เกร็ดสามก๊ก
ผู้พิทักษ์เสฉวน
ตอนที่ ๒ ปราบฮวนหัวเห็ด
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อขงเบ้งจัดการปราบปรามกลุ่มขบถภายในแล้ว ก็ยาตราทัพเข้าไปในเขตแดนเมืองมันอ๋อง เบ้งเฮ็กจึงสั่งให้ กิมห้วน สุนา และห้วยหลำ คุมทหารคนละห้าหมื่น ออกมาต้านทางเป็นสามเส้า ขงเบ้งรู้ข่าวแล้วก็แกล้งเรียกจูล่งกับอุยเอี๋ยนมาฟังราชการ แต่กลับสั่งให้อองเป๋งคุมทหารไปรบกับสุนา ม้าตงคุมทหารไปรบกับห้วยหลำ และเตีวหงีกับเตียวเอ๊กไปรบกับกิมห้วน โดยให้ยกออกไปพร้อมกันในวันรุ่งขึ้น
จูล่งกับอุยเอี๋ยนก็ประท้วงว่าทำไมไม่ใช้ตน ขงเบ้งก็ว่าทั้งสองยังไม่จัดเจนหนทางของเมืองนี้ เกลือกฉุกละหุกจะเสียทีแก่ข้าศึก การข้างหน้ายังอีกมาก อย่าปรารมภ์ว่าจะไม่ใช้ จูล่งก็ปรึกษากับอุยเอี๋ยนว่า เราสองคนเป็นนายทหารผู้ใหญ่ ขงเบ้งใช้แต่ทหารผู้น้อยเราอายนัก อุยเอี๋ยนก็สนับสนุนว่าเราออกไปเที่ยวจับชาวบ้านแถวนี้มานำทางดีกว่า
ทั้งสองนายทหารเอกก็เที่ยวไล่จับคนที่อยู่ใกล้เคียงมาได้ห้าคน ปรากฏว่าเป็นทหารของเบ้งเฮ็กซึ่งกลัวตาย จึงยินยอมนำทางไปตีค่ายทั้งสามของข้าศึกในคืนนั้น จูล่งกับอุยเอี๋ยนก็พาทหารฝีมือดีคนละห้าพัน ยกไปถึงค่ายของกิมห้วนซึ่งอยู่ตรงกลาง เมื่อประมาณสิบทุ่ม ก็เข้าตีในขณะที่ทหารข้าศึกกำลังหุงข้าวอยู่ ข้าศึกก็แตกตื่นตกใจไม่เป็นสู้ กิมห้วนจะขับม้าหนีก็ถูกจูล่งแทงตาย แล้วตัดศีรษะไว้ จากนั้นจูล่งก้แยกไปตีค่ายห้วยหลำทางตะวันตก อุยเอี๋ยนไปตีค่ายสุนาทางตะวันออก
พอขงเบ้งรู้ว่าจูล่งกับอุยเอี๋ยนยกทหารออกไปแล้ว ก็เปลี่ยนแผนใหม่ ให้อองเป๋งกับม้าตงไปช่วยตีค่ายทั้งสองทิศ ส่วนเตียวหงีกับเตียวเอ๊กให้คอยดักจับแม่ทัพที่หนีออกมาจากค่ายทั้งสอง พอรุ่งขึ้นจูล่งกับอุยเอี๋ยนก็ตีค่ายทั้งสองแตก แต่ตัวนายทัพหนีไปจนมุมซอกเขา ถูกจับตัวได้ตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้
ขงเบ้งจึงแจ้งว่าได้ทำอุบายให้จูล่งกับอุยเอี๋ยนมีมานะออกไปรบเอง แล้วจึงวางแผนไว้ช่วยเหลือภายหลัง จากนั้นก็แก้มัดสุนากับห้วยหลำที่ถูกจับเสีย และปล่อยกับไปไม่เอาโทษ แต่อย่ากลับมารบอีก ทั้งสองก็ให้สัญญาเป็นมั่นคง
รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ขงเบ้งก็ให้จูล่งคุมทหารห้าพันไปคอยอยู่ทางหัวเขากิมไต๋ ส่วนอุยเอี๋ยนคุมทหารห้าพันไปคอยอยู่ที่ช่องแคบท้ายเขา ให้เตียวเอ๊กกับเตียวหงีคุมทหารไปซุ่มอยู่ชายป่าซ้ายขวา แล้วให้อองเป๋งกับกวนสกลูกของกวนอู คุมทหารไปรบกับเบ้งเฮ็กซึ่งยกออกมาแต่เช้าเหมือนกัน
