การที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. หรือ ป.ป.ช.
ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ปัญหาใหญ่เกิดจาก ข้อกังขา ที่ว่า องค์กรอิสระเหล่านี้
ทำงานตามใบสั่ง บางคดีพิจารณาในระยะเวลาอันสั้น บางคดีก็ยืดแล้วยืดอีก
ซึ่งบางกรณี มีการระบุความผิดมาชัดเจนจากต้นสังกัด เป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง
แต่องค์กรอิสระก็พยายามที่จะดึงเรื่อง ต่อเวลาไปเรื่อยๆ
หรือบางกรณีก็ยื้อเวลาจนคดีขาดอายุความ
นักการเมือง บางพรรค บางคน ข้าราชการ บางกลุ่มบางคน สื่อมวลชนบางแขนง
ดูเหมือนว่าจะได้อภิสิทธิ์ที่ว่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องช่องว่างของกฎหมาย
ที่ไม่มีบทลงโทษ หรือมีข้อยกเว้น มีความไม่เป็นธรรมให้อำนาจผู้ปฏิบัติมากเกินไป
อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้ปฏิบัติเอง ที่ไม่เคารพกฎหมาย
พยายามจะบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมายให้เกิดประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ประการสำคัญก็คือ ระบบการตรวจสอบ องค์กรอิสระยุติธรรม เหล่านี้ มีข้อจำกัด
เมื่อกฎหมายอ่อนแอ ผลกระทบจากการ ละเมิดกฎหมาย กลายเป็นปัญหาใหญ่
ของสังคม และประเทศ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง
หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนัก รมว.กลาโหม
พูดถึงความรุนแรงในภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาวุธร้ายแรงและระเบิด
มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตมากกว่าประชาชนเนื่องจากช่องว่างระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล
รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแห่งชาติ หรือ ปปง.ระบุว่า
เงินที่นำมาสนับสนุนในการก่อความไม่สงบ เป็นเงินจากเครือข่ายยาเสพติด
กลุ่มเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อนสามารถที่จะยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดได้
ตั้งแต่ ต.ค.ปี 55 ถึง ก.ค.ปี 56 กว่า 28 ล้านบาท
ที่น่าตกใจก็คือ ปปง.ได้พบบุคคลที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย
ถูกขึ้นบัญชีดำ จากต่างประเทศจำนวน 287 ราย และถูกขึ้นบัญชีดำในประเทศไว้ 16 ราย
จากการตรวจ สอบพบเส้นทางการเงินจากประเทศตะวันออกกลางเข้ามายัง 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ตลอดเวลา
วงในรู้ว่า เงินมาอยู่ที่ไหน บัญชีใครบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไร
ได้ถนัดเพราะการช่วยเหลือสนับสนุนทางการเงินจากประเทศตะวันออกกลาง
สำหรับพี่น้องชาวมุสลิมในภาคใต้ มีเหตุผลเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาบ้าง
การศาสนาบ้าง ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการนำเงินไปใช้นอกวัตถุประสงค์
ทุกวันนี้ การเรียกร้องสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยการชุมนุมประท้วง
หรือการชุมนุมทางการเมือง มักจะพบอุปสรรค เพราะรัฐใช้การเมืองนำหน้ากฎหมาย
ไม่ได้ยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรม คนทำกรรมเลยลอยนวล
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/371763
ต้องเก็บตกมาให้อ่านกัน เพราะสาวเหลือน้อย ก็เคยเห็นการตรวจสอบแบบนี้ใน
ขณะทำงาน และการเคยพบการโอนเงินจากตปท. เข้าบ/ช และระบุว่าเพื่อ
สนับสนุนการศึกษา และมีมาหลายปีแล้ว และก็น่าจะยังมีปรากฎการณ์เช่นนี้อยู่
จะไปทำอะไรได้
เราควรจะยอมรับการได้หรือยังว่า 3 จ.ว. ชายแดนนั้น เขาเป็นคนไทยแค่สัญชาติ
แต่ความแตกต่าง ทาง เชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา นั้น มันไม่ได้
ทำให้เขาอยากเป็นคนไทย เราควรจะจัดการกับปัญหานี้ แบบไหนกันดี
อ้อ กระทู้นี้ ไม่ได้ ด่ามาร์ค อวยปู บูชาแม้ว ....
