ต้องการคำแนะนำ เรื่องชีวิตหลังแต่งงาน ที่เกี่ยวโยงกับการค้าระหว่างประเทศ

อยากถามว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร อาจจะยาวไปนิด แต่เพื่อความเข้าใจ จะพยายามสรุปให้สั้นและได้เนื้อหาที่สุด
เรื่องนี้มีการเชื่อมโยง ทั้ง ครอบครัวภายใน ทั้งฝ่าย ช และ ญ และครอบครัวของผม และเรื่องงาน
ใช้เวลาอ่านประมาณ 15-25 นาที

ผม เป็นคนไทย ทางบ้านมีโรงงานเป็นของตัวเอง ไปเรียน ป.โท ต่อต่างประเทศ ที่ 3 (ขอใช้ ที่ 3 เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาใดๆ ภายหลัง) ใช้เวลาเรียนในสิ่งที่ชอบนานหลายปี เมื่อได้เจอ นาง ข ซึ่งเป็นคนจีน พบกันที่ประเทศที่ 3 นาง ข ที่บ้าน ไม่มีฐานะอะไรมากมาย แต่พยายามบอกว่าตัวเองมี ซึ่งผม ก็ๆไม่ได้คิดอะไร และทั้งๆที่ผม รู้ว่า นาง ข เคยแต่งงานกับคนจีนมาแล้ว แต่ยังไม่มีลูกและได้หย่าเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าสถานะภาพแตกต่างกัน ผม ก็คิดว่าไม่เป็นไร ตอนน้ัน นาง ข อาจยังเด็กเกินไป คิดว่าคนเราคบกันไม่ได้ดูที่ว่าใครมีมากมีน้อย หรือเป็นแบบใด แค่มีความเข้าใจกันก็พอ ทั้งคู่คบกันโดยใช้ภาษาของประเทศนั้นสื่อสารกัน

จริงๆแล้ว นาง ข เรียนจบก่อน ผม 1 ปี ก็ทำงานที่ประเทศนั้นเช่นกัน โดยที่มีสัญญา 1 ปี แล้วควรจะต้องได้วีซ่าทำงานหลังจบ แต่ปรากฏเกิดวิกฤษเศรษกิจ จนท ของประเทศนั้นเลยพยายามที่จะไม่ให้วีซ่าทำงานแก่คนต่างชาติ ซึ่ง นาง ข เหลือเวลาที่จะอยู่ประเทศนั้นได้อีกเพียง 1 เดือน ด้วยความที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ทั้งคู่ก็คิดวิธีแก้ไขโดยให้นาง ข เรียน ป.โท ใหม่ ในสาขาอื่น ที่เมืองอื่น เพียงเพื่อต้องการให้อยู่ด้วย โดยที่ผม ให้ยืมเงินค่าใช้จ่ายไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ รวมเป็นเงินประมาณล้านบาทเศษ ซึ่งนาง ข บอกว่าที่บ้านนาง ข มีเงินแต่ไม่อยากรบกวนที่บ้าน ผมจึงเป็นทางออกสุดท้าย ซึ่งขณะนั้น รู้จักกันได้ 1 ปีครึ่ง ก่อนการยืมเงินครั้งแรก

ซึ่งในขณะนั้น ผม กำลังเขียน วิทยานิพนธ์ ป.โท ให้แก่บริษัทชั้นนำของประเทศนั้น ซึ่งผลงานนั้น ทำให้ บริษัทประหยัดเงินไปราว 600ล้านยูโรต่อปี ซึ่งผม ได้รับ เพียงเดือนละ 800 ยูโร ตามสัญญา และผลงานนั้นได้ถูกตีพิมพ์ออกเป็น 2 ภาษา ซึ่งทำให้ทางมหาวิทยาลัยและทางบริษัทที่ทำนั้นอยากได้ตัวผมไป

สุดท้ายผม ตัดสินใจ เลือกทำด็อกเตอร์ที่มหาวิทยาลัย เพราะจะได้ทำในสิ่งที่แม่ของ ผม ต้องการ และ ได้อยู่ที่เมืองเดียวกันกับ นาง ข

และจากนี้คือเรื่องจริง ถ้าหากเราไปทำงานอยู่ ตปท มันมีข้อเสียเปรียบเสมอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