เบ้งเฮ็กให้เงียมเตียงถือง้าวออกมารบกับอองเป๋งและกวนสก ได้ประมาณห้าเพลง ทั้งสองก็ทำเป็นเสียทีหนีพลางรบพลาง เบ้งเฮ็กก็ขับทหารตามไปประมาณห้าร้อยเส้น เจอเตียวเอ๊กเตียวหงียกทหารออกจากป่าที่ซุ่มอยู่ เข้าตีกระหนาบสองข้าง อองเป๋งกวนสกก็หันกลับมารบอีก ทหารของเบ้งเฮ็กถูกฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมาก เบ้งเฮ็กเห็นท่าไม่ดีก็ขับม้ารบแหกออกไปทางหัวเขากิมไต๋ เจอจูล่งดักอยู่ก็ลัดหนีไปทางช่องแคบท้ายเขา มีทหารติดตามประมาณห้าสิบคน ทางนั้นแคบก็ทิ้งม้าลงเดิน เจออุยเอี๋ยนขวางหน้าอยู่ ก็จะปีนขึ้นเขา แต่ไม่ทันถูกทหารรุมจับตัวมัดมาให้ขงเบ้งที่ค่าย
ขงเบ้งก็แต่งโต๊ะตั้งเหล้าข้าวไว้เต็มที่ แล้วจัดที่ทางค่ายคู ให้ทหารถืออาวุธยืนล้อมไว้เจ็ดชั้น ตัวขงเบ้งนั่งในที่สมควร แล้วเบิกตัวทหารของเบ้งเฮ็กที่จับได้มาแก้มัดออก กล่าวว่า
“ คนทั้งปวงเป็นแต่ไพร่พลเมือง เบ้งเฮ็กเกณฑ์เอาตัวมารบ ขัดเขามิได้ก็จำเป็นจำมา ครั้นเราจับไว้ได้ฉะนี้ ฝ่ายลูกเมียพี่น้องที่อยู่ข้างหลังก็คอยหา ครั้นไม่เห็นกลับไปก็จะร้องไห้เป็นทุกข์ถึง เราคิดเอ็นดูคนทั้งปวงไม่ฆ่าเสีย แล้วจะปล่อยไปเอาบุญ “
แล้วก็เลี้ยงข้าวปลาอาหารจนอิ่มจึงปล่อยตัวกลับบ้านเมืองไป จากนั้นก็ให้เบิกตัว เบ้งเฮ็กเข้ามาถามว่า เราจับตัวมาได้ดังนี้แล้ว ท่านเกรงกลัวเราหรือยัง เบ้งเฮ็กก็แก้ว่า
“ นี้หากว่าเราแตกทัพหนีไปช่องเขาทางแคบ จึงจับตัวได้ แม้หนีไปทางกว้างที่ไหนจะจับเราได้ “
ขงเบ้งก็แก้มัดออก ให้เสื้อผ้านุ่งห่มใหม่ แล้วก็ยกโต๊ะมาเลี้ยงดูจนอิ่ม แล้วให้ม้าตัวหนึ่งขี่กลับบ้านไป แม่ทัพนายทหารเห็นดังนั้นจึงว่า เรามารบทั้งนี้หวังจะเอาตัวเบ้งเฮ็ก เมื่อจับมาได้แล้วทำไมจึงปล่อยไปเสียเล่า ขงเบ้งก็หัวเราะแล้วว่า
“ อย่าสงสัยเลย ทำไมกับจะจับตัวเบ้งเฮ็ก เหมือนหนึ่งไขกุญแจหีบหยิบเอาทอง แต่หากเราจะทำให้มันเกรงจงมาก “
แต่การสงครามก็ไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น ขงเบ้งต้องรบกับเบ้งเฮ็กอีกหลายครั้งกว่าจะยุติลงได้
ครั้งที่สอง เบ้งเฮ็กตั้งค่ายริมแม่น้ำลกซุยซึ่งเป็นแม่น้ำมีพิษ ทหารของขงเบ้งลงไปอาบกินก็มีโลหิตออกปากจมูกตายไปพันเศษ แต่พอตกกลางคืนกลับไม่เป็นอันตราย และยังไม่ทันรบก็ได้ สุนาเป็นไส้ศึก จับตัวเบ้งเฮ็กมาให้ขงเบ้งอีก ขงเบ้งก็ถามว่ากลัวหรือยัง เบ้งเฮ็กร้องว่า
