สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 42
มาชี้ืทางสว่างให้ครับ
หลักการใช้เครื่องมือบริหารธุรกิจ และการเขียนแผนธุรกิจนะครับ
1. เขียนเป็นภาษาไทยก่อนเลย ผมไม่ได้ว่าอังกฤษไม่ดีนะครับ เพราะผมก็ใช้ แต่ถ้าผมจะถามหามือเก๋าในวงการนี้ ผมเขียนภาษาไทยก่อน แล้วเวลาเขียนเป็นภาษาไทย ผมเชื่อว่าคุณจะเขียนได้ระเอียดกว่านี้อีก
2. แบบที่อาจารย์ให้มา อย่าไปใส่แต่ตัวเลขที่ คาดการเอาอย่างเดียว คุณต้องไปสืบมาว่าจริง ๆ ตัวเลขมันจะเป็นแบบไหนแต่ละหัวข้อรายละเอียดเป็นอย่างไร แบบที่แทบทุก comment แย้งล่ะครับว่า ค่าเช่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นคุณจะตันแค่ตรงนี้
ถ้าคุณไม่หา ใส่ตัวเลขไปอย่างเดียว สุดท้ายตอนสอบ defence โดนถามจี้ถามมา โปรเจคคุณจะล่มตรงนั้นเลย เพราะถ้ารายจ่ายคิดผิด กำไรก็ผิดไปด้วย และการดำเนินธุรกิจของคุณจะเหมือนคนเลือดไหลไม่หยุด
3. อาจารย์ให้แบบคุณมาไม่หมด คุณต้องหา cost ออกมาให้ได้อีกอย่างน้อย 10 อย่างก่อนเปิดธุรกิจจริง ไอ่ cost ที่ว่าก็แยกมาจากคำว่า other 100,000 ที่คุณเขียนนั้นแหละครับ แยกออกมาให้ระเอียดอีกหน่อย แล้วสุดท้ายคิดไม่ออกจริง ๆ ค่อยไปใส่เป็น other ไป มีผลกับคะแนนคุณอย่างชัดเจนมาก ๆ และจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปเลย หากคุณจะเปิดธุรกิจจริง ๆ
ผมเขียนแผนธุรกิจมาตลอดตั้งแต่เรียน ปี1 ในทุกธุรกิจที่ผมอยากทำ มันป้องกันผมจากการเจ๊ง ครั้งแล้วครั้งเล่าให้คุณได้ หรืออย่างน้อย มันเจ๊งยากมากกว่าคนไม่ได้เขียน หลาย ๆ สิบเท่าตัว
จงถือคติครับว่า เจ๊ง ในกระดาษ ดีกว่า เจ๊งจริง ๆ ดังนั้น มีอะไรก็เขียนให้ระเอียดยิบเลยครับตอนเราไปพรีเซนต์ให้อาจารย์ หรือนายธนาคารฟัง เราจะได้มีของไปขายเค้าได้ว่า เราเอาตัวเลขพวกนี้มาจากไหน
และคุณจะรู้ด้วยตัวเองว่า ธุรกิจที่คุณจะสร้างนั้น รุ่ง หรือ ร่วง ก่อนที่บรรทัดสุดท้ายของรายงานคุณจะเสร็จเสียอีก
หลักการใช้เครื่องมือบริหารธุรกิจ และการเขียนแผนธุรกิจนะครับ
1. เขียนเป็นภาษาไทยก่อนเลย ผมไม่ได้ว่าอังกฤษไม่ดีนะครับ เพราะผมก็ใช้ แต่ถ้าผมจะถามหามือเก๋าในวงการนี้ ผมเขียนภาษาไทยก่อน แล้วเวลาเขียนเป็นภาษาไทย ผมเชื่อว่าคุณจะเขียนได้ระเอียดกว่านี้อีก
2. แบบที่อาจารย์ให้มา อย่าไปใส่แต่ตัวเลขที่ คาดการเอาอย่างเดียว คุณต้องไปสืบมาว่าจริง ๆ ตัวเลขมันจะเป็นแบบไหนแต่ละหัวข้อรายละเอียดเป็นอย่างไร แบบที่แทบทุก comment แย้งล่ะครับว่า ค่าเช่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นคุณจะตันแค่ตรงนี้
