ภายใต้เเนวคิด "ทรัพยากรน้ำมีวันหมด ใช้ทุกหยดอย่างรู้คุณค่า" ของการประปานครหลวง ผนวกกับข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกเเล้วว่า การใช้น้ำอย่างประหยัดเป็นดัชนีชี้วัดความเจริญของประเทศ เพราะในประเทศพัฒนาเเล้วปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ยต่อหัวต่อวันของประชากรจะยิ่งลดลงเนื่องจากสามารถรณรงค์ให้ประชาชนมีวินัยในการใช้ทัพยากรอย่างรู้คุณค่า
ดังนั้นเพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกคนไทยให้เห็นความสำคัญของการประหยัด เเละร่วมดูเเลทรัพยากรน้ำ ตั้งเเต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้มีน้ำที่ดีไม่มีสารปนเปื้อนเเละมีใช้ต่อไปอย่างยั่งยืน การประปานครหลวงจึงเน้นรณรงค์ปลูกจิตสำนึกไปที่เยาวชนในสถาบันการศึกษาทั่วกรุงเทพมหานคร สานต่อโครงการปฏิบัติการพิทักษ์น้ำ หรือ "Water Ranger" ปี 2 ผ่านกิจกรรมสนุกสนานโดนใจวัยรุ่น
นายสมัย อนุวัตรเกษม รักษาการในตำเเหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ได้กล่าวว่า จากความสำเร็จในการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด ได้เเก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เเละสมุทรปราการ ได้เรียนรู้ข้อมูลรวมทั้งปลูกจิตสำนึกที่ดีในการใช้ทรัพยากรน้ำผ่านโครงการเดียวกันนี้มาตั้งเเต่ปี 2554 มาถึงในปีนี้ กปน. จึงมอบทุนให้ 18 โรงเรียนทั่วกรุงเทพมหานครซึ่งเข้าร่วมโครงการนำไปใช้ปฏิบัติการพิทักษ์น้ำโรงเรียนละ 10,000 บาท รวมทั้งจะมีทีมวิทยากรของ กปน. เวียนลงไปให้ความรู้ผ่านเกมกิจกรรม เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ท่ามกลางความสนุกสนาน ให้เยาวชนนำความรู้ที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำเเละคิดค้นวิธีประหยัดน้ำในโรงเรียนของตน โดยกติกาจะตัดสินเปรียบเทียบปริมาณการใช้น้ำในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา โรงเรียนใดประหยัดน้ำได้สูงสุด นอกจากจะได้รับโล่เกียรติยศ เเละเงินรางวัล 10,000 บาทเเล้ว ยังมีการเปิดเเสดงมินิคอนเสริ์ตจากศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนในโรงเรียนอีกด้วย
"ภาระหน้าที่อย่างหนึ่งของการประปานครหลวงคือเราทำกิจกรรมให้คนรู้จักใช้น้ำอย่างรู้คุณค่ามาทุกปี เราคิดว่าเริ่มจากการปลูกฝังเยาวชนไปก่อนจะดี เพราะเยาวชนก็จะไปพูดกับคุณพ่อคุณเเม่ทำให้ความคิดนี้ขยายออกไปอีก ที่สำคัญคือต่อไปเมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีวินัยรู้จักใช้ทรัพยากรใช้น้ำอย่างประหยัด รู้จักอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อม เราทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำ ก็มีจิตสำนึกบริการสังคม อยากช่วยสร้างสำนึกการอนุรักษ์น้ำให้สังคมด้วยเช่นกัน" นายสมัย อนุวัตรเกษม กล่าว