“ มิใช่เรารบแพ้ด้วยฝีมือนั้นหาไม่ นี่ทหารเรามันชั่วจึงจับตัวเรามาส่ง “
ขงเบ้งจึงให้ลงเรือข้ามฟากกลับไป เบ้งเฮ็กก็เลยไปล่อลวงสุนากับห้วยหลำมาฆ่าเสียด้วยความแค้น
ครั้งที่สามเบ้งเฮ๋กให้เบ้งฮิวน้องชายเอาเครื่องบรรณาการมาให้ขงเบ้งเผื่อจะตายใจ แล้วยกกองทัพตามมาตี แต่ขงเบ้งวางอุบายดักไว้จึงถูกจับอีก หนนี้เบ้งเฮ็กแย้งว่า
“ ท่านจับเราได้ทั้งนี้เพราะน้องเราเห็นแก่กินจึงถูกยาเมาของท่านเรายกมาจึงเสียการ “
ขงเบ้งก็ปล่อยตัวไปทั้งสองพี่น้อง แล้วก็ตามไปยึดค่ายของเบ้งเฮ็กที่ตั้งคนละฟากแม่น้ำไว้เป็นที่มั่น
ครั้งที่สี่ เบ้งเฮ็กเรียกทหารหัวเมืองที่ขึ้นด้วยถึงเก้าสิบสามหัวเมือง รวมพลได้ห้าสิบหมื่นยกมาตั้งริมแม่น้ำเซียงหยี ขงเบ้งก็หลอกล่อให้เข้าตีค่ายลวงจนตกหลุมพรางที่ขุดดักเอาไว้ ถูกจับตัวได้ทั้งสองพี่น้อง คราวนี้ขงเบ้งสั่งให้ประหารเบ้งเฮ๋ก แต่เบ้งเฮ็กก็มิได้ครั่นคร้าม สีหน้าสดชื่นเป็นปกติ ขงเบ้งก็ถามว่า
“ แต่จับท่านได้ถึงสี่ครั้งนี้ แล้วเรามิได้ทำอันตราย ไมตรีเรามีอยู่กับท่านเป็นอันมาก เหตุไฉนท่านจึงไม่อ่อนน้อมต่อเราบ้าง “
เบ้งเฮ็กก็เถียงตามเคยว่า
“ เรากับท่านเป็นคนต่างแดนผิดภาษากัน ซึ่งเราจะสมัครอ่อนน้อมต่อท่านนั้นไม่ชอบ เพราะท่านชำนาญแต่กลอุบายฝ่ายเดียว หาชนะเราด้วยฝีมือไม่ “
เกิดถูกใจขงเบ้งเลยปล่อยตัวไปอีก
ครั้งที่ห้า สองพี่น้องไปขออาศัยอยู่กับโต้สูไต้อ๋อง ณ เขาอิมตองสัน ซึ่งมีทางขึ้นเฉพาะให้ผ่านลำธารสี่แห่งที่ใครกินก็ตายทั้งสิ้น แล้วจึงถึงแดนงูร้ายไม่มีใครจะรอดไปได้ แต่ขงเบ้งได้ยาดีจากเบ้งเจียดพี่ชายเบ้งเฮ็ก จึงพาทหารผ่านได้โดยตลอดปลอดภัย และยังได้เอียวหยงกับบุตรอีกห้าคน ช่วยกันจับตัวเบ้งเฮ็ก เบ้งฮิวและโต้สูไต้อ๋องมาให้ขงเบ้ง คราวนี้เบ้งเฮ็กอุทธรณ์ว่า
“ บัดนี้เอียวหยงเพื่อนเราทำกลอุบายให้เราไว้ใจจึงจับเรามาได้ ถึงท่านจะฆ่าเสียก็ตามเถิด เรามิได้อ่อนน้อมต่อเป็นอันขาด “
และตะแบงว่าเป็นเพราะอยู่ในป่าจึงจับได้ ถ้าอยู่ในเมืองแม้จับได้จะขออ่อนน้อมชั่วลูกหลาน ขงเบ้งอยากลองของจึงปล่อยตัวไป
ครั้งที่หก เบ้งเฮ็กตั้งรับในเมืองงินแข เหลือทหารประมาณพันเศษได้นางจกหยงภรรยาและบกลกไต้อ๋องผู้มีเวทย์มนต์วิเศษเป็นคู่คิด แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะขงเบ้งได้ จึงให้ตั้วไหลน้องภรรยา ทำเป็นจับตัวเบ้งเฮ็กเบ้งฮิวและนางจกหยงมัดนำไปให้ขงเบ้ง แต่ขงเบ้งก็ค้นตั้วไหลได้อาวุธที่ซ่อนเตรียมมาฆ่าขงเบ้ง แบบยอมตัวตายหมด ขงเบ้งก็หัวเราะเยาะว่าเมื่อคราวก่อนเอียวหองเพื่อนท่านจับตัวมาให้ก็ไว้ชีวิต แต่มาคราวนี้ทำอุบายตื้น ๆ ให้น้องเมียจับตัวมาจะว่าอย่างไร เบ้งเฮ็กก็ดื้อว่า