ถ้าคุณไม่หา ใส่ตัวเลขไปอย่างเดียว สุดท้ายตอนสอบ defence โดนถามจี้ถามมา โปรเจคคุณจะล่มตรงนั้นเลย เพราะถ้ารายจ่ายคิดผิด กำไรก็ผิดไปด้วย และการดำเนินธุรกิจของคุณจะเหมือนคนเลือดไหลไม่หยุด
3. อาจารย์ให้แบบคุณมาไม่หมด คุณต้องหา cost ออกมาให้ได้อีกอย่างน้อย 10 อย่างก่อนเปิดธุรกิจจริง ไอ่ cost ที่ว่าก็แยกมาจากคำว่า other 100,000 ที่คุณเขียนนั้นแหละครับ แยกออกมาให้ระเอียดอีกหน่อย แล้วสุดท้ายคิดไม่ออกจริง ๆ ค่อยไปใส่เป็น other ไป มีผลกับคะแนนคุณอย่างชัดเจนมาก ๆ และจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปเลย หากคุณจะเปิดธุรกิจจริง ๆ
ผมเขียนแผนธุรกิจมาตลอดตั้งแต่เรียน ปี1 ในทุกธุรกิจที่ผมอยากทำ มันป้องกันผมจากการเจ๊ง ครั้งแล้วครั้งเล่าให้คุณได้ หรืออย่างน้อย มันเจ๊งยากมากกว่าคนไม่ได้เขียน หลาย ๆ สิบเท่าตัว
จงถือคติครับว่า เจ๊ง ในกระดาษ ดีกว่า เจ๊งจริง ๆ ดังนั้น มีอะไรก็เขียนให้ระเอียดยิบเลยครับตอนเราไปพรีเซนต์ให้อาจารย์ หรือนายธนาคารฟัง เราจะได้มีของไปขายเค้าได้ว่า เราเอาตัวเลขพวกนี้มาจากไหน
และคุณจะรู้ด้วยตัวเองว่า ธุรกิจที่คุณจะสร้างนั้น รุ่ง หรือ ร่วง ก่อนที่บรรทัดสุดท้ายของรายงานคุณจะเสร็จเสียอีก
ความคิดเห็นที่ 39
อย่าไปว่าน้องเขาแรงเกินไปนะครับ เขายังเด็ก เขายังไม่รู้
อย่างน้อยก็ดีที่กล้าถาม
วันนี้มาถามที่นี่ แล้วเจอแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าน้องจะเสียใจขนาดไหน
แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้น้องกล้าถามในสิ่งที่ไม่รู้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะตอนที่เราไม่รู้อะไรเลย เราก็ต้องเริ่มจากถามให้ได้แนวกว้างๆก่อน
แล้วค่อยไปค้นตำราเจาะลึกครับ
สู้ๆ
insurrance แปลว่าค่าประกันครับ ค่าประกันก็มีหลายแบบ ตั้งแต่ประกันเฉพาะอัคคีภัยก็มี ประกันรวมถึงภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย ก็มีครับ
ลองทำต้นทุนออกมาดูนะครับ ธุรกิจร้านอาหาร ส่วนมาก
ถ้าเรามีความรู้เรื่องบริหารจัดการและเราทำอาหารเก่ง
แล้วลงมือเป็นพ่อครัว+ผู้จัดการร้านเอง
กำไรขั้นต้นสูงสุดต่อเดือนจะอยู่แถวๆ 50% ของยอดขาย
แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอาหารเก่ง แม้จะมีความรู้ด้านบริหารเก่ง
แต่ไม่ได้ลงแรงเป็นผู้จัดการร้านเอง ออกทุนอย่างเดียว
ถ้าโชคดีกำไรอาจจะได้ 3-10%
ถ้าคำนวนแล้วกำไรได้มากเกินกว่านี้ ลองวางแผนใหม่ครับ แผนอาจจะผิด
ยกตัวอย่างในส่วนของค่าแรง
ถ้าเราเป็นนายจ้างและจะจ่าย 10000 บาทให้พนักงาน
นั่นหมายความว่า เราจะมียอดจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับพนักงานอีก 1.5-3 เท่าครับ
ยอดจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับพนักงานตรงส่วนนี้จะมาจาก ค่าสวัสดิการต่างๆทั้งตามกฎหมายและ
ไม่ตามกฎหมายแต่เป็นไปเพื่อจูงใจให้คนมาทำงานให้เรา นอกจากนั้นยังมีค่าโบนัส ค่าน้ำค่าไฟของพนักงาน
ค่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องพักพนักงาน ค่าจ้างคนทำบัญชีมาทำบัญชีจ่ายเงินให้พนักงานก็ต้องเสีย
แล้วยังมีค่าอุปกรณ์ของใช้ต่างๆอีก สิ่งเหล่านี้แรกๆจะมองไม่เห็น แต่เผื่อไว้ 3 เท่าเลยครับ
ทั่วไปมันเป็นแบบนี้
ลองคำนวนใหม่ครับ สมัยนี้ถ้าไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นมากมายจริงๆ ผมว่าเก็บตังค์ฝากแบงค์ไว้
แล้วไปเป็นลูกจ้างในธุรกิจที่ตัวเองอยากทำก่อนจะดีกว่าครับ
ฝึกวิชาจนมีวิชาติดตัว พัฒนาให้เก่งกว่าคนอื่นมากๆ แล้วค่อยหาทุนไปทำครับ
การหาทุนสมัยนี้ไม่ยากมากเหมือนสมัยก่อนครับ แต่การหาไอเดีย การฝึกทักษะให้เก่งๆ ไม่ว่าสมัยไหน ยังยากเหมือนเดิม
อย่างน้อยก็ดีที่กล้าถาม
วันนี้มาถามที่นี่ แล้วเจอแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าน้องจะเสียใจขนาดไหน
แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้น้องกล้าถามในสิ่งที่ไม่รู้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะตอนที่เราไม่รู้อะไรเลย เราก็ต้องเริ่มจากถามให้ได้แนวกว้างๆก่อน
แล้วค่อยไปค้นตำราเจาะลึกครับ
สู้ๆ
insurrance แปลว่าค่าประกันครับ ค่าประกันก็มีหลายแบบ ตั้งแต่ประกันเฉพาะอัคคีภัยก็มี ประกันรวมถึงภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย ก็มีครับ
ลองทำต้นทุนออกมาดูนะครับ ธุรกิจร้านอาหาร ส่วนมาก
ถ้าเรามีความรู้เรื่องบริหารจัดการและเราทำอาหารเก่ง
แล้วลงมือเป็นพ่อครัว+ผู้จัดการร้านเอง
กำไรขั้นต้นสูงสุดต่อเดือนจะอยู่แถวๆ 50% ของยอดขาย
แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอาหารเก่ง แม้จะมีความรู้ด้านบริหารเก่ง
แต่ไม่ได้ลงแรงเป็นผู้จัดการร้านเอง ออกทุนอย่างเดียว
ถ้าโชคดีกำไรอาจจะได้ 3-10%
ถ้าคำนวนแล้วกำไรได้มากเกินกว่านี้ ลองวางแผนใหม่ครับ แผนอาจจะผิด
ยกตัวอย่างในส่วนของค่าแรง
ถ้าเราเป็นนายจ้างและจะจ่าย 10000 บาทให้พนักงาน
นั่นหมายความว่า เราจะมียอดจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับพนักงานอีก 1.5-3 เท่าครับ
ยอดจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับพนักงานตรงส่วนนี้จะมาจาก ค่าสวัสดิการต่างๆทั้งตามกฎหมายและ
ไม่ตามกฎหมายแต่เป็นไปเพื่อจูงใจให้คนมาทำงานให้เรา นอกจากนั้นยังมีค่าโบนัส ค่าน้ำค่าไฟของพนักงาน
