สิ่งที่อยู่ใน Spoil คือรายละเอียดที่มีอยู่ในเกม
หลังจากที่จุนโกะแนะนำตัวเธอก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับแผนการของเธอต่อ
อาซาฮินะตกใจว่าทำไมจุนโกะถึงฆ่าแฝดของตัวเองได้ลงคอ
จุนโกะเลยอธิบายว่าแผนการของพวกเธอก็คือให้แฝดคนหนึ่งคอยคุมเกมอยู่เบื้องหลังส่วนอีกคนนึงคอยชงสถานการณ์อยู่ด้านหน้า
ซึ่งก็แน่นอนว่าจุนโกะตัดสินใจที่จะเป็นคนคุมโมโนคุมะแล้วจัดการเกมทั้งหมดนี้เอง

เธอจึงให้มุคุโร่ไปแฝงตัวอยู่กับพวกนักเรียนคนอื่น ๆ
แต่ปัญหาต่อไปก็คือฉายา "สุดยอดทหาร ม. ปลาย" ของมุคุโร่มันช่างห่วยแตกจนน่าสิ้นหวัง

เธอเลยให้มุคุโร่ใช้ฉายา "สุดยอดนางแบบ ม. ปลาย" อันแสนมีเสน่ห์ของเธอแทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่สุดท้ายมุคุโร่ก็ยังคงดูห่วยแตกจนน่าสิ้นหวังในสายตาเธออยู่ดี
'ตัวละครดาษ ๆ แบบนี้ดูยังไงก็ต้องตายเป็นคนแรกแน่ ๆ' ด้วยความคิดนี้จุนโกะก็เลยฆ่ามุคุโร่ทิ้งคนแรกเพื่อให้เป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ซะเลย
นอกจากนี้จุนโกะยังเป็นคนขี้เบื่ออีกด้วย เธอสารภาพว่าเธอเบื่อมุคุโร่
แถมตัวเธอเองก็ไม่เคยทำอะไรตามแผนตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย เพราะแค่วางแผนเสร็จเธอก็เบื่อแผนของเธอแล้ว
ด้วยเหตุนี้จุนโกะเลยเลิกทำตามแผนแล้วฆ่ามุคุโร่ทิ้งซะเลย
คิริกิริเลยพูดว่าเธอเองก็สังเกตได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคำพูดก่อนตายของมุคุโร่มันแปลก
"เอ๋... แปลกจัง... ทำไม... ฉัน... (ถึงได้โดนฆ่าล่ะ?!)"

จุนโกะเลยซ้ำไปว่าขนาดเป็นวาระสุดท้ายของมุคุโร่แล้วก็ยังแสดงได้ไม่เนียนเอาซะเลย[/img]
จุนโกะอธิบายต่อไปว่าทั้งเธอและมุคุโร่นั้นมีแต่ความสิ้นหวัง (ขนาดออกจากท้องแม่มายังร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังเลย)
ดังนั้นความตายจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสำหรับพวกเธอ เพราะยังไงซะพวกเธอก็ไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
แถมอันที่จริงเธอยังอิจฉามุคุโร่ที่ได้ตายอย่างสิ้นหวังสุด ๆ จากการถูกฝาแฝดของตัวเองหักหลังอีกด้วย
โทกามิบอกให้จุนโกะเลิกพูดนอกเรื่องได้แล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นจุนโกะเลยท้าให้ทุกคนไขปริศนาของโรงเรียนต่อไปโดยบอกใบ้ให้ว่าคำตอบนั้นถูกซ่อนอยู่ในความทรงจำที่หายไปของพวกเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นาเอกิพูดขึ้นมาว่าถ้าเขาจำไม่ผิดโมโนคุมะเคยพูดเอาไว้ว่าความทรงจำที่หายไปของพวกเขานั้นเกี่ยวข้องกับแรงจูงใจในการฆาตกรรม
จุนโกะเลยเริ่มพล่ามต่อไปว่าแรงจูงใจที่เธอให้ไปในแต่ละคดีนั้นจริง ๆ แล้วมีคอนเซ็ปต์ของมันอยู่
แรงจูงใจของคดีแรกคือสายสัมพันธ์ การทำลายสายสัมพันธ์ที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงนั้นก็เพียงพอที่จะเป็นแรงจูงใจให้คนฆ่ากันได้แล้ว

