ขอเรียนก่อนว่า ผมกำลังศึกษาอยู่ ป.โท

แต่ตอนนี้ในหัวไม่มีเรื่องเรียนอยู่เลย มีแต่เรื่องทำธุรกิจ

ผมเลยคิดว่า เทอรมหน้าจะดร๊อปไว้ แล้วมาทำธุรกิจก่อน แต่เข้าใจว่าทำธุรกิจมันต้องใช้เงินทุน
ผมเองก็ไม่อยากรบกวนที่บ้าน คืออย่าใช้คำว่าไม่อยากเลย ผมจะไม่ขอเงินจากทางบ้านเลยแล้วกัน

เพราะตอนนี้ค่าเทอรม ค่ากินอยู่ ผมก็ไม่ได้ขอที่บ้านมานานแล้ว ผมอยากยืนด้วยตัวเองแบบเต็มตัว
สาเหตุที่อยากทำธุรกิจนั้นก็เพราะว่า ผมเองเป็นคนชอบคิดชอบประดิษฐ์และคลุกคลีอยู่กับเทคโนโลยีใหม่ๆมาตั้งแต่มัธยม

ก็เลยเจอ "ความเป็นไปได้" ของสินค้าไฮเทคในอนาคตเยอะแยะมากมาย พอเริ่มคิดว่ามันน่าจะขายได้ก็เริ่มศึกษาลึกๆลงไปเรื่อยๆ
จนมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ผมทำได้แน่ๆ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องมีเงินลงทุนไม่มากนัก
ตอนนี้ผมเองฝึกอบรมเรื่องการวางแผนธุรกิจอยู่กับโครงการเถ้าแก่น้อยของ สวทช. ซึ่งฝึกฝนให้รู้จักเรื่องการเงินและการตลาด
รวมทั้งมีการเขียนแผนการตลาด ประเมินต้นทุน กำไรอย่างชัดเจน ซึ่งผมก็เข้าใจดี และที่สำคัญมันสร้าง contact ให้ผมเจอกับลูกค้าหลายรายที่เริ่มสอบถามถึงรายละเอียดงานของผม และเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปดีลงานด้วย แต่ผมก็ยังไปไม่ได้เพราะยังไม่ตั้งบริษัท
อันที่จริงโครงการที่ผมไปฝึกอบรมนี้ มีการ pitching investor ด้วย แต่ผมไม่ได้คาดหวังไว้นักว่าจะมีคนมาลุงทนกับผม
แม้ผมมั่นใจว่าแผนการตลาดผมดีก็ตาม แต่ถ้ามันไม่มีใครมาลงทุน ผมก็จะทำธุรกิจของผมจริงๆจังอยู่ดี
ผมไม่ได้กะจะมาแข่งเอารางวัลอยู่แล้ว(แข่งมาตั้งกะมัธยม เริ่มเห็นว่ามันไม่สำคัญแล้ว) ผมอยากให้มันเป็นธุรกิจจริงๆมากกว่า
ผมยังมีเรื่องที่ไม่แน่ใจอยากถามและปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆ คุณน้า คุณอาทุกท่านที่ทำธุรกิจเป็นของตัวเองซักเล็กน้อย
แต่ผมขอบอกสถานะตัวเองไว้นิดนึงจะได้ตอบผมถูก

ตอนนี้ผมมีเงินติดตัวทั้งหมด 150,000 ไม่มีหนี้ ไม่มีทรัพย์สินที่ดินอื่นๆ มีแค่ MEO คันนึงกับ Samsung hero 1 เครื่อง
ผมใช้เงินเดือนละ 6,000 รวมกิน อยู่ ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว เพราะทำงาน ตั้งแต่ 9 โมงถึงตีหนึ่งทุกวัน ไม่หยุดเสาร์อาทิตย์
แต่ 150,000 ที่ว่านี่คือหมดตัวเลยจริงๆ ผมกล้าทุ่มหมด ถ้าเจ๊งก็กลับบ้านไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่กลับมาเรียนแล้วเพราะไม่มีค่าเทอรม
คือวัดกันไปเลยแล้วกัน ผมชอบทำอะไรสุดตัวแบบนี้แหละ
ผมมี ธุรกิจ 2 อย่างที่อยากทำพร้อมกัน

อย่างแรกเกี่ยวกับพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ๆ ซึ่งผมรอไปเสนองานกับ TRUE อยู่
มูลค่างานถ้าได้ผมคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 4,000,000 กำไรน่าจะอยู่ที่เกือบครึ่งหนึ่ง เพราะเป็นงานขายไอเดีย
แต่ก็ต้องมีการสั่งของจากจีนมาใช้ด้วย ซึ่งผมคิดว่าแค่ตลาดด้าน solar roof ก็ยังอยู่ได้(ดี) แต่ผมเล่นตลาดไอเดียเพิ่มด้วย น่าจะไปได้สวย