ค่าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องพักพนักงาน ค่าจ้างคนทำบัญชีมาทำบัญชีจ่ายเงินให้พนักงานก็ต้องเสีย
แล้วยังมีค่าอุปกรณ์ของใช้ต่างๆอีก สิ่งเหล่านี้แรกๆจะมองไม่เห็น แต่เผื่อไว้ 3 เท่าเลยครับ
ทั่วไปมันเป็นแบบนี้
ลองคำนวนใหม่ครับ สมัยนี้ถ้าไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นมากมายจริงๆ ผมว่าเก็บตังค์ฝากแบงค์ไว้
แล้วไปเป็นลูกจ้างในธุรกิจที่ตัวเองอยากทำก่อนจะดีกว่าครับ
ฝึกวิชาจนมีวิชาติดตัว พัฒนาให้เก่งกว่าคนอื่นมากๆ แล้วค่อยหาทุนไปทำครับ
การหาทุนสมัยนี้ไม่ยากมากเหมือนสมัยก่อนครับ แต่การหาไอเดีย การฝึกทักษะให้เก่งๆ ไม่ว่าสมัยไหน ยังยากเหมือนเดิม
แสดงความคิดเห็น
ร้านอาหารผมเว่อไหมครับ ได้เดือนละ 500,000 ช่วยดูทีครับ เว่อไหม
เป็นงานวิชานักลงทุนครับ ผมมาถึงจุด Financial แล้ว ( ธุรกิจที่คิดเอง )
ช่วยดูช่วยแก้ทีครับ ผมว่ามันต้องผิดอะไรสักอย่างแน่ๆ คือ Income per month มันเยอะไป
บอกก่อนเลยครับเป็นธุรกิจประเภทร้านอาหารเน้นที่อาหารปลาเป็นหลักๆ
คล้ายๆ เกียง้วนซีฟู๊ดอะไรสักอย่าง แต่จะเป็นปลาหลักๆครับ บรรยากาศก็จะทำประมาณ Vanilla Brasseries แต่กว้างกว่า
เราเน้นที่คุณภาพครับ จะนำปลาจากทั่วโลกมา
สถานที่ตั้งก็ประมาณ Central World
ดูกันเลยครับ
Expenditure : startup cost >>
Outlay : 700,000 b.- ( หุ้นส่วน 3 คน คนละ 200,000 บาท )
ส่วนต่างของเงินลงทุนเป็นประเภท depth financing กู้มา 100,000 b.-
> rent : 50,000 b.-
> furniture & decoration : 150,000
> raw material : 50,000 b.-
> salaries : 40,000 ( chef, waiter, chauffeur, )
> public utility : 15,000
> commercial : 10,000
> interest : 15,000
> insurrance : 10,000 ( คืออะไรก็ไม่รุ้ เขียนตามอาจารย์ )
> other : 100,000
> reserves : 200,000
Income ( monthly )
Revenue : 700,000 .00 ( ลูกค้าวันละ 25 หน่วย เฉลี่ยหน่วยละ 1000 รายต่อวันได้ 25,000 x 28 จะได้ประมาณ 700k เว่อไหมเนี่ย )
COGS ( Cost of Goods Sold )
- Total Materials : 50,000.00
- Total Labor : 40,000.00
Total CGOS 90,000.00
Gross Profit = 610,000
Other Costs
- Rent : 50,000.00
- Commissions : 5,000.00
- Public Utility : 15,000.00
Total : 70,000.00
Contribution Margin : 540,000.00
Break Even ยังไม่ถึงครึ่งปีเลยครับ จะบ้าตาย
มาถึงตรงนี้ไปต่อไม่ถูกละครับ
ผมค่อนข้างทำตามอาจารย
มึนๆมากๆครับ
เลยมาขอความช่วยเหลือ
ยังไงก็ช่วยหน่อยนะครบั
// ขอบคุณมากครับ