ทางด้านคณะครูเเละผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 18 โรงเรียนซึ่งเข้าร่วมโครงการ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่มีโครงการดีๆ ของการประปานครหลวงมาให้ทางโรงเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรม นอกจากประโยชน์จะเกิดกับตัวเยาวชนเองเเล้ว ทางโรงเรียนยังได้ประโยชน์ด้วยเนื่องจากทุกโรงเรียนมีความต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำประปาให้ได้อยู่เเล้วในเบื้องเเรก การพูดหรือรณรงค์ในใรงเรียนตามปรกตินั้นคณะครูยอมรับว่ายังไม่ค่อยได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นคิดว่ากิจกรรมสนุกสนานจะช่วยเสริมเเรงจูงใจให้นักเรียนได้เกิดความตื่นตัวเเละร่วมเเรงร่วมใจประหยัดน้ำภายในหนึ่งเดือนได้ ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อนักเรียนได้เห็นสัมฤทธิผลของตัวเลขปริมาณน้ำ เเละค่าน้ำประปาที่ลดลงก็จะเกิดความตระหนักเพิ่มมากขึ้นว่าเช่นพวกเขาคือพลังอนุรักษ์ที่สำคัญไม่เป็นรองผู้ใหญ่เลย
"ผมรู้สึกยินดีมาก เพราะคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ตรงใจวัยรุ่น ถ้าเราไปบอก หรือบังคับ พวกเขาจะไม่อยากทำ ต้องสร้างเเรงจูงใจให้พวกเขาอยากก่อน เราต้องไม่คิดว่ามันคือการเเข่งขัน เเต่เป็นโอกาสที่จะได้สร้างกระเเสให้นักเรียนเกิดการตื่นตัวกันทั้งโรงเรียน หลังจากนั้นทางโรงเรียนก็จะนำเรื่องน้ำมาบูรณาการกับ 8 กลุ่มสาระวิชา นักเรียนก็จะสนใจเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ก็จะสร้างจิตสำนึก เปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมการใช้น้ำได้ " นายพนัส ชลิธิกุล อาจารย์โรงเรียนนวมิทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ให้ความเห็น
ในขณะเดียวกันการเรียนการสอนกลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์ของทุกโรงเรียนก็ได้สร้างนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยที่มีหัวใจอนุรักษ์น้ำขึ้นมาหลายคน ภายในงานเเถลงข่าวได้มีหลายโรงเรียนนำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เเละประหยัดน้ำ มาจัดเเสดง
"โครงงานบ่อบำบัดน้ำทิ้งตามเเนวพระราชดำริ" ของชมรมนักวิทยาศาสตร์น้อยเเห่งป่าชายเลน โรงเรียนวัดเเสมดำ ได้พัฒนาโครงงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งเเต่ปี 2553 เนื่องจากโรงเรียนเคยปล่อยน้ำทิ้งจำนวนมากทำให้พื้นที่ป่าชายเลนเกิดน้ำเน่าเสีย หลังจากไปดูงานการบำบัดน้ำเสียในโครงการพระราชดำริเขาหินซ้อน นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยจึงได้นำแนวคิดการใช้พืชน้ำและพืชป่าชายเลนเช่น เงือกปลาหมอ พุทธรักษา และบ่อบำบัดผสม มาบำบัดน้ำทิ้งในโรงเรียน และขยายผลสร้างบ่อบำบัดในชุมชนอีกด้วย
“หลังจากพวกเรา 70 คน ทำบ่อบำบัดน้ำ ทุกวันนี้ในป่าชายเลยรอบโรงเรียนและชุมชนมีต้นไม้เยอะขึ้น มีลิงแสม มีปลา มีงูมาอยู่เยอะขึ้นชี้ให้เห็นว่าระบบนิเวศน์เราดีขึ้น เราคิดเรื่องทำยังไงให้น้ำดี แต่เราได้สิ่งแวดล้อมที่ดีได้สัตว์กลับมาหมดเลย นอกจากนั้นน้ำที่ได้จากบ่อบำบัดน้ำใส 2,000 ลิตร เราทิ้งลงป่าชายเลน 1500 ลิตร นำ 500 ลิตรกลับมาใช้ใหม่ในโรงเรียน ใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างสนาม ช่วยให้โรงเรียนเราประหยัดน้ำได้เดือนละ 2,000 บาท พวกเราภูมิใจมาก” ด.ญ. ณัฐณิชา พรมมนต์ แสดงความความคิดเห็น
ยังมีอีกหลายโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เป็นทั้งโมเดลจากห้องเรียน และถูกนำมาใช้จริง ประหยัดน้ำได้จริงที่นำมาจัดแสดง ดังนั้น Water Ranger ปี 2 ปฏิบัติการพิทักษ์น้ำของเยาวชนไทยที่การประปานครหลวงหวังจะส่งเสริมจึงเป็นฝันที่อยู่ไม่ไกลเลย ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมติดตามกิจกรรมดีๆ รวมทั้งปฏิบัติการพิทักษน้ำ ของแต่ละโรงเรียน ผ่านสื่อออนไลน์ได้ทาง www.facebook/waterranger

