บันทึกจากสามก๊ก
วาระสุดท้ายของตัวละคร
“เล่าเซี่ยงชุน”
๑.ฮัวหยง
ครั้งแรกอ่านไปพบ ฮัวหยง ผู้อาสาลิโป้ออกรบกับกองทัพบ้านนอกของโจโฉ สองวันก็ฆ่าทหารเอกของข้าศึกตายไปถึงสี่คน พอมารบกับกวนอูท่านก็ว่า
“...ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้น ได้ยินเสียงกลองและม้าล่อดังอื้ออึง ก็ชวนกันไปดูกวนอูรบกับฮัวหยง ครั้นออกไปถึงประตูค่าย ก็เห็นกวนอูหิ้วเอาศีรษะฮัวหยง กลับมาทิ้งไว้ตรงหน้าค่าย......”
แค่นี้เอง ตายแล้วก็กลิ้งอยู่กลางดิน.
๒. เตียวหยิม
ภายในเมืองลกเสีย จึงเหลือแต่ เล่าชุน บุตรของ เล่าเจี้ยง กับสามทหารเอกคือ เตียวหยิม งออี้ และเล่ากุ๋ย ปรึกษากันแล้วก็มีหนังสือถึงเล่าเจี้ยงขอทหารกองหนุนมาเพิ่มอีก ระหว่างรอเตียวหยิมกับงออี้ ก็คุมทหารออกรบกับเตียวหุย พอได้ทีล้อมเตียวหุยไว้แล้ว ก็พอดีจูล่งยกทัพเรือมาถึง ช่วยแก้ให้หลุดไปได้อีก แล้วตีเตียวหยิมแตกทัพเข้าเมือง และจับงออี้เป็นเชลยไป งออี้ก็ยอมสามิภักดิ์กับเล่าปี่อีกคนหนึ่ง
ขงเบ้งซักถามเชลยแล้วก็รู้ว่าเตียวหยิมเป็นทหารเอกฝีมือเข้มแข็งของเสฉวน จึงคิดจะจัดการเสียก่อน ที่เหลือก็คงปราบได้ไม่ยาก จึงขี่เกวียนไปตรงประตูเมืองด้านตะวันออกกับทหารประมาณสามสิบคน ล่อให้เตียวหยิมออกมา ขณะนั้นเตียวหยิมได้รับกองหนุนมาแล้วโดยมี โตเอ๋ง เป็นนายทหารคุมมา เห็นขงเบ้งมากับทหารหยิบมือเดียว ก็ยกทหารออกจากเมือง ขงเบ้งก็ทำเป็นกลัวทิ้งเกวียนแล้วขึ้นม้า พาทหารหนีข้ามสะพานกิ๋มงันเกียวโป๋ผ่านป่าไม้อ้อ ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานประมาณหกสิบเส้น
เตียวหยิมกับโตเอ๋งก็คุมทหารไล่ตามมา จูล่งซึ่งซุ่มอยู่ใกล้ก็ออกมารื้อสะพานเสีย พอถึงป่าไม้อ้อเล่าปี่กับเงียมหงันก็ยกทหารเข้าตีกระหนาบทั้งสองฟาก อุยเอี๋ยนกับฮองตงก็ดักรออยู่ข้างหน้า จูล่งก็ตามติดมาข้างหลัง เตียวหยิมตกอยู่กลางวงล้อมม่สามารถจะถอยกลับได้เพราะสะพานถูกรื้อเสียแล้ว เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ จึงพาทหารขับม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง ก็เจอเตียวหุยสกัดปลายทาง ให้ทหารล้อมจับตัวเตียวหยิมจนได้ โตเอ๋งก็เลยหมดกำลังใจยอมมอบตัวต่อจูล่ง
พอมาถึงค่ายเล่าปี่ก็ยกโทษให้ตามเคย แต่เตียวหยิมผู้เดียวไม่ยอมแพ้ เล่าปี่ถามว่า บรรดาทหารในเมืองนี้ก็ยอมหมดสิ้นแล้ว ทำไมจึงมีใจกระด้างขัดแข็งนัก เมื่อไม่อ่อนน้อมแล้วจะคิดประการใด เตียวหยิมมิได้กลัวความตาย ร้องตวาดว่า
"...ตัวเราเป็นชายชาติทหาร จะกลัวอันตรายกลับไปนบนอบเข้าด้วยผู้อื่น หวังจะรักษาชีวิตนั้น ก็มิควรแก่คนที่ซื่อต่อเจ้า อันเป็นชายชาติทหารใจเป็นสองนั้นมิต้องประเพณี ธรรมดาสตรีที่ดีมีมารยาท ก็มิอาจมีผัวให้เป็นสอง...."