หลังจากนั้นเพื่อนเก่าของ ผม ที่บริษัทโทรมา บอกให้โทรหา CEO ด่วนเรื่องไม่ดี สรุปว่า CEO บอกว่าขอยกเลิกงานนี้ เพราะ Prof. โทรมาต่อรองมากเกินไป เรียกหลายสิบล้านยูโร ผม พยายามกล่อม CEO แต่ไม่สำเร็จ จึงพลาดงานนี้ไป ช่วงนั้น ผม มึนมาก คิดอะไรไม่ออกเลย

ผม จึงลางาน 1 เดือน โดยที่นาง ข เสนอว่าไปเที่ยวที่บ้านของเธอที่ประเทศจีน และจีนอยู่ไม่ไกลกับไทยมากให้แม่นั่งเครื่องไปเที่ยวด้วย เพราะพี่ของผม ต้องการไปหาสินค้าจีนด้วย เลยสรุปว่าไปพบกัยที่บ้านของนาง ข ซึ่งเป็นมณทลที่จัดได้ว่าเล็กมาก และไกลมาก ห่างความเจริญของจีน ทั้งเมือง มีคนไม่ถึง 2 ล้านคน แต่เมื่อมาถึงนาง ข จัดการคุยเรื่องแต่งานทันที โดยที่ ผม ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ และยังมึนๆอยู่มาก กับการพลาดโอกาศทองในการทำ Dr ไป ทั้งๆที่ผม เหมือนกับยังไม่พร้อมเรื่องแต่งงานเพราะคิดว่าควรดูกันมากกว่านี้ ก็ไม่ได้ตอบอะไรไปมากมาย ปล่อยให้นาง ข ว่าไป ทั้งๆที่ นาง ข ติดเงิน ผม อยู่ ล้านบาทเศษ โดยตลอดเวลาที่คบกัน นาง ข มักจะกล่าวหลายครั้งว่า พอแต่งงานกันเด่วก็กลายเป็น 0 ไปเอง โดยที่ข้อสรุปว่าถ้าแต่งจะเป็นดังนี้

ผม จะมีบ้าน ตามธรรมเนียมจีน ซึ่งยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นที่ใด (ซึ่งโดยทั่วไปที่จีน บ้านจะเป็นชื่อผม) และมี เงินเริ่มต้นตั้งตัว 1 ล้านบาท
นาง ข จะออกค่า ตกแต่งบ้าน ประมาณ 5 แสน และ จะมี เงินเริ่มต้นตั้งตัว 1 ล้านบาท ซึ่งพ่อแม่เธอจะออกให้

เมื่ออยู่ที่จีนได้เห็นอะไรหลายอย่าง และได้นำสินค้าบางอย่างติดมือกลับไปประเทศที่ 3 ด้วย ลองขายดูตอนเลิกงาน ปรากฏว่าขายดี ผม จึงคิดที่จะเปิดบริษัทเอง แต่ว่าติดที่วีซ่าต้องทำงานให้กับคณะนั้นเท่านั้น ห้ามทำเอง จึงให้เพ่ือนของนาง ข ที่เป็นคนยุโรป (นาย ค และ ง) ร่วมกับนาง ข เปิดบริษัทขึ้นมา นาง ข  และนาย ค และ ง โดยที่ ผม ใช้เวลาว่างหลังเลิกงานทุ่มเทกับงานของบริษัทนี้ด้วย โดยที่ไม่มีผลตอบแทน เมื่อผม หมดสัญญากับทางคณะ จึงมาช่วยอย่างเต็มที่แต่หาที่ทำ Dr ที่อื่นไปในเวลาเดียวกัน แต่ตามกฏหมายแล้ว ผม ต้องหางานที่สอดคล้องกับสิ่งที่เรียนมาภายใน 6 เดือน จึงจะต่อวีซ่าได้ และเป็นช่วงที่ วิกฤษเศรฐกิจยังไม่ดี ซึ่งผม จึงต้องกลับไทยตามกฏหมาย ซึ่งก่อนกลับได้วางแผนของบริษัทไว้ว่า จะเชื่อมต่อการค้าทั้ง 3 ประเทศ เข้าด้วยกัน แล้ววางแผนระยะสั้นคือกลับมาบวชที่ไทย ให้แม่ก่อน แล้วค่อยแต่งงาน โดยให้ทั้ง 3 คนนั้นดูงานที่นั่นไป