“ เรายังมิได้แพ้ฝีมือท่าน หากว่าเราคิดผิด เข้ามาหาที่ตายเอง “
ขงเบ้งจึงปล่อยตัวไป
ครั้งที่เจ็ด เบ้งเฮ็กพาครอบครัวกับทหารที่เหลือประมาณแปดร้อย ไปอาศัยลุดตัดกุด เจ้าเมืองออโกก๊ก ซึ่งอยู่ไกลไปทางทิศตะวันออกถึงเจ็ดพันเส้น มีทหารที่คงกระพันชาตรี เพราะสวมเกราะหวายแช่น้ำมันยิงฟันไม่เข้า และสามารถลอยตัวข้ามน้ำได้ เรียกชื่อแปลกว่าทหารตีนกะเป๋ง จำนวนประมาณสามหมื่น ยกมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำโท้หัวซุย
ขงเบ้งก็วางอุบายให้อุยเอี๋ยนออกรบแล้วทำเป็นแพ้ถอยหนีไปถึงสิบห้าครั้ง ตัวลุดตัดกุดขี่ช้างมารบกับอุยเอี๋ยน แล้วก็ไล่ตามไปจนถึงตำบลจัวปัวสกซึ่งเป็นพื้นที่ราบเรียบ และขงเบ้งได้ทิ้งเกวียนบรรจุประทัดเหล็กดักเอาไว้ โดยให้จูล่งคุมทหารจุดเพลิงทิ้งให้เกวียนนั้นระเบิดขึ้น เป็นเพลิงไหม้ทหารตีนกะแป๋งตายไปประมาณสองหมื่น และที่ถูกประทัดเหล็กตัดศีรษะและแขนขาอีกประมาณหมื่นหนึ่ง กลิ่นศพไหม้เหม็นฟุ้งตระหลบไป ตัวลุดตัดกุดก็ตายอยู่กลางเพลิงนั้น
พอเบ้งเฮ็กยกทหารหนุนขึ้นไปในเวลากลางคืนก็ถูกทหารของขงเบ้งล้อมจับตัวไว้ได้ และขงเบ้งก็ให้ทหารตีค่ายเบ้งเฮ็กแตก จับตัวนางจกหยง เบ้งฮิว ตั้วไหล และสมัครพรรคพวกมาได้ทั้งสิ้น คราวนี้เบ้งเฮ็กคิดได้ว่า แต่ก่อนมาไม่เคยได้ยินว่าทำการศึกกัน เขาจับได้แล้วปล่อยเสียเจ็ดครั้ง แม้ตนจะเป็นคนต่างแดนกับเขาก็จริง แต่ก็ควรรู้จักผิดชอบและมีความอายอยู่บ้าง จึงทิ้งทิฐิมานะ ชวนภรรยาและครอบครัว รวมทั้งสมัครพรรคพวกมาคำนับกราบขงเบ้งแล้วสารภาพว่า
“ ตัวข้าพเจ้าได้กระทำความผิด มหาอุปราชไว้ชีวิตปล่อยไปมิเอาโทษข้าพเจ้าถึงหกครั้ง มหาอุปราชจงอดโทษข้าพเจ้าเถิด แต่นี้ไปเมื่อหน้าข้าพเจ้ามิได้คดต่อมหาอุปราชสืบไปอีกเลย “
ขงเบ้งจึงให้เบ้งเฮ็กเป็นเจ้าเมืองมันอ๋องตามเดิม ชาวเมืองทั้งปวงก็ปลูกศาลเทพารักษ์ ทำเป็นรูปขงเบ้งขึ้นไว้ จารึกชื่อว่า จูฮู แปลว่าบิดาของชาวเมือง และการศึกสงครามภายนอกของขงเบ้ง ก็เป็นอันยุติลงโดยเด็ดขาด
คงเหลือแต่ศึกภายในคือวุยก๊ก ซึ่งจะต้องกำจัดลง เพื่อให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนผู้สืบสกุลของพระเจ้าเล่าปี่ ได้เป็นฮ่องเต้สืบต่อราชวงศ์ฮั่นต่อไป ตามเจตนาเดิม.