แรงจูงใจของคดีที่สองคือความทรงจำอันน่าอับอายและความลับในอดีต คนเราสามารถลงมือฆ่ากันได้เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องพวกนี้รั่วไหลไปถึงหูคนอื่น

แรงจูงใจของคดีที่สามก็คือความโลภ หากมีสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงก็จะสามารถซักจูงให้คนลงมือฆ่ากันได้

แรงจูงใจของคดีที่สี่ก็คือการทรยศหักหลัง แค่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกหักหลังอยู่ก็เพียงพอที่จะชักจูงให้คนฆ่ากันได้

นอกจากนี้ยังมีแรงจูงใจอื่น ๆ อีกมากมายที่ผลักดันให้คนเราฆ่ากันเองได้ และการฆ่าฟันเหล่านั้นจะนำไปสู่ความสิ้นหวัง ซึ่งเธอเรียกมันว่า "เมล็ดพันธุ์แห่งความสิ้นหวัง"
ซึ่งเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อมี "ความหวัง" เป็นตัวหล่อเลี้ยง
จุนโกะบอกว่าการที่เธอขโมยความทรงจำของทุก ๆ คนนั้นเป็นการมอบความหวังให้แก่ทุกคน "ความหวังที่จะถูกความสิ้นหวังกลืนกินไปในที่สุด"
และเมื่อเห็นทุก ๆ คนงงกับสิ่งที่เธอพูด จุนโกะเลยอธิบายต่อไปว่าความต้องการที่จะออกจากโรงเรียนแห่งนี้ของพวกเขานี่แหละที่เธอเรียกมันว่าความหวัง เพราะตราบเท่าที่ไม่มีใครอยากออกไปจากโรงเรียนการฆาตกรรมก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้นคนอื่น ๆ เลยยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ว่าความทรงจำแบบไหนที่ทำให้พวกเขาไม่อยากออกไปข้างนอก
จุนโกะบอกต่อไปว่าไหน ๆ ความหวังในใจของทุก ๆ คนก็เริ่มเติบโตจนได้ที่แล้ว ก็คงจะสมควรแก่เวลาที่จะให้ความสิ้นหวังเข้ามากลืนกินเสียที
แล้วเธอก็แสดงภาพของโลกภายนอกให้ทุก ๆ คนได้เห็น

จุนโกะบอกว่านี่คือความทรงจำของโลกที่โหดร้ายที่เธอนำมันออกมาจากทุก ๆ คน แต่ถึงทุกคนจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครนึกออก
นาเอกิเสนอขึ้นมาว่าบางที เจโนไซเดอร์ โช อาจจะจำได้ก็ได้เพราะทั้งสองบุคลิกของสาวแว่นนั้นไม่ได้ใช้ความทรงจำร่วมกัน
ทันทีที่โทกามิขอร้อง ฟุคาว่าเลยยอมเรียกเจโนไซเดอร์ออกมา และเมื่อเธอได้เห็นภาพในจอภาพแล้ว เจโนไซเดอร์เลยบอกว่ามันคือเหตุการณ์ "ที่สุดแห่งความสิ้นหวังในประวัติศาสตรของมวลมนุษย์ชาติ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากว่าหนึ่งปีแล้ว
ความสิ้นหวังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้โลกภายนอกล่มสลายไปในที่สุด
โทกามิยังคงไม่ยอมเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น จุนโกะเลยไซโคต่อโดยบอกว่าถึงจะเป็นงานที่ตึงมือซักหน่อยแต่ในที่สุดตระกูลโทกามิเองก็ล่มสลายไปแล้ว เธอยังเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเองเลยด้วยว่าทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับโทกามินั้นตายไปหมดแล้ว ดังนั้นในตอนนี้โทกามิเองก็ไม่ใช่ "สุดยอดทายาทไฮโซชั้น ม. ปลาย" อีกต่อไปแล้ว แถมเรื่องทั้งหมดนี้มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วด้วย
พวกนาเอกิไม่ยอมเชื่อโดยค้านกลับไปว่าพวกเขานั้นเพิ่งจะเข้าโรงเรียนมาได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น
จุนโกะเลยเฉลยว่าที่จริงแล้วพวกเขาเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้กว่าสองปีแล้ว
ดังนั้นคำตอบขอคำถามที่ว่า "ความทรงจำอะไรที่ถูกลบหายไป" ก็คือช่วงเวลาทั้งหมดสองปีที่พวกเขาได้เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้นี่เอง
จุนโกะไซโคต่อไปว่าปลายทางที่ทุก ๆ คนกำลังก้าวไปนั้นมีแต่ความมืดมิดและสิ้นหวัง ยิ่งปริศนาถูกไขออกมามากขึ้นเท่าไหร่ทุก ๆ คนก็จะยิ่งจมลงสู่ความสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนแรกทุก ๆ คนต่างก็เข้ามาในโรงเรียนด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม

ตลอดสองปีที่ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันมานั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุดของทุกคนเลยก็ว่าได้

แต่แล้ววันดีคืนดีจู่ ๆ เหตุการณ์ "ที่สุดแห่งความสิ้นหวังในประวัติศาสตรของมวลมนุษย์ชาติ" ก็เกิดขึ้น

โลกล่มสลายลงต่อหน้าต่อตาของทุก ๆ คน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แล้วอยู่มาวันหนึ่งทุก ๆ คนก็ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นทุก ๆ อย่าง ลืมแม้กระทั่งความสิ้นหวังที่ตัวเองเคยรู้สึก หลังจากนั้นก็หันมาฆ่ากันเอง
ช่างเป็นความสิ้นหวังที่จุนโกะรู้สึกอิจฉาทุก ๆ คนที่ได้เจอเป็นอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ตอนที่หมดสติไปจนกระทั่งตื่นมาอีกครั้งในห้องเรียน จริง ๆ แล้วเวลาได้ผ่านไปสองปีแล้ว


การพบหน้ากันในตอนนั้นก็ไม่ใช่การพบกันเป็นครั้งแรก แต่ทุกคนกลับแนะนำตัวกันอีกครั้งราวกับไม่เคยได้รู้จักกัน

ภาพถ่ายเหล่านี้ก็เป็นภาพถ่ายของเพื่อนร่วมชั้นที่ใช้ชีวิตมาด้วยกันกว่าสองปี


แต่ถึงกระนั้นพวกเขากลับหันมาเข่นฆ่าเพื่อนรักของตัวเองเพื่อที่จะออกไปพบกับโลกภายนอกที่ล่มสลาย
ถึงแม้ว่าโรงเรียนแห่งนี้จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นแต่ก็ยังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่ ซึ่งก็คือนักเรียนห้องที่ 78 ทั้ง 16 คนนั่นเอง ในตอนนั้นเองผอ. ของโรงเรียน (พ่อของคิริกิริ) ก็ได้เริ่มต้นแผนการเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นสถานที่หลบภัยเพื่อปกป้องผู้รอดชีวิตที่หลงเหลืออยู่ โดยหวังว่านักเรียนผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้จะสามารถแก้ไขโลกในอนาคตหลังจากที่เหตุการณ์เหล่านี้เริ่มบรรเทาได้
แต่แผนการนั้นเองก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจาก ผอ. โรงเรียนไม่รู้ตัวว่าสุดยอดนักเรียน ม. ปลายแห่งความสิ้นหวังได้แทรกตัวเข้ามาอยู่ภายในโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
จากที่ควรจะเป็นสถานที่สำหรับหลบหนีจากความสิ้นหวังจากภายนอกกลับกลายไปเป็นกรงขังไม่ให้หลีกหนีไปจากความสิ้นหวังที่อยู่ภายในแทน
นอกจากนี้การปิดกั้นอย่างแน่นหนาในทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนนั้นก็เป็นฝีมือของพวกเขาเองทั้งสิ้น