แล้วก็ด่าเล่าปี่เป็นข้อหยาบช้าต่อไปขงเบ้งจึงให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย แต่เล่าปี่เอ็นดูว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต จึงให้เอาศพไปฝังไว้ที่ต้นสะพานกิ๋มงันเกียวโป๋ แล้วจารึกข้อความไว้ ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งปวงในภายหน้า
๓ ตันก๋ง
ตันก๋งนั้นเป็นที่ปรึกษาของลิโป้มาอีกนาน จนแย่งเมืองชีจิ๋วจากเล่าปี่ได้ แต่ถูกโจโฉหวนกลับมาตีแตก ต้องหนีไปจนมุมอยู่ที่เมืองแห้ฝือ และถูกลิ่วล้อทรยศจับตัวไปให้โจโฉประหารชีวิตเสีย ตันก๋งพยายามจะหนีแต่ไม่พ้น ถูกจับตัวมาให้โจโฉจนได้
โจโฉยังคิดถึงบุญคุณของตันก๋ง เมื่อครั้งหนีจากเมืองหลวง ไปจัดตั้งขบวนการกู้ชาติ อยู่ อยากจะเอาตัวไว้จึงพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ตันก๋งไม่ยินดีด้วย บอกว่า
“……..ตัวกูบัดนี้ถึงที่ตายอยู่แล้ว มืงจะมาซักไซ้ถามเอาเนื้อความสิ่งใดอีกเล่า…”
โจโฉก็ยังไม่โกรธแกล้งถามว่า ซึ่งว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่มารดากับภรรยานั้น จะคิดประการใด ตันก๋งก็คิดอาลัยมารดากับภรรยา จึงยอมอ่อนข้อบอกแก่โจโฉว่า
“…….อันธรรมดาชาติทหารจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ถึงจะจับข้าศึกได้ก็ไม่ทำอันตราย แก่บิดามารดาแลบุตรภรรยา ผู้ใดทำผิดก็ทำโทษแต่ผู้นั้น บัดนี้ตัวเราทำผิดถึงที่ตายอยู่แล้ว ก็มิได้อาลัยแก่ชีวิต เราจะขอฝากมารดากับภรรยา มหาอุปราชจงกรุณาเลี้ยงดูไว้ด้วย…….”
โจโฉยังไม่ทันจะตอบประการใด ตันก๋งก็เดินลงไปจากหอรบจะให้ทหารฟันคอเสีย โจโฉให้ทหารยุดตัวไว้ตันก๋งก็มิได้ฟัง โจโฉก็ใจอ่อนมีความสงสาร เดินร้องไห้ตามหลังไปแล้วว่า
“……..ตัวท่านมิพอใจอยู่แล้วก็ตามทีเถิด อันมารดาแลภรรยาของท่านนั้น อย่าเป็นกังวลวิตกเลย เราจะเลี้ยงไว้ให้เป็นปกติ…….”
ในขณะนั้นตันก๋งจะคิดอย่างไรคงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แต่เมื่อออกมานอกประตูเมือง ก็เร่งให้ทหารลงดาบ ทหารก็ฟันตันก๋งตายตามความปรารถนา โจโฉจึงให้เอาศพไปแต่งการฝังไว้ แล้วคุมตัวมารดากับภรรยาตันก๋งไปเลี้ยงไว้ที่เมืองฮูโต๋ มิให้ผู้ใดทำอันตรายได้
๔.งันเหลียง กับ บุนทิว
.....เมื่อโจโฉยกทัพไปรบกับอ้วนเสี้ยวครั้งแรก กวนอู ซึ่งยอมสามิภักดิ์ต่อโจโฉ ไม่รู้ว่าเล่าปี่ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว จึงช่วยโจโฉรบ ขณะนั้น งันเหลียง ทหารเอกของอ้วนเสี้ยวได้ฆ่าทหารเอกของโจโฉไปแล้วสองคน กวนอูก็บอกว่า
"..….ข้าพเจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้าง ซึ่งว่าจะขออาสาไปตัดศรีษะงันเหลียง มาให้แก่ท่าน เห็นจะไม่ยากนัก อุปมาเหมือนเอาตะเกียบหยิบของกินในโต๊ะ...."