############
วางเมื่อ ๒๗ ก.ย.๕๖ เวลา ๑๘.๔๐
เกร็ดสามก๊ก ๒๗ ก.ย.๕๖
ผู้พิทักษ์เสฉวน
ตอนที่ ๒ ปราบฮวนหัวเห็ด
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อขงเบ้งจัดการปราบปรามกลุ่มขบถภายในแล้ว ก็ยาตราทัพเข้าไปในเขตแดนเมืองมันอ๋อง เบ้งเฮ็กจึงสั่งให้ กิมห้วน สุนา และห้วยหลำ คุมทหารคนละห้าหมื่น ออกมาต้านทางเป็นสามเส้า ขงเบ้งรู้ข่าวแล้วก็แกล้งเรียกจูล่งกับอุยเอี๋ยนมาฟังราชการ แต่กลับสั่งให้อองเป๋งคุมทหารไปรบกับสุนา ม้าตงคุมทหารไปรบกับห้วยหลำ และเตีวหงีกับเตียวเอ๊กไปรบกับกิมห้วน โดยให้ยกออกไปพร้อมกันในวันรุ่งขึ้น
จูล่งกับอุยเอี๋ยนก็ประท้วงว่าทำไมไม่ใช้ตน ขงเบ้งก็ว่าทั้งสองยังไม่จัดเจนหนทางของเมืองนี้ เกลือกฉุกละหุกจะเสียทีแก่ข้าศึก การข้างหน้ายังอีกมาก อย่าปรารมภ์ว่าจะไม่ใช้ จูล่งก็ปรึกษากับอุยเอี๋ยนว่า เราสองคนเป็นนายทหารผู้ใหญ่ ขงเบ้งใช้แต่ทหารผู้น้อยเราอายนัก อุยเอี๋ยนก็สนับสนุนว่าเราออกไปเที่ยวจับชาวบ้านแถวนี้มานำทางดีกว่า
ทั้งสองนายทหารเอกก็เที่ยวไล่จับคนที่อยู่ใกล้เคียงมาได้ห้าคน ปรากฏว่าเป็นทหารของเบ้งเฮ็กซึ่งกลัวตาย จึงยินยอมนำทางไปตีค่ายทั้งสามของข้าศึกในคืนนั้น จูล่งกับอุยเอี๋ยนก็พาทหารฝีมือดีคนละห้าพัน ยกไปถึงค่ายของกิมห้วนซึ่งอยู่ตรงกลาง เมื่อประมาณสิบทุ่ม ก็เข้าตีในขณะที่ทหารข้าศึกกำลังหุงข้าวอยู่ ข้าศึกก็แตกตื่นตกใจไม่เป็นสู้ กิมห้วนจะขับม้าหนีก็ถูกจูล่งแทงตาย แล้วตัดศีรษะไว้ จากนั้นจูล่งก้แยกไปตีค่ายห้วยหลำทางตะวันตก อุยเอี๋ยนไปตีค่ายสุนาทางตะวันออก
พอขงเบ้งรู้ว่าจูล่งกับอุยเอี๋ยนยกทหารออกไปแล้ว ก็เปลี่ยนแผนใหม่ ให้อองเป๋งกับม้าตงไปช่วยตีค่ายทั้งสองทิศ ส่วนเตียวหงีกับเตียวเอ๊กให้คอยดักจับแม่ทัพที่หนีออกมาจากค่ายทั้งสอง พอรุ่งขึ้นจูล่งกับอุยเอี๋ยนก็ตีค่ายทั้งสองแตก แต่ตัวนายทัพหนีไปจนมุมซอกเขา ถูกจับตัวได้ตามแผนที่ขงเบ้งวางไว้
ขงเบ้งจึงแจ้งว่าได้ทำอุบายให้จูล่งกับอุยเอี๋ยนมีมานะออกไปรบเอง แล้วจึงวางแผนไว้ช่วยเหลือภายหลัง จากนั้นก็แก้มัดสุนากับห้วยหลำที่ถูกจับเสีย และปล่อยกับไปไม่เอาโทษ แต่อย่ากลับมารบอีก ทั้งสองก็ให้สัญญาเป็นมั่นคง
รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ขงเบ้งก็ให้จูล่งคุมทหารห้าพันไปคอยอยู่ทางหัวเขากิมไต๋ ส่วนอุยเอี๋ยนคุมทหารห้าพันไปคอยอยู่ที่ช่องแคบท้ายเขา ให้เตียวเอ๊กกับเตียวหงีคุมทหารไปซุ่มอยู่ชายป่าซ้ายขวา แล้วให้อองเป๋งกับกวนสกลูกของกวนอู คุมทหารไปรบกับเบ้งเฮ็กซึ่งยกออกมาแต่เช้าเหมือนกัน