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับโวยวายว่าทำไมตัวเองถึงได้ถูกขังอยู่ในสถานที่ที่แบบนี้

คิริกิริถามว่าทีมของจุนโกะมีอยู่ทั้งหมดกี่คน เนื่องจากคนแค่สองคนไม่มีทางที่จะสามารถทำให้โลกล่มสลายได้อยู่แล้ว
แต่จุนโกะตอบกลับไปว่าความสิ้นหวังมันก็เป็นเหมือนกับแนวความคิดรูปแบบหนึ่งซึ่งสามารถแพร่กระจายได้จากคนสู่คนเท่านั้นเอง
เหตุผลที่โลกเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าในตอนนี้ทุก ๆ คนล้วนแต่สิ้นหวัง โลกทั้งใบจมอยู่ในความสิ้นหวัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังจากที่ทุก ๆ คนสร้างที่หลบภัยเสร็จ พวกเธอจัดโรงเรียนแห่งการฆ่ากันขึ้นเพื่อเป็นไคลแม็กซ์ให้กับแผนการแห่งความสิ้นหวังของเธอ
การแพร่ภาพการฆ่ากันเองของเหล่านักเรียนผู้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหวังแห่งมวลมนุษยชาตินั้นเป็นการแสดงให้ทั้งโลกเห็นว่า "ความหวัง" นั้นแสนจะเปราะบางและพร้อมที่จะถูกกลืนกินด้วย "ความสิ้นหวัง" ได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้เห็นการถ่ายทอดสดนี้แล้วความหวังที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่ในใจของผู้คนก็จะค่อยกลายไปเป็นความสิ้นหวังในที่สุด