ว่าแล้วก็ควงง้าวคู่มือ ควบม้าฝ่าทหารเลวเข้าไปหางันเหลียง โดยไม่ทันให้ตั้งตัว แล้วก็เอาง้าวฟันคองันเหลียง ซึ่งกำลังตกตลึงอยู่ เอาศรีษะมาให้โจโฉได้อย่างรวดเร็ว
อ้วนเสี้ยวก็ส่ง บุนทิว ทหารเอกคู่หูของงันเหลียง ซึ่งเป็นผู้มีกำลังมาก สูงหกศอกหน้าดำเหมือนหมี ออกรบแก้แค้นแทนเพื่อน แต่ถูกอุบายของโจโฉต้องถอยหนี และถูกทหารเอกของโจโฉสองคนไล่ตามหลังมา บุนทิวหันหน้ามาสู้ เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งกันไว้ได้ต้องพากันกลับมาหาโจโฉ
กวนอูจึงรับอาสาควบม้าเข้าไปรบได้สามเพลง บุนทิวต้านทานกำลังมิได้ก็ชักม้าควบหนี ไปจนมุมอยู่ริมแม่น้ำฮองโห กวนอูตามไปทันก็ฟันด้วยง้าว บุนทิวก็ตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง...
๕. บังเต๊ก
ต่อมา บังเต๊ก เป็นแม่ทัพหน้าของโจโฉ อุตส่าหฟ์ลากโลงศพไปรบด้วย แต่ถูก กวนอูจับได้ นำมาสอบสวน บังเต๊กไว้ศักดิ์ศรีแม่ทัพไม่ยอมคำนับกวนอูเช่นผู้แพ้ กวนอูจึงถามว่า ทั้งบังฮิวพี่ชายและม้าเฉียวนายเก่า ก็เป็นข้าราชการในเมือง เสฉวน ของพระเจ้าเล่าปี่ บัดนี้เรารบชนะแล้วทำไมไม่ยอมสมัครอยู่กับเรา
บังเต๊กก็เชิดหน้าตอบว่าเราเป็นข้าของพระเจ้าวุยอ๋อง ซึ่งมีคุณแก่เราเป็นอันมาก และย้ำว่า
"...ซึ่งเราจะยอมเข้าแก่ท่านนั้นมิบังควร เราจะขอตายด้วยคมหอกคมดาบ หารักชีวิตไม่......"
กวนอูจึงให้เอาตัวไปประหารเสีย แต่ก็ยังปราณีในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของบังเต๊ก จึงให้เอาศพไปฝังไว้ให้สมกับเกียรติยศของแม่ทัพหน้าข้าศึก
เป็นอันว่าโลงที่อุตส่าห์แบกมาตั้งไกลนั้น ลงท้ายก็มิได้ใส่ศีรษะของกวนอู และมิได้ใส่ศพของผู้แบกกลับไปอีกด้วย
ชีวิตของ บังเต๊ก ยอดทหารที่ไม่มีชื่อจารึก อยู่ในอนุสาวรีย์ใดของสามก๊ก ก็ถึงจุดจบลง ณ สมรภูมิเมืองอ้วนเสียนี้เอง
ตลอดชีวิตของเขาแม้จะได้ทำความดีมามาก แต่ก็ได้นายที่บ้าบิ่นอย่างม้าเฉียว หูเบาอย่างเตียวฬ่อ ขี้อิจฉาอย่างอิกิ๋ม และนายที่ผู้คนชิงชังทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างโจโฉ ชตาชีวิตของเขาจึงไม่รุ่งโรจน์เหมือนคนอื่น
แต่แม้กระนั้นเขาก็เป็นตัวของเขาเองที่มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ กตัญญู สมควรได้รับคำยกย่อง ว่าเป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ในกระบวนอัศวินด้วยกัน...มิใช่หรือ.