เบ้งเฮ็กให้เงียมเตียงถือง้าวออกมารบกับอองเป๋งและกวนสก ได้ประมาณห้าเพลง ทั้งสองก็ทำเป็นเสียทีหนีพลางรบพลาง เบ้งเฮ็กก็ขับทหารตามไปประมาณห้าร้อยเส้น เจอเตียวเอ๊กเตียวหงียกทหารออกจากป่าที่ซุ่มอยู่ เข้าตีกระหนาบสองข้าง อองเป๋งกวนสกก็หันกลับมารบอีก ทหารของเบ้งเฮ็กถูกฆ่าฟันล้มตายลงเป็นอันมาก เบ้งเฮ็กเห็นท่าไม่ดีก็ขับม้ารบแหกออกไปทางหัวเขากิมไต๋ เจอจูล่งดักอยู่ก็ลัดหนีไปทางช่องแคบท้ายเขา มีทหารติดตามประมาณห้าสิบคน ทางนั้นแคบก็ทิ้งม้าลงเดิน เจออุยเอี๋ยนขวางหน้าอยู่ ก็จะปีนขึ้นเขา แต่ไม่ทันถูกทหารรุมจับตัวมัดมาให้ขงเบ้งที่ค่าย
ขงเบ้งก็แต่งโต๊ะตั้งเหล้าข้าวไว้เต็มที่ แล้วจัดที่ทางค่ายคู ให้ทหารถืออาวุธยืนล้อมไว้เจ็ดชั้น ตัวขงเบ้งนั่งในที่สมควร แล้วเบิกตัวทหารของเบ้งเฮ็กที่จับได้มาแก้มัดออก กล่าวว่า
“ คนทั้งปวงเป็นแต่ไพร่พลเมือง เบ้งเฮ็กเกณฑ์เอาตัวมารบ ขัดเขามิได้ก็จำเป็นจำมา ครั้นเราจับไว้ได้ฉะนี้ ฝ่ายลูกเมียพี่น้องที่อยู่ข้างหลังก็คอยหา ครั้นไม่เห็นกลับไปก็จะร้องไห้เป็นทุกข์ถึง เราคิดเอ็นดูคนทั้งปวงไม่ฆ่าเสีย แล้วจะปล่อยไปเอาบุญ “
แล้วก็เลี้ยงข้าวปลาอาหารจนอิ่มจึงปล่อยตัวกลับบ้านเมืองไป จากนั้นก็ให้เบิกตัว เบ้งเฮ็กเข้ามาถามว่า เราจับตัวมาได้ดังนี้แล้ว ท่านเกรงกลัวเราหรือยัง เบ้งเฮ็กก็แก้ว่า
“ นี้หากว่าเราแตกทัพหนีไปช่องเขาทางแคบ จึงจับตัวได้ แม้หนีไปทางกว้างที่ไหนจะจับเราได้ “
ขงเบ้งก็แก้มัดออก ให้เสื้อผ้านุ่งห่มใหม่ แล้วก็ยกโต๊ะมาเลี้ยงดูจนอิ่ม แล้วให้ม้าตัวหนึ่งขี่กลับบ้านไป แม่ทัพนายทหารเห็นดังนั้นจึงว่า เรามารบทั้งนี้หวังจะเอาตัวเบ้งเฮ็ก เมื่อจับมาได้แล้วทำไมจึงปล่อยไปเสียเล่า ขงเบ้งก็หัวเราะแล้วว่า
“ อย่าสงสัยเลย ทำไมกับจะจับตัวเบ้งเฮ็ก เหมือนหนึ่งไขกุญแจหีบหยิบเอาทอง แต่หากเราจะทำให้มันเกรงจงมาก “
แต่การสงครามก็ไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น ขงเบ้งต้องรบกับเบ้งเฮ็กอีกหลายครั้งกว่าจะยุติลงได้
ครั้งที่สอง เบ้งเฮ็กตั้งค่ายริมแม่น้ำลกซุยซึ่งเป็นแม่น้ำมีพิษ ทหารของขงเบ้งลงไปอาบกินก็มีโลหิตออกปากจมูกตายไปพันเศษ แต่พอตกกลางคืนกลับไม่เป็นอันตราย และยังไม่ทันรบก็ได้ สุนาเป็นไส้ศึก จับตัวเบ้งเฮ็กมาให้ขงเบ้งอีก ขงเบ้งก็ถามว่ากลัวหรือยัง เบ้งเฮ็กร้องว่า
“ มิใช่เรารบแพ้ด้วยฝีมือนั้นหาไม่ นี่ทหารเรามันชั่วจึงจับตัวเรามาส่ง “