แน่นอนว่ามียังมีคนบางกลุ่มที่พยายามจะเข้ามาช่วยพวกนาเอกิ แต่คนพวกนั้นก็ถูกอาวุธหนักที่ถูกติดตั้งอยู่ที่ประตูหน้าเก็บกวาดไปหมดแล้ว
การแสดงให้เห็นถึงความหวังที่พวกนาเอกิทำมาโดยตลอดนั้นกลับกลายเป็นการลากคนที่ยังหลงเหลือความหวังอยู่ในใจออกมาตายอย่างสิ้นหวังแทน
ตัวอย่างอาวุธหนัก
เมื่อเล่าจบจุนโกะก็ถามพวกนาเอกิว่ารู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อได้รู้ความจริงที่พวกเขาพยายามสืบหากันอย่างแทบเป็นแทบตายมาโดยตลอด
อันที่จริงแล้วศาลชั้นเรียนครั้งสุดท้ายนี้ก็ถูกออกแบบมาให้ลงเอยด้วยบทสรุปที่สิ้นหวังแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
(โมโนคุมะเคยบอกแล้วว่าไฟล์ที่อัลเทอร์อีโก้กู้กลับมาได้นั้นเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โมโนคุมะจงใจทิ้งเอาไว้ให้ถ้าหากว่ามีคนหามันเจอตั้งแต่ตอนที่อัลเตอร์อีโก้โดนประหารแล้ว)
จุนโกะบอกต่อไปว่าในบางครั้งความเป็นจริงนั้นก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ทุก ๆ คนเคยเลือกที่จะขังตัวเองอยู่ในนี้ก่อนที่จะหันมาฆ่ากันเองเพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่
นอกจากนั้นแรงจูงใจที่จะได้ออกไปข้างนอกนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรตั้งแต่แรกแล้วด้วย เพราะยังไงซะโลกมันก็ล่มสลายไปแล้ว
[Spoil] Danganronpa – The Animation ตอนที่ 13 Classroom Trials ครั้งสุดท้าย บทสรุปแห่งความ(สิ้น?)หวัง
หลังจากที่จุนโกะแนะนำตัวเธอก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับแผนการของเธอต่อ
อาซาฮินะตกใจว่าทำไมจุนโกะถึงฆ่าแฝดของตัวเองได้ลงคอ
จุนโกะเลยอธิบายว่าแผนการของพวกเธอก็คือให้แฝดคนหนึ่งคอยคุมเกมอยู่เบื้องหลังส่วนอีกคนนึงคอยชงสถานการณ์อยู่ด้านหน้า
ซึ่งก็แน่นอนว่าจุนโกะตัดสินใจที่จะเป็นคนคุมโมโนคุมะแล้วจัดการเกมทั้งหมดนี้เอง
เธอจึงให้มุคุโร่ไปแฝงตัวอยู่กับพวกนักเรียนคนอื่น ๆ
แต่ปัญหาต่อไปก็คือฉายา "สุดยอดทหาร ม. ปลาย" ของมุคุโร่มันช่างห่วยแตกจนน่าสิ้นหวัง
เธอเลยให้มุคุโร่ใช้ฉายา "สุดยอดนางแบบ ม. ปลาย" อันแสนมีเสน่ห์ของเธอแทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โทกามิบอกให้จุนโกะเลิกพูดนอกเรื่องได้แล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นจุนโกะเลยท้าให้ทุกคนไขปริศนาของโรงเรียนต่อไปโดยบอกใบ้ให้ว่าคำตอบนั้นถูกซ่อนอยู่ในความทรงจำที่หายไปของพวกเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วเธอก็แสดงภาพของโลกภายนอกให้ทุก ๆ คนได้เห็น
จุนโกะบอกว่านี่คือความทรงจำของโลกที่โหดร้ายที่เธอนำมันออกมาจากทุก ๆ คน แต่ถึงทุกคนจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครนึกออก
นาเอกิเสนอขึ้นมาว่าบางที เจโนไซเดอร์ โช อาจจะจำได้ก็ได้เพราะทั้งสองบุคลิกของสาวแว่นนั้นไม่ได้ใช้ความทรงจำร่วมกัน
ทันทีที่โทกามิขอร้อง ฟุคาว่าเลยยอมเรียกเจโนไซเดอร์ออกมา และเมื่อเธอได้เห็นภาพในจอภาพแล้ว เจโนไซเดอร์เลยบอกว่ามันคือเหตุการณ์ "ที่สุดแห่งความสิ้นหวังในประวัติศาสตรของมวลมนุษย์ชาติ" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากว่าหนึ่งปีแล้ว
ความสิ้นหวังแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้โลกภายนอกล่มสลายไปในที่สุด
โทกามิยังคงไม่ยอมเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น จุนโกะเลยไซโคต่อโดยบอกว่าถึงจะเป็นงานที่ตึงมือซักหน่อยแต่ในที่สุดตระกูลโทกามิเองก็ล่มสลายไปแล้ว เธอยังเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเองเลยด้วยว่าทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับโทกามินั้นตายไปหมดแล้ว ดังนั้นในตอนนี้โทกามิเองก็ไม่ใช่ "สุดยอดทายาทไฮโซชั้น ม. ปลาย" อีกต่อไปแล้ว แถมเรื่องทั้งหมดนี้มันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วด้วย