##############
วาระสุดท้ายของตัวละคร ๒๕ ธ.ค.๕๘
วาระสุดท้ายของตัวละคร
“เล่าเซี่ยงชุน”
๑.ฮัวหยง
ครั้งแรกอ่านไปพบ ฮัวหยง ผู้อาสาลิโป้ออกรบกับกองทัพบ้านนอกของโจโฉ สองวันก็ฆ่าทหารเอกของข้าศึกตายไปถึงสี่คน พอมารบกับกวนอูท่านก็ว่า
“...ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้น ได้ยินเสียงกลองและม้าล่อดังอื้ออึง ก็ชวนกันไปดูกวนอูรบกับฮัวหยง ครั้นออกไปถึงประตูค่าย ก็เห็นกวนอูหิ้วเอาศีรษะฮัวหยง กลับมาทิ้งไว้ตรงหน้าค่าย......”
แค่นี้เอง ตายแล้วก็กลิ้งอยู่กลางดิน.
๒. เตียวหยิม
ภายในเมืองลกเสีย จึงเหลือแต่ เล่าชุน บุตรของ เล่าเจี้ยง กับสามทหารเอกคือ เตียวหยิม งออี้ และเล่ากุ๋ย ปรึกษากันแล้วก็มีหนังสือถึงเล่าเจี้ยงขอทหารกองหนุนมาเพิ่มอีก ระหว่างรอเตียวหยิมกับงออี้ ก็คุมทหารออกรบกับเตียวหุย พอได้ทีล้อมเตียวหุยไว้แล้ว ก็พอดีจูล่งยกทัพเรือมาถึง ช่วยแก้ให้หลุดไปได้อีก แล้วตีเตียวหยิมแตกทัพเข้าเมือง และจับงออี้เป็นเชลยไป งออี้ก็ยอมสามิภักดิ์กับเล่าปี่อีกคนหนึ่ง
ขงเบ้งซักถามเชลยแล้วก็รู้ว่าเตียวหยิมเป็นทหารเอกฝีมือเข้มแข็งของเสฉวน จึงคิดจะจัดการเสียก่อน ที่เหลือก็คงปราบได้ไม่ยาก จึงขี่เกวียนไปตรงประตูเมืองด้านตะวันออกกับทหารประมาณสามสิบคน ล่อให้เตียวหยิมออกมา ขณะนั้นเตียวหยิมได้รับกองหนุนมาแล้วโดยมี โตเอ๋ง เป็นนายทหารคุมมา เห็นขงเบ้งมากับทหารหยิบมือเดียว ก็ยกทหารออกจากเมือง ขงเบ้งก็ทำเป็นกลัวทิ้งเกวียนแล้วขึ้นม้า พาทหารหนีข้ามสะพานกิ๋มงันเกียวโป๋ผ่านป่าไม้อ้อ ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานประมาณหกสิบเส้น
เตียวหยิมกับโตเอ๋งก็คุมทหารไล่ตามมา จูล่งซึ่งซุ่มอยู่ใกล้ก็ออกมารื้อสะพานเสีย พอถึงป่าไม้อ้อเล่าปี่กับเงียมหงันก็ยกทหารเข้าตีกระหนาบทั้งสองฟาก อุยเอี๋ยนกับฮองตงก็ดักรออยู่ข้างหน้า จูล่งก็ตามติดมาข้างหลัง เตียวหยิมตกอยู่กลางวงล้อมม่สามารถจะถอยกลับได้เพราะสะพานถูกรื้อเสียแล้ว เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ จึงพาทหารขับม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง ก็เจอเตียวหุยสกัดปลายทาง ให้ทหารล้อมจับตัวเตียวหยิมจนได้ โตเอ๋งก็เลยหมดกำลังใจยอมมอบตัวต่อจูล่ง
พอมาถึงค่ายเล่าปี่ก็ยกโทษให้ตามเคย แต่เตียวหยิมผู้เดียวไม่ยอมแพ้ เล่าปี่ถามว่า บรรดาทหารในเมืองนี้ก็ยอมหมดสิ้นแล้ว ทำไมจึงมีใจกระด้างขัดแข็งนัก เมื่อไม่อ่อนน้อมแล้วจะคิดประการใด เตียวหยิมมิได้กลัวความตาย ร้องตวาดว่า
"...ตัวเราเป็นชายชาติทหาร จะกลัวอันตรายกลับไปนบนอบเข้าด้วยผู้อื่น หวังจะรักษาชีวิตนั้น ก็มิควรแก่คนที่ซื่อต่อเจ้า อันเป็นชายชาติทหารใจเป็นสองนั้นมิต้องประเพณี ธรรมดาสตรีที่ดีมีมารยาท ก็มิอาจมีผัวให้เป็นสอง...."