ความบกพร่องของกฎหมาย หมัดเหล้ก ไทยรัฐออนไลน์
ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ปัญหาใหญ่เกิดจาก ข้อกังขา ที่ว่า องค์กรอิสระเหล่านี้
ทำงานตามใบสั่ง บางคดีพิจารณาในระยะเวลาอันสั้น บางคดีก็ยืดแล้วยืดอีก
ซึ่งบางกรณี มีการระบุความผิดมาชัดเจนจากต้นสังกัด เป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง
แต่องค์กรอิสระก็พยายามที่จะดึงเรื่อง ต่อเวลาไปเรื่อยๆ
หรือบางกรณีก็ยื้อเวลาจนคดีขาดอายุความ
นักการเมือง บางพรรค บางคน ข้าราชการ บางกลุ่มบางคน สื่อมวลชนบางแขนง
ดูเหมือนว่าจะได้อภิสิทธิ์ที่ว่านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องช่องว่างของกฎหมาย
ที่ไม่มีบทลงโทษ หรือมีข้อยกเว้น มีความไม่เป็นธรรมให้อำนาจผู้ปฏิบัติมากเกินไป
อีกส่วนหนึ่งมาจากผู้ปฏิบัติเอง ที่ไม่เคารพกฎหมาย
พยายามจะบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมายให้เกิดประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ประการสำคัญก็คือ ระบบการตรวจสอบ องค์กรอิสระยุติธรรม เหล่านี้ มีข้อจำกัด
เมื่อกฎหมายอ่อนแอ ผลกระทบจากการ ละเมิดกฎหมาย กลายเป็นปัญหาใหญ่
ของสังคม และประเทศ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง
หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนัก รมว.กลาโหม
พูดถึงความรุนแรงในภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาวุธร้ายแรงและระเบิด
มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตมากกว่าประชาชนเนื่องจากช่องว่างระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนี้ ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล
รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแห่งชาติ หรือ ปปง.ระบุว่า
เงินที่นำมาสนับสนุนในการก่อความไม่สงบ เป็นเงินจากเครือข่ายยาเสพติด
กลุ่มเครือข่ายค้าน้ำมันเถื่อนสามารถที่จะยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดได้
ตั้งแต่ ต.ค.ปี 55 ถึง ก.ค.ปี 56 กว่า 28 ล้านบาท
ที่น่าตกใจก็คือ ปปง.ได้พบบุคคลที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย
ถูกขึ้นบัญชีดำ จากต่างประเทศจำนวน 287 ราย และถูกขึ้นบัญชีดำในประเทศไว้ 16 ราย
จากการตรวจ สอบพบเส้นทางการเงินจากประเทศตะวันออกกลางเข้ามายัง 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ตลอดเวลา
วงในรู้ว่า เงินมาอยู่ที่ไหน บัญชีใครบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไร
ได้ถนัดเพราะการช่วยเหลือสนับสนุนทางการเงินจากประเทศตะวันออกกลาง
สำหรับพี่น้องชาวมุสลิมในภาคใต้ มีเหตุผลเพื่อสนับสนุนด้านการศึกษาบ้าง
การศาสนาบ้าง ไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการนำเงินไปใช้นอกวัตถุประสงค์
ทุกวันนี้ การเรียกร้องสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยการชุมนุมประท้วง
หรือการชุมนุมทางการเมือง มักจะพบอุปสรรค เพราะรัฐใช้การเมืองนำหน้ากฎหมาย
ไม่ได้ยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรม คนทำกรรมเลยลอยนวล
http://www.thairath.co.th/column/pol/kaablook/371763
ต้องเก็บตกมาให้อ่านกัน เพราะสาวเหลือน้อย ก็เคยเห็นการตรวจสอบแบบนี้ใน
ขณะทำงาน และการเคยพบการโอนเงินจากตปท. เข้าบ/ช และระบุว่าเพื่อ
สนับสนุนการศึกษา และมีมาหลายปีแล้ว และก็น่าจะยังมีปรากฎการณ์เช่นนี้อยู่
จะไปทำอะไรได้
เราควรจะยอมรับการได้หรือยังว่า 3 จ.ว. ชายแดนนั้น เขาเป็นคนไทยแค่สัญชาติ
แต่ความแตกต่าง ทาง เชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา นั้น มันไม่ได้
ทำให้เขาอยากเป็นคนไทย เราควรจะจัดการกับปัญหานี้ แบบไหนกันดี
อ้อ กระทู้นี้ ไม่ได้ ด่ามาร์ค อวยปู บูชาแม้ว ....