คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เริ่มต้นจากการศึกษาหาความรู้ 2 เรื่องหลัก คือ
1.การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เพื่อให้สามารถเลือกหุ้นที่มีราคาสมเหตุสมผล ณ ขณะเวลานั้น
สามารถมองเห็นแนวโน้มของกิจการ สภาพคล่อง และความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่สำคัญเพื่อให้เราสามารถหลีกหนีจาก
หุ้นปั่น หุ้นเจ้า หุ้นบ่อน ทั้งหลาย (หุ้นเหล่านี้ถ้าเข้าผิดจังหวะจะทำให้เสียหายอย่างมาก มือใหม่ควรหนีให้ไกล)
ศึกษาและพัฒนาตนเองให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
1) ค่า P/BV, P/E, ROE, ROA และ Dividend Yield
2) งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด
3) รายงาน 56-1 เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ ของกิจการ
2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อให้สามารถหาจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นได้อย่างเหมาะสม
ควรเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1) Volume ปริมาณการซื้อขาย และความสัมพันธ์กับราคา
2) RSI การสังเกตราคาหุ้นแต่ละตัวว่าอยู่ในจุด ซื้อมากเกินไป (over bought) หรือขายมากเกินไป (over sold)
3) MACD เส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็น indicator พื้นฐาน สำหรับพิจารณาในการเข้าซื้อหุ้น
ทั้งหมด จขกท. สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมมากมายได้ทางอินเตอร์เน็ต www.set.or.th, www.settrade.com, www.google.co.th
ปล. ข้อมูลต่าง ๆ ที่แนะนำ ผมนำมาใช้จริงในการลงทุนและเห็นว่ามีประโยชน์จึงอยากนำมาแชร์
ทั้งนี้การที่เราสามารถเลือกเครื่องมือที่ง่ายและเหมาะสม อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้เครื่องมือขั้นสูงที่สลับซับซ้อนก็ได้
ขอเพียงเมื่อเรียนรู้แล้วให้รู้จริง พยายามตัดความรู้สึก จินตนาการส่วนตัวออกไปจะช่วยได้เยอะ (รักษาศึล ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิด้วยจะดี)
ขอให้โชคดีในการลงทุน ได้เป็นนักลงทุนมืออาชีพตามที่ฝันครับ ประสบความสำเร็จแล้วอย่าลืมนึกถึงการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยนะจ๊ะ
จะได้ช่วยกันให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น
1.การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เพื่อให้สามารถเลือกหุ้นที่มีราคาสมเหตุสมผล ณ ขณะเวลานั้น
สามารถมองเห็นแนวโน้มของกิจการ สภาพคล่อง และความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่สำคัญเพื่อให้เราสามารถหลีกหนีจาก
หุ้นปั่น หุ้นเจ้า หุ้นบ่อน ทั้งหลาย (หุ้นเหล่านี้ถ้าเข้าผิดจังหวะจะทำให้เสียหายอย่างมาก มือใหม่ควรหนีให้ไกล)
ศึกษาและพัฒนาตนเองให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ
1) ค่า P/BV, P/E, ROE, ROA และ Dividend Yield
2) งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด
3) รายงาน 56-1 เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลต่าง ๆ ของกิจการ
2. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อให้สามารถหาจังหวะเวลาในการเข้าซื้อหุ้นได้อย่างเหมาะสม
ควรเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1) Volume ปริมาณการซื้อขาย และความสัมพันธ์กับราคา
2) RSI การสังเกตราคาหุ้นแต่ละตัวว่าอยู่ในจุด ซื้อมากเกินไป (over bought) หรือขายมากเกินไป (over sold)
3) MACD เส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งเป็น indicator พื้นฐาน สำหรับพิจารณาในการเข้าซื้อหุ้น
ทั้งหมด จขกท. สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมมากมายได้ทางอินเตอร์เน็ต www.set.or.th, www.settrade.com, www.google.co.th
ปล. ข้อมูลต่าง ๆ ที่แนะนำ ผมนำมาใช้จริงในการลงทุนและเห็นว่ามีประโยชน์จึงอยากนำมาแชร์
ทั้งนี้การที่เราสามารถเลือกเครื่องมือที่ง่ายและเหมาะสม อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการใช้เครื่องมือขั้นสูงที่สลับซับซ้อนก็ได้
ขอเพียงเมื่อเรียนรู้แล้วให้รู้จริง พยายามตัดความรู้สึก จินตนาการส่วนตัวออกไปจะช่วยได้เยอะ (รักษาศึล ปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิด้วยจะดี)
ขอให้โชคดีในการลงทุน ได้เป็นนักลงทุนมืออาชีพตามที่ฝันครับ ประสบความสำเร็จแล้วอย่าลืมนึกถึงการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยนะจ๊ะ
จะได้ช่วยกันให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้น

แสดงความคิดเห็น
งง หุ้น เริ่มจาก ตรงไหนดีคร้า พอเข้ามาลงทุน ทำให้รู้ว่า ความรู้ ที่มี น้อยเหลือเกิน