คุณกำลังลงทุนเพื่อ Active หรือ Passive Income?

กระทู้สนทนา
คุณกำลังลงทุนเพื่อ Active หรือ Passive Income?

หลายท่านทราบดีอยู่แล้วว่ารายได้มี 2 แบบ คือ

1. รายได้ที่เกิดจากการลงแรง (Active Income) เช่น การใช้แรงงาน การทำงานรับเงินเดือน การเปิดร้านขายของเองแล้วจัดการทุกอย่างเอง หากเราไม่ทำงานก็ไม่ได้เงิน

2. รายได้ที่เกิดจากการให้ระบบทำงานสร้างรายได้ให้เรา (Passive Income) เช่น การสร้างองค์กรที่มีพนักงานสร้างรายได้ให้เรา เช่น การบริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจเครือข่าย และการลงทุน หากเราไม่ได้ทำงาน ระบบก็ยังเดินต่อเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้เราได้

ทั้งนี้คำที่ว่า "การลงทุน" ที่หลายท่านเข้าใจว่าเป็น Passive income นั้นอาจจะไม่ทั้งหมด อยู่ที่การตั้งวัตถุประสงค์ของเราด้วยว่าจะสร้างรายได้จากการลงทุนโดยไม่ทำงานได้อย่างไร การลงทุนมีหลายแบบและมีรูปแบบรายได้ต่างกัน เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนต่างการลงทุน สำหรับคนที่ตั้งโจทย์การหา Passive Income ก็คงบอกได้ว่า ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผลเป็นสิ่งที่เขากำลังหา ส่วนการขายทำกำไรเพื่อรับส่วนต่างการลงทุน ถึงแม้จะเกิดการเพิ่มขึ้นของทรัพย์สิน แต่มันจะไม่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้เราอีกต่อไป เป็นการสร้างผลกำไรเพียงครั้งเดียว แน่นอนว่าการสร้าง Passive Income ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความอดทนและพยายามอย่างหนักบนความเสี่ยงที่เราต้องเจอและรวมถึงการลังเลและเปลี่ยนวัตถุประสงค์การลงทุน

Passive ยากกว่า Active ขนาดไหน?

ผมขอยกตัวอย่าง "ค่าเช่า" หากเรามีอาคารซื้อมา 1 ล้านบาท แต่มูลค่าในตลาดอยู่ที่ 2 ล้านบาท นำไปปล่อยเช่า ได้เดือนละ 10,000 บาท ความรู้สึกเราจะเป็นอย่างไร ก็คงมีหลายๆแบบ เช่น



คนที่ 1 อาจจะมองว่า ถ้าขายไปเลยจะได้กำไร 1 ล้านบาททันที การเก็บค่าเช่าจะได้เพียงเดือนละ 10,000 บาท หากเทียบกันแล้วการเก็บค่าเช่าไปเรื่อยๆ จะต้องใช้เวลาหลายปีที่จะได้กำไร 1 ล้าน การขายทำกำไรเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะได้กำไรที่เยอะมาก หลังจากนั้นค่อยมาลองคิดต่อว่าจะหาอย่างอื่นลงทุนได้อย่างไร

คนที่ 2 อดทนในการเก็บค่าเช่าเพราะเป็นรายได้ที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องขายทรัพย์สิน ถ้ามีโอกาสก็สามารถเอาเงินค่าเช่าไปต่อยอดกิจการอื่นๆ หรือลงทุนเพิ่มเติมเพื่อการรับค่าเช่าที่มากขึ้น รอวันที่ราคาขึ้นสูงขึ้น และมีการปรับราคาค่าเช่าในตลาด


เชื่อไหมว่า ในระยะหนึ่งซึ่งนานพอสมควร เราจะพบว่าคนที่ซื้อขายอาคารก็ยังต้องทำกิจกรรมาทางธุรกิจโดยซื้อและขายกันต่อไป ถ้าเขาหยุดซื้อขายเมื่อไหร่ก็ต้องนำเงินที่สร้างมา มาใช้จ่าย เพราะการลงทุนลักษณะนี้ก็ยังเป็น Active Income นักลงทุนยังต้องใช้แรงในการซื้อขาย ในขณะที่อีกคนพบว่าเมื่อค่าเช่าสูงถึงเป้าหมายและมีระบบการสร้างรายได้มันครอบคุมใช้จ่ายให้เขาได้ เขาสามารถเลือกได้ว่า พอใจแล้วจะหยุดแค่นี้มีกินมีใช้โดยไม่ต้องทำงานได้แล้วหรือจะเลือกสร้างต่อไป เพราะฉะนั้นคนที่ 2 คือคนที่ลงทุนที่มี Passive Income ซึ่งถ้าเขาจะเปลี่ยนกลับไปเป็น Active Income อีกรอบก็ทำได้ แค่ขายทรัพย์สินออกไปทั้งหมด ซึ่งนอกจากค่าเช่าแล้ว การลงทุนในหุ้น (รับปันผล) ตราสารหนี้ (รับดอกเบี้ย) ก็จะเจอการตั้งวัตถุประสงค์ลักษณะเดียวกัน

ทั้ง 2 วิธีจะเห็นได้ว่า Passive Income จะต้องใช้ความอดทนสูงกว่าในการสะสมความมั่งคั่ง ยังไม่รวมแง่ลบเรื่องการขาดทุนต่างๆ ลองคิดดูว่าหากเราต้องการรายได้ ปีละ 500,000 บาทโดยไม่ต้องทำงาน วันแรกจะพบข้อมูลผลตอบแทนในตลาดหุ้น เช่น ปันผล 3% กองทุนอสังหา 6-7% ก็คงถอดใจกันไปหมดเมื่อคำนวณเงินต้นเพราะมันเป็นผลตอบแทนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการทำกำไรจากการขายทรัพย์สินเพียงครั้งเดียว แต่ต้องอย่าลืมว่าหากเราเข้าใจและมีเป้าหมายในการสร้างความมั่งคั่งบนแนวทางนี้ การสะสมทรัพย์สินที่สามารถเพิ่มมูลค่าผลตอบได้ในอนาคตอย่างมีวินัยนั้นจะทำให้เราเกิดความสำเร็จได้
ถึงตอนนี้คุณอยากลงทุนเพื่อ Active หรือ Passive Income ครับ?

by กวิน สุวรรณตระกูล on วันอังคาร, 10 กันยายน 2013 in Money channel
https://www.facebook.com/#!/pages/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5/198068607020376

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่