
ทักษิณออกมาตีปี๊บดักคอ จะมีการล้มรัฐบาลภายในวันที่ 8 ต.ค. ที่จริงก่อนทักษิณพูดก็มีหมอดูหมอเดาทายทัก ว่ารัฐบาลดวงตกช่วงปลายปี
ผมไม่เคยเชื่อหมอดู แต่วิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ข้อแรก หมอดูก็เลือกข้างไม่ต่างจากชาวบ้าน ข้อสอง หมอดูไม่ได้มีญาณวิเศษ แต่หมอดูดังๆ มักรู้ข้อมูลภายใน จากทหาร นักการเมือง ชนชั้นสูงที่ไปดูดวงนั่นแหละ
ถามว่าความพยายามล้มรัฐบาลมีจริงไหม เด็กอมมือก็เห็นว่ามีจริง แต่เป็นจริงได้ไหม
ความพยายามล้มรัฐบาลมีมาตลอดตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่มามี “แรงฮึด” ด้วยสาเหตุ 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือรัฐบาลทำงานมา 2 ปี มีจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ล้มเหลวในนโยบายสำคัญคือจำนำข้าว ไม่สามารถควบคุมราคาสินค้า รัฐมนตรีบางคนปิดกั้นความเห็นต่าง เช่น ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ดูแลระบบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ซึ่งประชาชนรับรู้น้อยมาก ซ้ำยังบริภาษ NGO ที่มาค้าน
อีกด้านคือความกลัว กลัวว่าการปรับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านจะประสบความสำเร็จ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำประเทศก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และจะได้คะแนนนิยมไปอีกยี่สิบปี รวมถึงความกลัวว่าถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เอาแค่วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง ก็มีผลต่อการเลือกองค์กรอิสระ ซึ่งจะทยอยหมดวาระ
คำถามคือจะล้มรัฐบาลอย่างไรในเมื่อไม่มีควันให้ทำรัฐประหาร วิถีทางเป็นไปได้มากที่สุดที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหวังคือ “รัฐประหารด้วยศาล” หวังให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ ถอดถอนนายกฯ หรือ ส.ส. ส.ว.300 กว่าคนที่ลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญ
แต่ถ้าศาลกล้าทำเช่นนั้น ก็เท่ากับก้าวลงมาชนอำนาจจากการเลือกตั้ง หลักการประชาธิปไตย อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความชอบธรรม
ศาลรัฐธรรมนูญจะขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากเลือกตั้งอย่างไร ในเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจศาลตรวจสอบ แม้ศาลขยายอำนาจตัวเองโดยอ้างมาตรา 68 แต่จะบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากเลือกตั้ง เป็นการล้มล้างการปกครอง “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 ต้องการให้มี ส.ว.ลากตั้ง อย่างนั้นหรือ
คงได้หุยฮากันสนั่นโลก
ถ้าล้มรัฐบาลด้วยวิถีทางนี้จริง ความเกลียดชังในสังคมไทยจะไปถึงจุดที่ไม่สามารถอยู่ร่วมประเทศกันได้ 2 ปีผ่านไป ความเกลียดชังของเสื้อแดงต่อ “พรรคแมลงสาบ” ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเกลียดชังของคนอีกฝ่ายต่อ “

” แต่เรายังอยู่กันได้เพราะกติกาบังคับให้ยอมรับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง ถ้าศาลกลายเป็นเครื่องมือล้มรัฐบาล ศาลก็ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ
หรือแค่ยับยั้ง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ก็จะต้องถกกันในเหตุผล ว่าขัดรัฐธรรมนูญตรงไหน เท่าที่ฟังมา ไม่ว่าคณิต ณ นคร หรือวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ให้เหตุผลทางกฎหมายอ่อนมาก
ตุลาการก็ต้องระวังการใช้อำนาจตัวเอง ถ้าเหตุผลสู้ไม่ได้ แม้มีอำนาจก็เสื่อมได้ การใช้อำนาจศาลตัดสินการเมือง แรกๆ ดูเหมือนได้ผล เพราะคนไทยกลัวศาล เคารพศาล เชื่อว่าศาลอยู่ที่สูงล้วนเป็นคนดี แต่พออำนาจศาลไปล่วงล้ำอำนาจประชาชน อำนาจที่จะเลือกใครเป็นรัฐบาล ก็มีคนมากขึ้นเรื่อยๆที่ไม่กลัวน้ำร้อน กล้าวิจารณ์ และเริ่มเห็นว่าตุลาการก็เป็นแค่ข้าราชการจากการแต่งตั้ง ไม่ถูกตรวจสอบทรัพย์สิน ทั้งที่เงินเดือนเท่ารัฐมนตรี มีรถประจำตำแหน่ง ไปดูงานเมืองนอกไม่ต่างจากนักการเมือง ซ้ำยังส่งลูกไปเรียนเมืองนอกโดยอาศัยตำแหน่งที่พ่อตั้งแล้วไม่มีความผิด
นี่คือสถานการณ์ที่ต้อง “วัดใจ” กัน แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าขั้วอำนาจยังไม่กล้าแตกหัก พวกเย้วๆ เปิดเวทีด่าหยาบต่างหากที่จะอกหักฝันค้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://www.kaohoon.com/daily/340654/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%82-8-%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2-.htm
@ 8 ตุลา วัดใจกันเลย... สลิ่ม จะ "เฮ หรือ เงิบ" ????