ขงเบ้งจึงให้ลงเรือข้ามฟากกลับไป เบ้งเฮ็กก็เลยไปล่อลวงสุนากับห้วยหลำมาฆ่าเสียด้วยความแค้น
ครั้งที่สามเบ้งเฮ๋กให้เบ้งฮิวน้องชายเอาเครื่องบรรณาการมาให้ขงเบ้งเผื่อจะตายใจ แล้วยกกองทัพตามมาตี แต่ขงเบ้งวางอุบายดักไว้จึงถูกจับอีก หนนี้เบ้งเฮ็กแย้งว่า
“ ท่านจับเราได้ทั้งนี้เพราะน้องเราเห็นแก่กินจึงถูกยาเมาของท่านเรายกมาจึงเสียการ “
ขงเบ้งก็ปล่อยตัวไปทั้งสองพี่น้อง แล้วก็ตามไปยึดค่ายของเบ้งเฮ็กที่ตั้งคนละฟากแม่น้ำไว้เป็นที่มั่น
ครั้งที่สี่ เบ้งเฮ็กเรียกทหารหัวเมืองที่ขึ้นด้วยถึงเก้าสิบสามหัวเมือง รวมพลได้ห้าสิบหมื่นยกมาตั้งริมแม่น้ำเซียงหยี ขงเบ้งก็หลอกล่อให้เข้าตีค่ายลวงจนตกหลุมพรางที่ขุดดักเอาไว้ ถูกจับตัวได้ทั้งสองพี่น้อง คราวนี้ขงเบ้งสั่งให้ประหารเบ้งเฮ๋ก แต่เบ้งเฮ็กก็มิได้ครั่นคร้าม สีหน้าสดชื่นเป็นปกติ ขงเบ้งก็ถามว่า
“ แต่จับท่านได้ถึงสี่ครั้งนี้ แล้วเรามิได้ทำอันตราย ไมตรีเรามีอยู่กับท่านเป็นอันมาก เหตุไฉนท่านจึงไม่อ่อนน้อมต่อเราบ้าง “
เบ้งเฮ็กก็เถียงตามเคยว่า
“ เรากับท่านเป็นคนต่างแดนผิดภาษากัน ซึ่งเราจะสมัครอ่อนน้อมต่อท่านนั้นไม่ชอบ เพราะท่านชำนาญแต่กลอุบายฝ่ายเดียว หาชนะเราด้วยฝีมือไม่ “
เกิดถูกใจขงเบ้งเลยปล่อยตัวไปอีก
ครั้งที่ห้า สองพี่น้องไปขออาศัยอยู่กับโต้สูไต้อ๋อง ณ เขาอิมตองสัน ซึ่งมีทางขึ้นเฉพาะให้ผ่านลำธารสี่แห่งที่ใครกินก็ตายทั้งสิ้น แล้วจึงถึงแดนงูร้ายไม่มีใครจะรอดไปได้ แต่ขงเบ้งได้ยาดีจากเบ้งเจียดพี่ชายเบ้งเฮ็ก จึงพาทหารผ่านได้โดยตลอดปลอดภัย และยังได้เอียวหยงกับบุตรอีกห้าคน ช่วยกันจับตัวเบ้งเฮ็ก เบ้งฮิวและโต้สูไต้อ๋องมาให้ขงเบ้ง คราวนี้เบ้งเฮ็กอุทธรณ์ว่า
“ บัดนี้เอียวหยงเพื่อนเราทำกลอุบายให้เราไว้ใจจึงจับเรามาได้ ถึงท่านจะฆ่าเสียก็ตามเถิด เรามิได้อ่อนน้อมต่อเป็นอันขาด “
และตะแบงว่าเป็นเพราะอยู่ในป่าจึงจับได้ ถ้าอยู่ในเมืองแม้จับได้จะขออ่อนน้อมชั่วลูกหลาน ขงเบ้งอยากลองของจึงปล่อยตัวไป
ครั้งที่หก เบ้งเฮ็กตั้งรับในเมืองงินแข เหลือทหารประมาณพันเศษได้นางจกหยงภรรยาและบกลกไต้อ๋องผู้มีเวทย์มนต์วิเศษเป็นคู่คิด แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะขงเบ้งได้ จึงให้ตั้วไหลน้องภรรยา ทำเป็นจับตัวเบ้งเฮ็กเบ้งฮิวและนางจกหยงมัดนำไปให้ขงเบ้ง แต่ขงเบ้งก็ค้นตั้วไหลได้อาวุธที่ซ่อนเตรียมมาฆ่าขงเบ้ง แบบยอมตัวตายหมด ขงเบ้งก็หัวเราะเยาะว่าเมื่อคราวก่อนเอียวหองเพื่อนท่านจับตัวมาให้ก็ไว้ชีวิต แต่มาคราวนี้ทำอุบายตื้น ๆ ให้น้องเมียจับตัวมาจะว่าอย่างไร เบ้งเฮ็กก็ดื้อว่า