กปน. หนุนเยาวชนรักษ์น้ำ กับ Water Ranger ปฏิบติการพิทักษ์น้ำ ปี 2
ดังนั้นเพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกคนไทยให้เห็นความสำคัญของการประหยัด เเละร่วมดูเเลทรัพยากรน้ำ ตั้งเเต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้มีน้ำที่ดีไม่มีสารปนเปื้อนเเละมีใช้ต่อไปอย่างยั่งยืน การประปานครหลวงจึงเน้นรณรงค์ปลูกจิตสำนึกไปที่เยาวชนในสถาบันการศึกษาทั่วกรุงเทพมหานคร สานต่อโครงการปฏิบัติการพิทักษ์น้ำ หรือ "Water Ranger" ปี 2 ผ่านกิจกรรมสนุกสนานโดนใจวัยรุ่น
นายสมัย อนุวัตรเกษม รักษาการในตำเเหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ได้กล่าวว่า จากความสำเร็จในการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบ 3 จังหวัด ได้เเก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เเละสมุทรปราการ ได้เรียนรู้ข้อมูลรวมทั้งปลูกจิตสำนึกที่ดีในการใช้ทรัพยากรน้ำผ่านโครงการเดียวกันนี้มาตั้งเเต่ปี 2554 มาถึงในปีนี้ กปน. จึงมอบทุนให้ 18 โรงเรียนทั่วกรุงเทพมหานครซึ่งเข้าร่วมโครงการนำไปใช้ปฏิบัติการพิทักษ์น้ำโรงเรียนละ 10,000 บาท รวมทั้งจะมีทีมวิทยากรของ กปน. เวียนลงไปให้ความรู้ผ่านเกมกิจกรรม เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ท่ามกลางความสนุกสนาน ให้เยาวชนนำความรู้ที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำเเละคิดค้นวิธีประหยัดน้ำในโรงเรียนของตน โดยกติกาจะตัดสินเปรียบเทียบปริมาณการใช้น้ำในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา โรงเรียนใดประหยัดน้ำได้สูงสุด นอกจากจะได้รับโล่เกียรติยศ เเละเงินรางวัล 10,000 บาทเเล้ว ยังมีการเปิดเเสดงมินิคอนเสริ์ตจากศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนในโรงเรียนอีกด้วย
"ภาระหน้าที่อย่างหนึ่งของการประปานครหลวงคือเราทำกิจกรรมให้คนรู้จักใช้น้ำอย่างรู้คุณค่ามาทุกปี เราคิดว่าเริ่มจากการปลูกฝังเยาวชนไปก่อนจะดี เพราะเยาวชนก็จะไปพูดกับคุณพ่อคุณเเม่ทำให้ความคิดนี้ขยายออกไปอีก ที่สำคัญคือต่อไปเมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีวินัยรู้จักใช้ทรัพยากรใช้น้ำอย่างประหยัด รู้จักอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อม เราทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำ ก็มีจิตสำนึกบริการสังคม อยากช่วยสร้างสำนึกการอนุรักษ์น้ำให้สังคมด้วยเช่นกัน" นายสมัย อนุวัตรเกษม กล่าว
ทางด้านคณะครูเเละผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 18 โรงเรียนซึ่งเข้าร่วมโครงการ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่มีโครงการดีๆ ของการประปานครหลวงมาให้ทางโรงเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรม นอกจากประโยชน์จะเกิดกับตัวเยาวชนเองเเล้ว ทางโรงเรียนยังได้ประโยชน์ด้วยเนื่องจากทุกโรงเรียนมีความต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำประปาให้ได้อยู่เเล้วในเบื้องเเรก การพูดหรือรณรงค์ในใรงเรียนตามปรกตินั้นคณะครูยอมรับว่ายังไม่ค่อยได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้นคิดว่ากิจกรรมสนุกสนานจะช่วยเสริมเเรงจูงใจให้นักเรียนได้เกิดความตื่นตัวเเละร่วมเเรงร่วมใจประหยัดน้ำภายในหนึ่งเดือนได้ ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อนักเรียนได้เห็นสัมฤทธิผลของตัวเลขปริมาณน้ำ เเละค่าน้ำประปาที่ลดลงก็จะเกิดความตระหนักเพิ่มมากขึ้นว่าเช่นพวกเขาคือพลังอนุรักษ์ที่สำคัญไม่เป็นรองผู้ใหญ่เลย
