ถามคนที่ประสบเหตุการณ์เมื่อปี2540 ลำบากถึงขั้นไหนครับ? ช่วยบอกเล่าเป็นกระทู้วิทยาทานครับ

กระทู้คำถาม
ผ่านมาได้อย่างไรครับ รู้สึกเดี๋ยวนี้ข้าวของแพงกินอะไรก็กินไม่อิ่มให้น้อยเหลือเกิน ตัวผอมลงเลยครับ

หลายเดือนมานี้ ตอนปี2540 ผมายุ9ขวบเอง ไม่ค่อยสนใจปัญหาบ้านเมืองเท่าไหร่ อาหารแพงมั้ย ค่าครองชีพสูงเลยมั้ย

มาแชร์เหตุการณ์ปีนั้นกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
หึ หึ

ไม่เห็นมีอะไรเลย
แค่ความฝัน ความพยายามเรียนและทำงานอย่างหนัก
หายวับไปกับตา

แค่นั้นเอง


ตอนนั้นเรียนจบแล้ว  ทำงานเป็นวิเคราะห์สินเชื่ออยู่ในไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง
ผลของงานเกิดจากความคิด และมันสมองเรา แต่เงินเดือนน้อยกว่าพี่ๆ ป.โท
เพราะบริษัทอัพเลเวลตามวุฒิ
เลยไปเรียนต่อโท  เลือกเรียนสาขายากๆ ที่คนไม่เรียนกัน เพื่อให้ค่าตัวขึ้น
ลำบากลำบนมากมายกว่าจะจบ พอจบปุ๋บ ลุงคนนั้นแกปล่อยเสรีค่าเงินบาทซะงั้น
ไฟแนนซ์ปิดไป 56 แห่ง แบงค์ปิดไปหลายแห่ง ที่เหลือก็พยายามประคองตัวไม่ให้ล้ม
เอาคนออกได้ด้วยวิธีการใดๆ ก็ไม่รีรอที่จะทำกัน

อยากรู้ว่าเป็นไง ลองคิดตามนะครับ
ว่าสมมติ วันนี้ 2556 ปล่อยค่าเงิน
คนที่ทำงานมาเป็นสิบปี แรงงานที่เคยขาดแคลนขนาดประมูลซื้อตัวกันในบางสาขา
กลับเป็นแรงงานราคาถูก  ที่มีเหลือเยอะจนเกิด Over Supply
ราคาสินคาเพิ่มสูงปรี๊ด ชนิดไม่ได้คิดกันไปเอง อย่างที่บางคนพยายามทำให้เชื่อ
เพราะโรงงานปลดคนออก ลดกำลังการผลิตแบบเตรียมปิดกิจการ

ใครมีหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
ด้วยค่าเงินที่ลดลง ก็เหมือนเอาสองคูญเข้าไปกับจำนวนหนี้
รายได้ลด หนี้เพิ่ม  และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นได้ในวันไหน
ความมั่นใจของภาคธุรกิจเข้าขั้นติดลบ จนไม่รับคนงานเพิ่ม
เพราะแค่ดูแลที่มีอยู่ ไม่ให้ออก หรือไม่ปิดกิจการ ก็เทพมากแล้ว

คุณต้องกินต้องใช้อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่มีรายได้
เงินเก็บที่มี ก็มีค่าลดลงเกือบครึ่ง แต่หนี้สินดอกเบี้ยบานสะบัดเหมือนเห็ดได้น้ำฝน
ลองจินตนาการดูสิครับ
พอเดาได้ไหม ว่า คนที่เจอภาวะวิกฤติตอนนั้น แล้วยังสู้ต่อจนผ่านมาได้
หัวใจเสริมใยเหล็กกันขนาดไหน

ผมยังจำได้จนทุกวันนี้ ว่า ใครล้มบนฟูก ใครประกาศ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย
ใครกัดฟันปรับแผนธุรกิจ ต่อรองกับแบงค์จนผ่านมาได้
และใครที่ประกาศว่าจะไปโดดน้ำโขงตาย ถ้าแพ้สงครามค่าเงิน
(ยังรออยู่นะ ว่า ลุงจะทำตามสัญญา ยังให้โอกาส แม้มันจะนานจนหาราคาไม่ได้แล้ว)

คนทำงานวัย 30-45 ที่มีภาระผ่อนบ้าน รถ ต้องเลี้ยงดูลูก ครอบครัว
แทบฆ่าตัวตายกันก็หลายคน  แทบบ้าก็เยอะ
ลูกหลานต้องออกจากโรงเรียน เพราะไม่มีปัญญาส่งค่าเทอม
ใครป่วย ก็ต้องรอเวลาจากไป เพราะไม่มีปัญหาสู่ค่ารักษาพยาบาล
แค่จะมีกินให้ครบสามมื้อไปวันๆ  หลายชีวิตยังไม่มีปัญญา