“ เรายังมิได้แพ้ฝีมือท่าน หากว่าเราคิดผิด เข้ามาหาที่ตายเอง “
ขงเบ้งจึงปล่อยตัวไป
ครั้งที่เจ็ด เบ้งเฮ็กพาครอบครัวกับทหารที่เหลือประมาณแปดร้อย ไปอาศัยลุดตัดกุด เจ้าเมืองออโกก๊ก ซึ่งอยู่ไกลไปทางทิศตะวันออกถึงเจ็ดพันเส้น มีทหารที่คงกระพันชาตรี เพราะสวมเกราะหวายแช่น้ำมันยิงฟันไม่เข้า และสามารถลอยตัวข้ามน้ำได้ เรียกชื่อแปลกว่าทหารตีนกะเป๋ง จำนวนประมาณสามหมื่น ยกมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำโท้หัวซุย
ขงเบ้งก็วางอุบายให้อุยเอี๋ยนออกรบแล้วทำเป็นแพ้ถอยหนีไปถึงสิบห้าครั้ง ตัวลุดตัดกุดขี่ช้างมารบกับอุยเอี๋ยน แล้วก็ไล่ตามไปจนถึงตำบลจัวปัวสกซึ่งเป็นพื้นที่ราบเรียบ และขงเบ้งได้ทิ้งเกวียนบรรจุประทัดเหล็กดักเอาไว้ โดยให้จูล่งคุมทหารจุดเพลิงทิ้งให้เกวียนนั้นระเบิดขึ้น เป็นเพลิงไหม้ทหารตีนกะแป๋งตายไปประมาณสองหมื่น และที่ถูกประทัดเหล็กตัดศีรษะและแขนขาอีกประมาณหมื่นหนึ่ง กลิ่นศพไหม้เหม็นฟุ้งตระหลบไป ตัวลุดตัดกุดก็ตายอยู่กลางเพลิงนั้น
พอเบ้งเฮ็กยกทหารหนุนขึ้นไปในเวลากลางคืนก็ถูกทหารของขงเบ้งล้อมจับตัวไว้ได้ และขงเบ้งก็ให้ทหารตีค่ายเบ้งเฮ็กแตก จับตัวนางจกหยง เบ้งฮิว ตั้วไหล และสมัครพรรคพวกมาได้ทั้งสิ้น คราวนี้เบ้งเฮ็กคิดได้ว่า แต่ก่อนมาไม่เคยได้ยินว่าทำการศึกกัน เขาจับได้แล้วปล่อยเสียเจ็ดครั้ง แม้ตนจะเป็นคนต่างแดนกับเขาก็จริง แต่ก็ควรรู้จักผิดชอบและมีความอายอยู่บ้าง จึงทิ้งทิฐิมานะ ชวนภรรยาและครอบครัว รวมทั้งสมัครพรรคพวกมาคำนับกราบขงเบ้งแล้วสารภาพว่า
“ ตัวข้าพเจ้าได้กระทำความผิด มหาอุปราชไว้ชีวิตปล่อยไปมิเอาโทษข้าพเจ้าถึงหกครั้ง มหาอุปราชจงอดโทษข้าพเจ้าเถิด แต่นี้ไปเมื่อหน้าข้าพเจ้ามิได้คดต่อมหาอุปราชสืบไปอีกเลย “
ขงเบ้งจึงให้เบ้งเฮ็กเป็นเจ้าเมืองมันอ๋องตามเดิม ชาวเมืองทั้งปวงก็ปลูกศาลเทพารักษ์ ทำเป็นรูปขงเบ้งขึ้นไว้ จารึกชื่อว่า จูฮู แปลว่าบิดาของชาวเมือง และการศึกสงครามภายนอกของขงเบ้ง ก็เป็นอันยุติลงโดยเด็ดขาด
คงเหลือแต่ศึกภายในคือวุยก๊ก ซึ่งจะต้องกำจัดลง เพื่อให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนผู้สืบสกุลของพระเจ้าเล่าปี่ ได้เป็นฮ่องเต้สืบต่อราชวงศ์ฮั่นต่อไป ตามเจตนาเดิม.
############
วางเมื่อ ๒๗ ก.ย.๕๖ เวลา ๑๘.๔๐