาหมอ ไม่กี่ชั่วโมง






หลังจากนั้น กลับมาบ้าน น้องก็มีอาการซึม ซึ่งเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะ คิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยา และก็ง่วงปกติ
พอรุ่งเช้า วันที่ 24 น้องเริ่มมีอาการผิดปกติ คือ ฉี่รดตัวเอง แล้วก็ ซึม  ไม่ยอมกินข้าว กินน้ำ นอนทั้งวัน ไม่มีแรง และหลังจากนั้นก็
ไม่ฉี่ และถ่ายอีกเลย
จนแฟนผมทนไม่ไหวต้องพยายามป้อนอาหารให้เอง เป็นเวลาเกือบๆ 2 วัน ซึ่งผมคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
ก็เลยพาน้องไปโรงบาลสัตว์อีกแห่งหนึ่งที่น่าเชื่อถือกว่า เค้าบอกว่า น้องมีอาการไข้ขึ้น และมีอาการเหมือนแพ้ยา หมอเค้าก็ไม่กล้าทำอะไร
รึว่าให้ยาอะไรมาเพราะน้องยังเด็ก ก็เลยให้แค่วิตามินกับยาแก้แพ้มา

หลังจากนั้น น้องก็ยังมีอาการไม่ดีขึ้นเหมือนเดิม จนมาถึงตอนดึก(วันที่ 26 )น้องมีอาการร้อง และหมดแรง คอพับผมกับแฟนเลยช่วยกันเฝ้าดูอาการทั้งคืน จนคิดว่า ไม่ไหวละถ้าปล่อยเป็นยังงี้ไม่ดีแน่ๆ
แฟนผมจึงหาข้อมูล หาโรงบาลสัตว์ที่เก่งที่สุดในเชียงรายว่าอยู่ที่ไหน เราจะเอาไปโรงบาลกัน ให้หมอช่วยดูแล

พอวันศุกร์ที่ 27 เราพาน้องไปโรงบาลสัตว์ที่น่าเชื่อถือและว่ากันว่าเก่งที่สุดในเชียงราย หมอที่นั่น เจาะเลือดตรวจเลือดพบว่า น้องมีเม็ดเลือดแดงต่ำ และมีจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ 2 เท่า หมอคาดว่าน่าจะเกิดจากการติดเชื้อรึว่า ภายในมีการอักเสบ
เราเลยตัดสินใจแอดมิท น้อง ไว้กับโรงบาล 2 คืนเพื่อทำการรักษาและดูอาการ จากนั้นเราก็เดินทางไปทำธุระที่เชียงใหม่กัน โดยมีกำหนดกลับมาตอนวันอาทิตย์ และทางหมอจะโทรแจ้งอาการของน้องให้ทราบเป็นระยะๆ  

พอตกบ่ายวันเสาร์
คุณหมอได้โทรแจ้งมากับเราว่าน้องมีอาการชัก 2 ครั้ง แล้วอ่อนเพลีย ตอนนี้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ ผมกับแฟนได้ยินแล้วใจหายมาก เลยตัดสินใจขับรถกลับเชียงรายเลย จากกำหนดการจะกลับในวันอาทิตย์
ระหว่างทางกลับไปเชียงราย แฟนผมได้โทรไปหา หมอคนแรก ที่เป็นคนหยอดยาน้อง ถามว่า ยาที่หยอด หยอดยาอะไรไป แล้ว หยอดยังไง ทำให้แมวกลายเป็นยังงี้ แล้วที่ทำให้แมวผมเจ็บ และเราทุกคนต้องคอยมาดูแลเนี่ย หมอจะรับผิดชอบยังไง ?

ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมต้องมาเขียนบอกให้ทุกคนได้รู้ในนี้ คือ เค้าแค่บอกว่า เค้าก็รักษาถูกต้องตามปกติทั่วไป ถ้าเกิดแมวเราแพ้ยาเอง เค้าก็ไม่รู้จะรับผิดชอบยังไงละ ??