หลังสึก ผม ก็ช่วยทีบ้านที่ไทยทำงาน ซึ่งก็ยังคงติดต่อกลับนาง ข ตลอด แล้วจู่นาง ข ก็โทรมาบอกว่า อีก 7 วันจะมาไทยทำเรื่องแต่งงาน ซึ่งไม่ได้อยู่ด้วยกันมา 6 เดือนแล้ว ซึ่ง ผม จัดเตรียมทุกอย่างได้ทันเวลาพอดีรวมแม้แต่การตัดชุดเจ้าสาวในเวลาสั้นๆ เมื่อแต่งที่ไทยแล้ว ก็ไปแต่งที่จีนอีกตามธรรมเนียม แล้วผม บินกลับไทย ส่วนนาง ข บินกลับประเทศที่ 3 ครั้ง และครั้งนี้อยู่ห่างกัน 8-9 เดือน ซึ่งตลอดเวลานาง ข ควรต้องเตรียมเรื่องเอกสารเพราะเป็นหุ้นส่วนของบริษัท แต่จะไม่อยู่ประเทศนั้นโดยไม่ให้เสียสิทธิเรื่อง Green Card ซึ่งยังหาทางออกไม่ได้ เมื่อเข้าเดือนที่ 9 นั้น ผม จึงบินไปพบนาง ข เป็นเวลา 3 เดือน และแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ ซึ่งตอนนั้นเอง ผม ก็ไม่ได้รู้สึก ดีกับ นาง ข เหมือนแต่ก่อนเพราะว่าเวลาที่รอคอยมันนานเกินและสูญเสียโอกาศไปหลายๆอย่างในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นต้น หลังจากนั้น ผม บินกลับมาไทย แล้วนาง ข ยังต้องใช้เวลาอีก 6 เดือน จึงจัดการเอกสารได้เสร็จ ซึ่งรวมการรอคอย 2 ปีเต็ม

เมื่อกลับมาจีน นาง ข บอกว่าขอให้ไปอยู่ที่บ้านของเธอที่จีนก่อน เพื่อทำการปรับตัวและเริ่มทำเวปไซค์และอื่นๆ และ ผม ใช้เวลานั้น เรียนภาษา เมื่อมาถึงที่เมืองนั้น ผม พบว่ามันไม่ใช่ในสิ่งที่เคยคุยกันมา นาง ข และครอบครัวของนาง ข พยายามที่จะให้ผม เริ่มต้นชีวิตที่เมืองนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารไทยหรืออื่นๆ ซึ่งผม ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมคิดว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่น แต่เรามีเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง จะมาเปลี่ยนเพราะเรื่องการอยากอยู่ใกล้ครอบครัวของนาง ข อย่างเดียวไม่ได้  และนอกจากนั้น พ่อตาแม่ยาย พยายามที่จะให้ผม ขายทรัพย์สินที่ไทย แล้วมาซื้อใหม่ที่จีนที่นี่เท่านั้น โดยแน่นอนว่าความคิดที่แอบแฝงคือต้องใส่ชื่อ นาง ข ด้วย ทั้งที่เมื่อทะเลาะกันนาง ข จะบอกเสมอว่าออกไป กลับไปที่นี่บ้านของนาง ข เสมอ. เมื่อผม มาอยู่ที่จีนได้ 1 ปี พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะย้ายไปเมืองที่มีโอกาศทางการค้าดีกว่านี้ แต่เจอการต่อรองทุกรูปแบบ และจบด้วยการทะเลาะกันเสมอ ผม ได้คุยกับ พี่ชายและพ่อของนาง ข เรื่องการ ย้ายเมือง ทั้ง 2 คนเห็นด้วยเรื่องโอกาศ แต่เป็นห่วงลูกสาวของตัวเอง