พอจินตนาการออกไหมครับ ว่า มันโหดร้ายขนาดไหน


นักการเมืองบ้านเรา เล่นการเมืองเหมือนเล่นเกมโชว์
โกหกหลอกลวงประชาชนไปวันๆ
คนเจ็บคือประชาชน ที่โดนเขาหลอก โดนผลกระทบจากการบริหารแบบห่วยๆ
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่า จำเอาไว้

เพราะงั้น อย่าแปลกใจ ที่บางคนเกลียดนักการเมืองบางพวกชนิดมีลูกมีหลานก็สั่งเสียไม่ให้เลือก
เพราะคนเหล่านั้น เจ็บมากะตัว เจอมาแบบไม่มีตัวแสดงแทนกันทั้งนั้น




ก็บ่นๆ ไป พอให้รู้อายุว่าแก่แล้ว
แม้วันนี้ จะพลิกสถานการณ์เอาตัวรอดมาได้ดีระดับหนึ่ง
ไม่ลำบากเหมือนคนอื่นๆ เขา
แต่ก็ยังจำวันที่ความฝันหลุดลอยไปได้ครับ ว่า มันรู้สึกอย่างไร
ความคิดเห็นที่ 6
จริงๆ วิกฤติ 40 เกิด ขึ้น กับ เมืองใหญ่ และ ภาคธุรกิจ มากกว่านะ..  พวกโรงงานอุตสาหกรรม หรือพวกนำเข้า ...แล้วก็ พวก ปั่นที่ ปั่น หุ้น.. เรียกว่า วิกฤติ คนชั้นกลาง.. ยังมีม๊อปมือถือ ไปเ้ดิน สีลม ไล่บิ๊กจิ๋ว ถ้าผมจำไม่ผิดนะ..

วันนั้น  ภาคที่เป้นพระเอก ก็ คือ ภาคเกษตร นี่แหล่ะ.. ที่  พ่อ แม่ ที่บ้าน นอก ทั้งหลาย.. คอยซัพ  บรรดา ลูกๆ ที่ตกงาน..จากโรงงานเจ๊ง บริษํท ปิด โดยให้ออกจากงาน.. กลับบ้าน ไปซบ พ่อ ซบแม่ กันอยู่เลย..


แต่วันนี้..ภาคเกษตร กลายเป้นผุ้ร้ายไปซะแล้ว..เพราะต้อง เอาภาษ๊ ลูกๆ..ที่ ทำงานบริษัท ทำงานโรงงาน ..มาอุ้ม เืพื่อ โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล..
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนนั้นมันไม่ใช่ของแพง

แต่คนตกงาน ไม่มีรายได้

ผมสั่งลดรายจ่ายทุกอย่าง

แมวก็เลิกกินทาโร่ จากที่เคยซื้อให้กิน เหลือแค่อาหารเม็ดพอ

ความคิดเห็นที่ 39
เพราะเหตุนี้แหละ ผมถึงค้านไอ้นโยบาย 2 ล้านล้าน
ตอนปี 40 ผมก็อายุ 7 ขวบ ยังไม่รู้อะไรหรอก
รู้ว่าพ่อแม่ผมลำบากมาจริงๆ
ผมรู้แค่ว่ามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป
ตอนนี้อายุ 23 แล้ว ทุกคนอยากให้ประเทศมีรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งผมก็อยากให้มีเหมือนกัน แต่ผมเห็นต่างตรงที่
ทำไมต้องกู้ 2 ล้านล้าน มีเงินเท่าไหร่ก็ทยอยทำไปดีกว่าไหม
ผมอยากเห็นประเทศเดินหน้าด้วยความมั่นคง
ไม่ใช่เดินหน้าพร้อมหนี้สินก้อนโต
ซึ่งใน 50 ปีนี้ ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่
ในประเทศจะมีภาวะวิกฤตอะไรอีกไหม ซึ่งไม่มีใครตอบได้
ความคิดเห็นที่ 9
คุณอาผม  ทำอสังหาริมทรัพย์  วิกฤต 40  เป็นหนี้ธนาคาร  30+ ล้าน  เพิ่งเป็นไทยได้ 2 ปี

อดทน  มุ่งมั่น  กว่าจะปลดหนี้ได้  เครียดปากเบี้ยวเข้าโรงพยายบาลไปนับไม่ถ้วน

พี่น้องก็ต้องช่วยพยุงกันไป  มากน้อยตามกำลัง  สุดท้ายธนาคารจะยึด  ตัดใจ  จัดสรรที่ดินที่ถือไว้ขายถูกกว่าตลาด

ให้คนรู้จักกันช่วยซื้อ  (ยังมีกำไรอยู่ถ้าดูแค่ราคาตอนซื้อ)    ปลดมาได้วันสุดท้ายที่ธนาคารกำหนด

ลุ้นกันทั้งตระกูลกลัวไม่ทัน  55555   ถึงวันนี้ การไม่มีหนี้  เป็ฯลาภอันประเสริฐ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่