ทักษิณออกมาตีปี๊บดักคอ จะมีการล้มรัฐบาลภายในวันที่ 8 ต.ค. ที่จริงก่อนทักษิณพูดก็มีหมอดูหมอเดาทายทัก ว่ารัฐบาลดวงตกช่วงปลายปี
ผมไม่เคยเชื่อหมอดู แต่วิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ข้อแรก หมอดูก็เลือกข้างไม่ต่างจากชาวบ้าน ข้อสอง หมอดูไม่ได้มีญาณวิเศษ แต่หมอดูดังๆ มักรู้ข้อมูลภายใน จากทหาร นักการเมือง ชนชั้นสูงที่ไปดูดวงนั่นแหละ
ถามว่าความพยายามล้มรัฐบาลมีจริงไหม เด็กอมมือก็เห็นว่ามีจริง แต่เป็นจริงได้ไหม
ความพยายามล้มรัฐบาลมีมาตลอดตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่มามี “แรงฮึด” ด้วยสาเหตุ 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือรัฐบาลทำงานมา 2 ปี มีจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ล้มเหลวในนโยบายสำคัญคือจำนำข้าว ไม่สามารถควบคุมราคาสินค้า รัฐมนตรีบางคนปิดกั้นความเห็นต่าง เช่น ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ดูแลระบบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ซึ่งประชาชนรับรู้น้อยมาก ซ้ำยังบริภาษ NGO ที่มาค้าน
อีกด้านคือความกลัว กลัวว่าการปรับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านจะประสบความสำเร็จ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำประเทศก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และจะได้คะแนนนิยมไปอีกยี่สิบปี รวมถึงความกลัวว่าถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เอาแค่วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง ก็มีผลต่อการเลือกองค์กรอิสระ ซึ่งจะทยอยหมดวาระ
คำถามคือจะล้มรัฐบาลอย่างไรในเมื่อไม่มีควันให้ทำรัฐประหาร วิถีทางเป็นไปได้มากที่สุดที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลหวังคือ “รัฐประหารด้วยศาล” หวังให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระ ถอดถอนนายกฯ หรือ ส.ส. ส.ว.300 กว่าคนที่ลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญ
แต่ถ้าศาลกล้าทำเช่นนั้น ก็เท่ากับก้าวลงมาชนอำนาจจากการเลือกตั้ง หลักการประชาธิปไตย อย่างไร้เหตุผล ไม่มีความชอบธรรม
ศาลรัฐธรรมนูญจะขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากเลือกตั้งอย่างไร ในเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจศาลตรวจสอบ แม้ศาลขยายอำนาจตัวเองโดยอ้างมาตรา 68 แต่จะบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากเลือกตั้ง เป็นการล้มล้างการปกครอง “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 ต้องการให้มี ส.ว.ลากตั้ง อย่างนั้นหรือ
คงได้หุยฮากันสนั่นโลก
ถ้าล้มรัฐบาลด้วยวิถีทางนี้จริง ความเกลียดชังในสังคมไทยจะไปถึงจุดที่ไม่สามารถอยู่ร่วมประเทศกันได้ 2 ปีผ่านไป ความเกลียดชังของเสื้อแดงต่อ “พรรคแมลงสาบ” ไม่ได้ลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเกลียดชังของคนอีกฝ่ายต่อ “
หรือแค่ยับยั้ง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ก็จะต้องถกกันในเหตุผล ว่าขัดรัฐธรรมนูญตรงไหน เท่าที่ฟังมา ไม่ว่าคณิต ณ นคร หรือวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ให้เหตุผลทางกฎหมายอ่อนมาก
ตุลาการก็ต้องระวังการใช้อำนาจตัวเอง ถ้าเหตุผลสู้ไม่ได้ แม้มีอำนาจก็เสื่อมได้ การใช้อำนาจศาลตัดสินการเมือง แรกๆ ดูเหมือนได้ผล เพราะคนไทยกลัวศาล เคารพศาล เชื่อว่าศาลอยู่ที่สูงล้วนเป็นคนดี แต่พออำนาจศาลไปล่วงล้ำอำนาจประชาชน อำนาจที่จะเลือกใครเป็นรัฐบาล ก็มีคนมากขึ้นเรื่อยๆที่ไม่กลัวน้ำร้อน กล้าวิจารณ์ และเริ่มเห็นว่าตุลาการก็เป็นแค่ข้าราชการจากการแต่งตั้ง ไม่ถูกตรวจสอบทรัพย์สิน ทั้งที่เงินเดือนเท่ารัฐมนตรี มีรถประจำตำแหน่ง ไปดูงานเมืองนอกไม่ต่างจากนักการเมือง ซ้ำยังส่งลูกไปเรียนเมืองนอกโดยอาศัยตำแหน่งที่พ่อตั้งแล้วไม่มีความผิด
นี่คือสถานการณ์ที่ต้อง “วัดใจ” กัน แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าขั้วอำนาจยังไม่กล้าแตกหัก พวกเย้วๆ เปิดเวทีด่าหยาบต่างหากที่จะอกหักฝันค้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้