แล้วก็ด่าเล่าปี่เป็นข้อหยาบช้าต่อไปขงเบ้งจึงให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย แต่เล่าปี่เอ็นดูว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต จึงให้เอาศพไปฝังไว้ที่ต้นสะพานกิ๋มงันเกียวโป๋ แล้วจารึกข้อความไว้ ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งปวงในภายหน้า
๓ ตันก๋ง
ตันก๋งนั้นเป็นที่ปรึกษาของลิโป้มาอีกนาน จนแย่งเมืองชีจิ๋วจากเล่าปี่ได้ แต่ถูกโจโฉหวนกลับมาตีแตก ต้องหนีไปจนมุมอยู่ที่เมืองแห้ฝือ และถูกลิ่วล้อทรยศจับตัวไปให้โจโฉประหารชีวิตเสีย ตันก๋งพยายามจะหนีแต่ไม่พ้น ถูกจับตัวมาให้โจโฉจนได้
โจโฉยังคิดถึงบุญคุณของตันก๋ง เมื่อครั้งหนีจากเมืองหลวง ไปจัดตั้งขบวนการกู้ชาติ อยู่ อยากจะเอาตัวไว้จึงพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ตันก๋งไม่ยินดีด้วย บอกว่า
“……..ตัวกูบัดนี้ถึงที่ตายอยู่แล้ว มืงจะมาซักไซ้ถามเอาเนื้อความสิ่งใดอีกเล่า…”
โจโฉก็ยังไม่โกรธแกล้งถามว่า ซึ่งว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่มารดากับภรรยานั้น จะคิดประการใด ตันก๋งก็คิดอาลัยมารดากับภรรยา จึงยอมอ่อนข้อบอกแก่โจโฉว่า
“…….อันธรรมดาชาติทหารจะตั้งตัวเป็นใหญ่ ถึงจะจับข้าศึกได้ก็ไม่ทำอันตราย แก่บิดามารดาแลบุตรภรรยา ผู้ใดทำผิดก็ทำโทษแต่ผู้นั้น บัดนี้ตัวเราทำผิดถึงที่ตายอยู่แล้ว ก็มิได้อาลัยแก่ชีวิต เราจะขอฝากมารดากับภรรยา มหาอุปราชจงกรุณาเลี้ยงดูไว้ด้วย…….”
โจโฉยังไม่ทันจะตอบประการใด ตันก๋งก็เดินลงไปจากหอรบจะให้ทหารฟันคอเสีย โจโฉให้ทหารยุดตัวไว้ตันก๋งก็มิได้ฟัง โจโฉก็ใจอ่อนมีความสงสาร เดินร้องไห้ตามหลังไปแล้วว่า
“……..ตัวท่านมิพอใจอยู่แล้วก็ตามทีเถิด อันมารดาแลภรรยาของท่านนั้น อย่าเป็นกังวลวิตกเลย เราจะเลี้ยงไว้ให้เป็นปกติ…….”
ในขณะนั้นตันก๋งจะคิดอย่างไรคงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แต่เมื่อออกมานอกประตูเมือง ก็เร่งให้ทหารลงดาบ ทหารก็ฟันตันก๋งตายตามความปรารถนา โจโฉจึงให้เอาศพไปแต่งการฝังไว้ แล้วคุมตัวมารดากับภรรยาตันก๋งไปเลี้ยงไว้ที่เมืองฮูโต๋ มิให้ผู้ใดทำอันตรายได้
๔.งันเหลียง กับ บุนทิว
.....เมื่อโจโฉยกทัพไปรบกับอ้วนเสี้ยวครั้งแรก กวนอู ซึ่งยอมสามิภักดิ์ต่อโจโฉ ไม่รู้ว่าเล่าปี่ไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว จึงช่วยโจโฉรบ ขณะนั้น งันเหลียง ทหารเอกของอ้วนเสี้ยวได้ฆ่าทหารเอกของโจโฉไปแล้วสองคน กวนอูก็บอกว่า
"..….ข้าพเจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้าง ซึ่งว่าจะขออาสาไปตัดศรีษะงันเหลียง มาให้แก่ท่าน เห็นจะไม่ยากนัก อุปมาเหมือนเอาตะเกียบหยิบของกินในโต๊ะ...."