พวกนาเอกิไม่ยอมเชื่อโดยค้านกลับไปว่าพวกเขานั้นเพิ่งจะเข้าโรงเรียนมาได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้น
จุนโกะเลยเฉลยว่าที่จริงแล้วพวกเขาเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้กว่าสองปีแล้ว
ดังนั้นคำตอบขอคำถามที่ว่า "ความทรงจำอะไรที่ถูกลบหายไป" ก็คือช่วงเวลาทั้งหมดสองปีที่พวกเขาได้เรียนอยู่ในโรงเรียนนี้นี่เอง
จุนโกะไซโคต่อไปว่าปลายทางที่ทุก ๆ คนกำลังก้าวไปนั้นมีแต่ความมืดมิดและสิ้นหวัง ยิ่งปริศนาถูกไขออกมามากขึ้นเท่าไหร่ทุก ๆ คนก็จะยิ่งจมลงสู่ความสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนแรกทุก ๆ คนต่างก็เข้ามาในโรงเรียนด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม
ตลอดสองปีที่ทุกคนใช้ชีวิตร่วมกันมานั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เปล่งประกายที่สุดของทุกคนเลยก็ว่าได้
แต่แล้ววันดีคืนดีจู่ ๆ เหตุการณ์ "ที่สุดแห่งความสิ้นหวังในประวัติศาสตรของมวลมนุษย์ชาติ" ก็เกิดขึ้น
โลกล่มสลายลงต่อหน้าต่อตาของทุก ๆ คน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถึงแม้ว่าโรงเรียนแห่งนี้จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นแต่ก็ยังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่ ซึ่งก็คือนักเรียนห้องที่ 78 ทั้ง 16 คนนั่นเอง ในตอนนั้นเองผอ. ของโรงเรียน (พ่อของคิริกิริ) ก็ได้เริ่มต้นแผนการเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นสถานที่หลบภัยเพื่อปกป้องผู้รอดชีวิตที่หลงเหลืออยู่ โดยหวังว่านักเรียนผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้จะสามารถแก้ไขโลกในอนาคตหลังจากที่เหตุการณ์เหล่านี้เริ่มบรรเทาได้
แต่แผนการนั้นเองก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจาก ผอ. โรงเรียนไม่รู้ตัวว่าสุดยอดนักเรียน ม. ปลายแห่งความสิ้นหวังได้แทรกตัวเข้ามาอยู่ภายในโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
จากที่ควรจะเป็นสถานที่สำหรับหลบหนีจากความสิ้นหวังจากภายนอกกลับกลายไปเป็นกรงขังไม่ให้หลีกหนีไปจากความสิ้นหวังที่อยู่ภายในแทน
นอกจากนี้การปิดกั้นอย่างแน่นหนาในทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนนั้นก็เป็นฝีมือของพวกเขาเองทั้งสิ้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับโวยวายว่าทำไมตัวเองถึงได้ถูกขังอยู่ในสถานที่ที่แบบนี้
คิริกิริถามว่าทีมของจุนโกะมีอยู่ทั้งหมดกี่คน เนื่องจากคนแค่สองคนไม่มีทางที่จะสามารถทำให้โลกล่มสลายได้อยู่แล้ว
แต่จุนโกะตอบกลับไปว่าความสิ้นหวังมันก็เป็นเหมือนกับแนวความคิดรูปแบบหนึ่งซึ่งสามารถแพร่กระจายได้จากคนสู่คนเท่านั้นเอง
เหตุผลที่โลกเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าในตอนนี้ทุก ๆ คนล้วนแต่สิ้นหวัง โลกทั้งใบจมอยู่ในความสิ้นหวัง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเล่าจบจุนโกะก็ถามพวกนาเอกิว่ารู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อได้รู้ความจริงที่พวกเขาพยายามสืบหากันอย่างแทบเป็นแทบตายมาโดยตลอด
อันที่จริงแล้วศาลชั้นเรียนครั้งสุดท้ายนี้ก็ถูกออกแบบมาให้ลงเอยด้วยบทสรุปที่สิ้นหวังแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
(โมโนคุมะเคยบอกแล้วว่าไฟล์ที่อัลเทอร์อีโก้กู้กลับมาได้นั้นเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โมโนคุมะจงใจทิ้งเอาไว้ให้ถ้าหากว่ามีคนหามันเจอตั้งแต่ตอนที่อัลเตอร์อีโก้โดนประหารแล้ว)
จุนโกะบอกต่อไปว่าในบางครั้งความเป็นจริงนั้นก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ทุก ๆ คนเคยเลือกที่จะขังตัวเองอยู่ในนี้ก่อนที่จะหันมาฆ่ากันเองเพื่อที่จะหนีออกไปจากที่นี่
นอกจากนั้นแรงจูงใจที่จะได้ออกไปข้างนอกนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรตั้งแต่แรกแล้วด้วย เพราะยังไงซะโลกมันก็ล่มสลายไปแล้ว