เราและน้องชายกำลังอยู่ในช่วงวัยทำงานค่ะ
น้องชายเพิ่งเรียนจบและได้ทำงานไม่นาน
ที่บ้านมีหนี้นอกระบบ ประมาณ เกือบสี่แสนบาท
และมีหนี้ในระบบ เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านและธนาคาร อีกราวๆ 6 ล้าน
เราและน้องชายใช้หนี้นอกระบบให้พ่อหมดแล้วโดยใช้เงินเก็บของแม่ เรา และน้องชาย ซึ่งจากตอนแรกพ่อต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยแพงมาก
พอตัดส่วนนี้ไปก็ทำให้พ่อคล่องขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ต้องไปเซ็นของตามร้านค้าอีก
ช่วงนึงน้องชายสนับสนุนไม่ให้น้องสาวคนเล็กที่อยู่ ม.6 เรียนต่อมหาลัย
ให้หยุดไว้ก่อนหนึ่งปี เพื่อประคับประคองรายจ่ายของครอบครัว
แต่เราไม่เห็นด้วย เพราะเด็กจะขาดช่วงชีวิตของมหาลัยไป ซึ่งในตอนแรกที่บ้านก็โอเคแล้วว่าให้น้องเราเรียนต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เรามัวแต่โฟกัสเรื่องการหางานทำที่ต่างประเทศ จนไม่ได้มีเวลาติดต่อทางบ้านบ่อยมากนัก
ทราบเพียงแต่ว่า ที่บ้านเปิดสอนติวภาษาอังกฤษ คือพ่อเราเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนประถมค่ะ
คุณพ่อก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องภาษา แต่ครอบครัวเราไม่รวยค่ะ และพ่อไม่เคยไปสอบเป็น ผอ เพราะช่วงที่ต้องสอบ ผอ
เรากับน้องชายต้องใช้เงินทุกครั้งในเรื่องของการเรียน พ่อเลยไม่ไปสอบ ตรงนี้เลยทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจ คิดว่าพ่อไม่มีความสามารถในเรื่องหน้าที่การงาน เราและครอบครัวทราบดีว่าเกิดจากอะไร และไม่เคยไปจี้จุดตรงนี้เลยค่ะ กลัวพ่อเสียใจ
ปัจจุบัน น้องชายเราเปิดสถาบันติวภาษาของหมู่บ้าน
เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือนนะคะ มีนักเรียนประมาณ 20 คน ซึ่งจะทำให้ที่บ้านมีรายจ่ายเข้าบ้านเดือนละประมาณ 1 หมื่นบาท
คนสอนคือน้องสาวคนเล็ก กับคุณแม่เราเองค่ะ คุณพ่อจะมาสอนเป็นบางครั้ง เพราะท่านอยากทำสวนมากกว่า ตามประสาคนวัยใกล้เกษียณ
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า
ครอบครัวเรา ตัดสินใจไม่ให้น้องสาวคนเล็กเรียนต่อมหาลัย คือให้เธอเรียนนิติรามต่อ ซึ่งก็ไปสอบตามตารางเอา
แล้วให้ลงทำธุรกิจติวเตอร์เต็มตัว
เราเข้าใจว่าที่บ้านตอนนี้มีปัญหา แต่ความคิดเรา คิดว่า ถ้าค่อยๆทยอยใช้หนี้ มันน่าจะโอเคกว่าไหมคะ
แต่น้องชายบอกว่า เป็นหนี้มันโคตรทรมานเลยนะพี่ ผมอยากใช้หนี้ให้จบเร็วๆ
พ่อลำบากมาพอแล้ว ถึงพ่อจะไม่ใช่ครูที่สบายที่สุด แต่พ่อจะเป็นครูเกษียณที่มีความสุขที่สุดนะพี่
ไม่ใช่ไม่ให้น้องสาวเรียน ให้เรียนนะ แต่เรียนราม
เพราะถ้าเรียนมหาลัยปกติ ก็ต้องมีค่าเช่าหอ ค่านั่นนี่ ซึ่งน้องสาาวก็ต้องขอพ่อแม่ พี่อีก ก็สร้างหนี้อีก
อย่างน้อย ได้เงินเข้าบ้านเดือนละหมื่น ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ซึ่งยังไม่รวมเงินเดือนพ่อแม่กับเงินเดือนพี่กับผมอีกนะ
เรากังวลค่ะ ชีวิตเด็กวัยรุ่นคนนึง ต้องมาทำธุรกิจช่วยเหลือครอบครัว โดยไม่ได้ไปต่ออุดมศึกษาแบบปกติ
มันจะทำให้เค้าขาดช่วงเวลาที่มีค่าไปไหมคะ เราเห็นด้วยครึ่งนึง แต่อีกครึ่งนึงก็กังวลจริงๆ
ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามสนับสนุนทำทุกอย่างให้สำเร็จเร็วๆ