ว่าแล้วก็ควงง้าวคู่มือ ควบม้าฝ่าทหารเลวเข้าไปหางันเหลียง โดยไม่ทันให้ตั้งตัว แล้วก็เอาง้าวฟันคองันเหลียง ซึ่งกำลังตกตลึงอยู่ เอาศรีษะมาให้โจโฉได้อย่างรวดเร็ว
อ้วนเสี้ยวก็ส่ง บุนทิว ทหารเอกคู่หูของงันเหลียง ซึ่งเป็นผู้มีกำลังมาก สูงหกศอกหน้าดำเหมือนหมี ออกรบแก้แค้นแทนเพื่อน แต่ถูกอุบายของโจโฉต้องถอยหนี และถูกทหารเอกของโจโฉสองคนไล่ตามหลังมา บุนทิวหันหน้ามาสู้ เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งกันไว้ได้ต้องพากันกลับมาหาโจโฉ
กวนอูจึงรับอาสาควบม้าเข้าไปรบได้สามเพลง บุนทิวต้านทานกำลังมิได้ก็ชักม้าควบหนี ไปจนมุมอยู่ริมแม่น้ำฮองโห กวนอูตามไปทันก็ฟันด้วยง้าว บุนทิวก็ตกม้าตายไปอีกคนหนึ่ง...
๕. บังเต๊ก
ต่อมา บังเต๊ก เป็นแม่ทัพหน้าของโจโฉ อุตส่าหฟ์ลากโลงศพไปรบด้วย แต่ถูก กวนอูจับได้ นำมาสอบสวน บังเต๊กไว้ศักดิ์ศรีแม่ทัพไม่ยอมคำนับกวนอูเช่นผู้แพ้ กวนอูจึงถามว่า ทั้งบังฮิวพี่ชายและม้าเฉียวนายเก่า ก็เป็นข้าราชการในเมือง เสฉวน ของพระเจ้าเล่าปี่ บัดนี้เรารบชนะแล้วทำไมไม่ยอมสมัครอยู่กับเรา
บังเต๊กก็เชิดหน้าตอบว่าเราเป็นข้าของพระเจ้าวุยอ๋อง ซึ่งมีคุณแก่เราเป็นอันมาก และย้ำว่า
"...ซึ่งเราจะยอมเข้าแก่ท่านนั้นมิบังควร เราจะขอตายด้วยคมหอกคมดาบ หารักชีวิตไม่......"
กวนอูจึงให้เอาตัวไปประหารเสีย แต่ก็ยังปราณีในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของบังเต๊ก จึงให้เอาศพไปฝังไว้ให้สมกับเกียรติยศของแม่ทัพหน้าข้าศึก
เป็นอันว่าโลงที่อุตส่าห์แบกมาตั้งไกลนั้น ลงท้ายก็มิได้ใส่ศีรษะของกวนอู และมิได้ใส่ศพของผู้แบกกลับไปอีกด้วย
ชีวิตของ บังเต๊ก ยอดทหารที่ไม่มีชื่อจารึก อยู่ในอนุสาวรีย์ใดของสามก๊ก ก็ถึงจุดจบลง ณ สมรภูมิเมืองอ้วนเสียนี้เอง
ตลอดชีวิตของเขาแม้จะได้ทำความดีมามาก แต่ก็ได้นายที่บ้าบิ่นอย่างม้าเฉียว หูเบาอย่างเตียวฬ่อ ขี้อิจฉาอย่างอิกิ๋ม และนายที่ผู้คนชิงชังทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างโจโฉ ชตาชีวิตของเขาจึงไม่รุ่งโรจน์เหมือนคนอื่น
แต่แม้กระนั้นเขาก็เป็นตัวของเขาเองที่มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ กตัญญู สมควรได้รับคำยกย่อง ว่าเป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ในกระบวนอัศวินด้วยกัน...มิใช่หรือ.
##############