"ผมรู้สึกยินดีมาก เพราะคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ตรงใจวัยรุ่น ถ้าเราไปบอก หรือบังคับ พวกเขาจะไม่อยากทำ ต้องสร้างเเรงจูงใจให้พวกเขาอยากก่อน เราต้องไม่คิดว่ามันคือการเเข่งขัน เเต่เป็นโอกาสที่จะได้สร้างกระเเสให้นักเรียนเกิดการตื่นตัวกันทั้งโรงเรียน หลังจากนั้นทางโรงเรียนก็จะนำเรื่องน้ำมาบูรณาการกับ 8 กลุ่มสาระวิชา นักเรียนก็จะสนใจเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ก็จะสร้างจิตสำนึก เปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมการใช้น้ำได้ " นายพนัส ชลิธิกุล อาจารย์โรงเรียนนวมิทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ให้ความเห็น
ในขณะเดียวกันการเรียนการสอนกลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์ของทุกโรงเรียนก็ได้สร้างนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยที่มีหัวใจอนุรักษ์น้ำขึ้นมาหลายคน ภายในงานเเถลงข่าวได้มีหลายโรงเรียนนำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เเละประหยัดน้ำ มาจัดเเสดง
"โครงงานบ่อบำบัดน้ำทิ้งตามเเนวพระราชดำริ" ของชมรมนักวิทยาศาสตร์น้อยเเห่งป่าชายเลน โรงเรียนวัดเเสมดำ ได้พัฒนาโครงงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งเเต่ปี 2553 เนื่องจากโรงเรียนเคยปล่อยน้ำทิ้งจำนวนมากทำให้พื้นที่ป่าชายเลนเกิดน้ำเน่าเสีย หลังจากไปดูงานการบำบัดน้ำเสียในโครงการพระราชดำริเขาหินซ้อน นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อยจึงได้นำแนวคิดการใช้พืชน้ำและพืชป่าชายเลนเช่น เงือกปลาหมอ พุทธรักษา และบ่อบำบัดผสม มาบำบัดน้ำทิ้งในโรงเรียน และขยายผลสร้างบ่อบำบัดในชุมชนอีกด้วย
“หลังจากพวกเรา 70 คน ทำบ่อบำบัดน้ำ ทุกวันนี้ในป่าชายเลยรอบโรงเรียนและชุมชนมีต้นไม้เยอะขึ้น มีลิงแสม มีปลา มีงูมาอยู่เยอะขึ้นชี้ให้เห็นว่าระบบนิเวศน์เราดีขึ้น เราคิดเรื่องทำยังไงให้น้ำดี แต่เราได้สิ่งแวดล้อมที่ดีได้สัตว์กลับมาหมดเลย นอกจากนั้นน้ำที่ได้จากบ่อบำบัดน้ำใส 2,000 ลิตร เราทิ้งลงป่าชายเลน 1500 ลิตร นำ 500 ลิตรกลับมาใช้ใหม่ในโรงเรียน ใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างสนาม ช่วยให้โรงเรียนเราประหยัดน้ำได้เดือนละ 2,000 บาท พวกเราภูมิใจมาก” ด.ญ. ณัฐณิชา พรมมนต์ แสดงความความคิดเห็น
ยังมีอีกหลายโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เป็นทั้งโมเดลจากห้องเรียน และถูกนำมาใช้จริง ประหยัดน้ำได้จริงที่นำมาจัดแสดง ดังนั้น Water Ranger ปี 2 ปฏิบัติการพิทักษ์น้ำของเยาวชนไทยที่การประปานครหลวงหวังจะส่งเสริมจึงเป็นฝันที่อยู่ไม่ไกลเลย ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมติดตามกิจกรรมดีๆ รวมทั้งปฏิบัติการพิทักษน้ำ ของแต่ละโรงเรียน ผ่านสื่อออนไลน์ได้ทาง www.facebook/waterranger