น้องชายเราวางแผนชีวิตครอบครัวแบบนี้โอเคไหมคะ
น้องชายเพิ่งเรียนจบและได้ทำงานไม่นาน
ที่บ้านมีหนี้นอกระบบ ประมาณ เกือบสี่แสนบาท
และมีหนี้ในระบบ เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านและธนาคาร อีกราวๆ 6 ล้าน
เราและน้องชายใช้หนี้นอกระบบให้พ่อหมดแล้วโดยใช้เงินเก็บของแม่ เรา และน้องชาย ซึ่งจากตอนแรกพ่อต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยแพงมาก
พอตัดส่วนนี้ไปก็ทำให้พ่อคล่องขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ต้องไปเซ็นของตามร้านค้าอีก
ช่วงนึงน้องชายสนับสนุนไม่ให้น้องสาวคนเล็กที่อยู่ ม.6 เรียนต่อมหาลัย
ให้หยุดไว้ก่อนหนึ่งปี เพื่อประคับประคองรายจ่ายของครอบครัว
แต่เราไม่เห็นด้วย เพราะเด็กจะขาดช่วงชีวิตของมหาลัยไป ซึ่งในตอนแรกที่บ้านก็โอเคแล้วว่าให้น้องเราเรียนต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เรามัวแต่โฟกัสเรื่องการหางานทำที่ต่างประเทศ จนไม่ได้มีเวลาติดต่อทางบ้านบ่อยมากนัก
ทราบเพียงแต่ว่า ที่บ้านเปิดสอนติวภาษาอังกฤษ คือพ่อเราเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนประถมค่ะ
คุณพ่อก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องภาษา แต่ครอบครัวเราไม่รวยค่ะ และพ่อไม่เคยไปสอบเป็น ผอ เพราะช่วงที่ต้องสอบ ผอ
เรากับน้องชายต้องใช้เงินทุกครั้งในเรื่องของการเรียน พ่อเลยไม่ไปสอบ ตรงนี้เลยทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจ คิดว่าพ่อไม่มีความสามารถในเรื่องหน้าที่การงาน เราและครอบครัวทราบดีว่าเกิดจากอะไร และไม่เคยไปจี้จุดตรงนี้เลยค่ะ กลัวพ่อเสียใจ
ปัจจุบัน น้องชายเราเปิดสถาบันติวภาษาของหมู่บ้าน
เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงเดือนนะคะ มีนักเรียนประมาณ 20 คน ซึ่งจะทำให้ที่บ้านมีรายจ่ายเข้าบ้านเดือนละประมาณ 1 หมื่นบาท
คนสอนคือน้องสาวคนเล็ก กับคุณแม่เราเองค่ะ คุณพ่อจะมาสอนเป็นบางครั้ง เพราะท่านอยากทำสวนมากกว่า ตามประสาคนวัยใกล้เกษียณ
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า
ครอบครัวเรา ตัดสินใจไม่ให้น้องสาวคนเล็กเรียนต่อมหาลัย คือให้เธอเรียนนิติรามต่อ ซึ่งก็ไปสอบตามตารางเอา
แล้วให้ลงทำธุรกิจติวเตอร์เต็มตัว
เราเข้าใจว่าที่บ้านตอนนี้มีปัญหา แต่ความคิดเรา คิดว่า ถ้าค่อยๆทยอยใช้หนี้ มันน่าจะโอเคกว่าไหมคะ
แต่น้องชายบอกว่า เป็นหนี้มันโคตรทรมานเลยนะพี่ ผมอยากใช้หนี้ให้จบเร็วๆ
พ่อลำบากมาพอแล้ว ถึงพ่อจะไม่ใช่ครูที่สบายที่สุด แต่พ่อจะเป็นครูเกษียณที่มีความสุขที่สุดนะพี่
ไม่ใช่ไม่ให้น้องสาวเรียน ให้เรียนนะ แต่เรียนราม
เพราะถ้าเรียนมหาลัยปกติ ก็ต้องมีค่าเช่าหอ ค่านั่นนี่ ซึ่งน้องสาาวก็ต้องขอพ่อแม่ พี่อีก ก็สร้างหนี้อีก
อย่างน้อย ได้เงินเข้าบ้านเดือนละหมื่น ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ซึ่งยังไม่รวมเงินเดือนพ่อแม่กับเงินเดือนพี่กับผมอีกนะ
เรากังวลค่ะ ชีวิตเด็กวัยรุ่นคนนึง ต้องมาทำธุรกิจช่วยเหลือครอบครัว โดยไม่ได้ไปต่ออุดมศึกษาแบบปกติ
มันจะทำให้เค้าขาดช่วงเวลาที่มีค่าไปไหมคะ เราเห็นด้วยครึ่งนึง แต่อีกครึ่งนึงก็กังวลจริงๆ
ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามสนับสนุนทำทุกอย่างให้สำเร็จเร็วๆ