ยิ่งแม่ของนาง ข นี่ถึงขั้นหนักมาก มาขอพักที่บ้านแล้วหาเรื่องทะเลาะกัน แล้วแกล้งรอ้งไห้เป็นเด็ก แต่ไม่มีน้ำตาซักหยด โดยที่แววตาต้องการดูเพียงปฏิกิริยาของ นาง ข เท่านั้น ซึ่งนาง ข ก็เต้นตาม ร้องจะเป็นจะตาย เพื่อให้ ผม ขอโทษให้ได้ ทั้งๆที่ไม่มีเนื้อหาอะไรเลย และสุดท้ายมาจบที่ประเด็นการต่อรองของแม่ยายเรื่องให้ซื้อบ้านที่ฝั่งตรงข้าม แต่ผม ไม่ยอม เพราะมันไม่มีทางเจริญแน่ๆ นี่ยังไม่เริ่มทำอะไรมากมายก็บงการณ์เยอะเยะ แล้วทางบริษัทที่ประเทศที่ 3 นั้นก็เกือบเจ๊ง เพราะว่าตั้งแต่นาง ข มาจีน ไม่ได้ทำงานให้กับทางบริษัทที่เปิดไว้อย่างจริงจัง ซึ่งภาษาจีนผมเองก็ยังไม่ได้แข็งแรงถึงขั้นที่จะดูแลบริษัทแทนได้ โดยที่นาง ข กลับคอยรับคอยส่ง ดูแลคนของครอบครัวของนาง ข ทุกอย่าง โดยที่ทิ้งงานของตัวเอง เมื่อผม ห้ามปราม ก็ทะเลาะกันทุกครั้ง นาง ข จะรู้สึกดีเมื่อได้รับใช้ หรือเป็นส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างของครอบครัวเธอ โดยที่ ผม ต้องทำหน้าที่สมทบเสมอ แม้ไม่เต็มใจหรือไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำ

นับจากวันที่ผม กลับไทยเพื่อไปบวช จนถึงวันนี้เป็นเวลา 3 ปี และได้อยู่จริงจังหลังแต่งงานเป็นเวลาเพียง 1ปี ทำให้รู้สึกเหมือนถูกหลอกเรื่องการแต่งงาน และให้มาอยู่ที่นี่ (ที่นี่ยังไม่ได้มีการลงทุนใดๆ นอกจากค่าใช้จ่าย) เมื่อมาแล้วจะไม่ยอมย้ายไปไหนแล้ว ต้องเริ่มต้นที่นี่เท่านั้น ถ้ามีปัญหา ก็จะมีคนของครอบครัวเธออยู่ข้างๆเธอเสมอ ส่วนผม ไม่มี โดยที่ปัญหาส่วนใหญ่นั้นมาจากการทิ้งงานของนาง ข และที่สำคัญคือไม่มีความรับผิดชอบ จะมีก็แต่ข้ออ้างที่ทำให้รอดตัวเท่านั้นในช่วงตลอดเวลาที่มาอยู่ที่จีน บุคคลิกของนาง ข มาเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ทีบ้านของเธอ โดยส่วนมากจะเป็นแม่ยายที่คอยแต่โอดครวญว่ารักลูก  ทั้งๆที่แม่ยายเป็นแม่บ้านมาทั้งชีวิต ไม่เคยทำงานมีแต่ความต้องการว่าจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งตลอดชีวิตของพ่อตาที่ได้ยินมาและสัมผัสได้คือ ต้องทำงานจนเกษียน และเป็นรองแม่ยายเสมอ ได้อะไรมาแม่ยายเอาไปใส่ชื่อตัวเองหมด

ผมมีความคิดที่จะเลิกกับนาง ข อย่างจริงจัง และยังง่ายหน่อยที่ยังไม่มีลูกด้วยกัน โดยที่จะนำเงินที่ถูกยืมไปนั้นคืน (เงินจากสมรสของใครของมัน เพราะแยกบัญชีกัน ส่วนทองและเพชรนั้น ถือว่าให้ไปเลย) เรื่องบริษัทให้เธอไปทำเองตามความสามารถ แล้วผมจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ (จริงๆผมมีแผนการณ์ที่จะตั้งโรงงานที่จีน แต่ต้องเปลี่ยนเล็กน้อย) เพราะรู้สึกว่าผิดหวังจากความที่ไว้ใจมากเกินไปและเสียเวลาไปโดยไร้ค่าเป็นอย่างมาก ปวดหัวจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมต้องคอยแก้ปัญหาที่ผมไม่ได้ก่อทุกครั้งยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ไม่มีความไว้ใจเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว เคยคุยการแก้ปัญหาหลายทีแต่ก็มาที่รูปแบบเดิมๆ ทุกครั้ง

อยากปรึกษาว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่