เนื่องจากแฟนผมเป็นคนคุย ผมขับรถอยู่ สุดท้ายก็จบการสนทนาไป โดยที่ทางหมอ(ที่หยอดยา)ไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง พูดง่ายๆก็คือไม่รับผิดชอบนั่นแระ

ณ ตอนนั้น ผมยอมรับเลยว่าทั้งโกรธทั้งแค้น แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ผมแค่อยากให้ ช่วยกันหาวิธี ที่จะทำให้น้องหายไวๆ แค่นี้ ผมก็ไม่ถือโทษโกรธและคงดีใจมากแล้ว

พอเดินทางมาถึง โรงบาล ประมาณ 2 ทุ่มของวันเสาร์ พอเห็นน้องแล้วถึงกับพูดไม่ค่อยออก คุณหมอก็ อธิบายอาการให้ฟัง โดยบอกว่า ยังซึมๆ ทรงๆ ยังไม่ดีขึ้นมากเท่าไร เราก็อยู่กับน้องชั่วโมงนึง ดูน้องเหมือนรับรู้และดีใจที่เรามาหา แต่หมอบอกว่า คงต้องอยู่นี่รักษาอาการอีกซัก 2-3 วัน



วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็เข้าไปเยี่ยม หมอบอกมีอาการชัก แล้วก็ให้ออกซิเจน ไม่มีแรง กินข้าวเองไม่ได้ ต้องป้อน ขับถ่ายยังไม่ดีขึ้น ตอนที่ไปเยี่ยมอาการดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว





เช้าของวันนี้(วันจันทร์) หมอโทรมาบอกว่า เมื่อคืนประมาณ ตี4 มีอาการชักอีก 2 ครั้ง แล้ว ตอน 10 โมงอีกครั้งครับ
นี่รูป เมื่อประมาณบ่ายๆ ที่ผ่านมา ต้องใช้ออกซิเจนตลอด





.... ผมยอมรับ ว่าถึงจังหวะนี้ ผมทั้งเสียใจ ทั้งทุกข์ใจ และทั้งโกรธมากเลย เมื่อคิดถึงประโยคนั้น และคิดว่า อะไรกัน ก็ในเมื่อ เป็นคนวินิจฉัยเองว่าจะหยอดยา เมื่อหยอดเสร็จแล้ว
เกิดอะไรขึ้น ก็ต้องรับผิดชอบดิ อย่างน้อยๆ ก็ควรแสดงออกให้เห็น ไม่ใช่แค่บอกว่าก็รักษาถูกต้องตามหลักแล้ว ถ้าพูดยังงี้ งั้นผมเป็นคนธรรมดา แค่ซื้อยามา แล้ว แค่อ่านฉลาก อายุถึง น้ำหนักถึง
คำนวน dose ผมก็ให้ยาได้นี่ และถ้าแมวลูกค้าเป็นอะไรมา ก็แค่บอกว่า ผมทำถูกต้องตามฉลากแล้ว ใช่มั้ยครับ...
...พาแมวไปหาหมอเพื่อให้ดูอาการ เชื้อรา/เรื้อน ที่เท้าแต่กลับ หยอดยา ไร ยาเห็บมาให้ .....และที่สำคัญกลายมาเป็น แบบนี้

ผมฝากเตือนใจด้วยนะครับสำหรับคนที่เป็นลูกค้าประจำคลีนิคนั้นรึว่ากำลังคิดจะเป็นลูกค้า ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณไม่สบายมา ถ้ารักษาดีก็ดีไป แต่ถ้าเกิดวันใดมีปัญหาขึ้นมา คุณก็จะได้รับคำตอบแบบเดียวกับผม
เผลอๆ อาจได้จ่ายตังค์เป็นค่าทำให้น้องไม่สบาย แล้วต้องคอยมาดูแลรักษา และเสียค่ารักษาพยาบาล อีก ต้องมาคอยเป็นห่วง ทุกข์ใจ แบบเดียวกับผมอีก

สุดท้ายแม้แต่หมอที่เก่งที่สุดยังบอกไม่ได้ว่าน้องจะไหวไหม ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ผมจะยังไม่ยอมแพ้ และภาวณาขอให้น้องหายเร็วๆ

Ps. มือใหม่หัดโพสถ้าเกิดผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่