ธุรกิจอันแรกนี้ ผมมีทั้งแผนการตลาดและข้อมูลครบถ้วนแล้ว ทำร่วมกับเพื่อนที่จบการตลาด ผมใช้ไอเดียนี้แข่งขันเถ้าแก่น้อยด้วย

อย่างที่สองเป็นธุรกิจทางด้านระบบบ้านอัจฉริยะ Smart Home อันนี้ผมมีอาจารย์คนนึงแนะนำตลาดมาให้ เป็นคอนโดหลายร้อยห้อง
กับบ้านอีกหลายสิบหลัง แต่ผมยังไม่ได้ไปเสนองานกับลูกค้าโดยตรงหรอก ผมใช้เวลาไปหาข้อมูลอยู่นาน
พบว่ามันมีคนทำพวกนี้น้อยมาก เพราะมันค่อนข้างยาก แต่ผมรู้จักคนที่ทำได้ เลยจะไปชวนเค้ามาทำด้วยกัน
ซึ่งเค้าตอบรับแล้ว ผมกะจะจ้างเค้าเป็นโปรเจคๆไป ถ้าไปได้สวยก็จะจ้างมาประจำ คนนี้คบได้ ไม่หักหลังผมแน่นอน
เพราะผมเป็นคนดีลเรื่องอุปกรณ์ที่จะใช้ และลูกค้าด้วยตัวเอง เค้าชิ่งผมไปทำเองไม่ได้แน่ๆ

ระบบ smart home นี้ประมาณว่า เราสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้านได้จาก smart phone ทั้งไฟ แอร์ ประตูโรงรถ ม่าน
และยังมีระบบป้องกันภัยทั้งตรวจจับการเคลื่อนไหว แรงสั่นสะเทือน การเปิดประตู หน้าต่าง แก็สรั่ว ได้ ซึ่งหากมีอะไรผิดปรกติระบบจะ
รายงานข้อมูลไปที่มือถือเราทันที และเราสามารถเปิดกล้องวีดีโอที่ติดไว้ในที่ต่างๆในบ้านได้ทันทีเช่นกัน ถ้าใครเคยดูหนังล้ำๆ
บ้านสมัยใหม่เวลาจะออกจากบ้านไปมันจะมีจอสัมผัสอันหนึ่งติดไว้ที่ประตู เราก็กด Armed

นั่นคือเปิดระบบรักษาความปลอดภัยเต็มอัตรา
ตอนนี้เราทำได้ถึงขนาดนั้นแล้ว และไม่ได้แพงจนเว่อด้วย แต่เทคโนโลยีมันมีหลายตัว บางตัวก็เอาเข้ามาบ้านเราไม่ได้ ติดกฎหมาย
แต่ผมก็รู้จักอยู่เทคโนโลยีหนึ่ง กำลังมาแรงเหมือนกัน ผมไปคุยกับผู้ผลิตสินค้าที่นำมาใช้ทำระบบพวกนี้ไว้แล้ว เป็นบริษัทของจีน
และเค้าอยากให้ผมเป็น Dealer ในไทยให้เค้าด้วย(บริษัทมีอนาคตมาก มี Partner ทั้งอเมริกา ยุโรป ออสเตรีย) ผมเลยเห็นแนวโน้มว่าเป็นไปได้ อยากทำตรงนี้ด้วยเหมือนกัน
คำถามที่ผมอยากรู้มากก็คือ

1. จะต้องใช้เงินกี่บาท ในการจดทะเบียนบริษัท จำกัด ตรงนี้ผมทำร่วมกับเพื่อนเลยอยากให้เป็น บริษัท จำกัด
ผมอยากทราบราคาทั้งหมดแบบแป๊ะๆเลยนะ เพราะผมต้องบริหารเงินที่มีจำกัดมาก หรือใครมีเหตุผลดีๆให้จดแบบอื่นขอคำแนะนำด้วย
2. ถ้าผมสามารถไปดีลงานกับลูกค้าได้ ผมให้เค้าเขียนสัญญาซื้อ,จ้างงาน(P/O,invoice) ผมเอาสัญญานี้ไปกู้เงินจากธนาคารมาซื้อของที่ต้องใช้ในการทำงานและลงทุนได้ใช้มั้ย อยากทราบว่าเค้ากำหนดให้กู้ได้กี่ % ของมูลค่าสัญญา
3. การสั่งของจากจีน มีบริษัทรับจัดการรึเปล่า ทั้งเรื่องภาษีและใบเสร็จ ผมเคยสั่งแต่เป็นชิ้นๆ ไม่ซีเรียสเรื่องนั้น แต่ถ้าทำบริษัทคงต้อง
ทำตามขั้นตอนราชการ ตรงนี้ผมไปศึกษาได้ที่ไหนบ้าง พอจะมี Keyword ให้ผมหาข้อมูลต่อได้รึเปล่า
4. อยากทราบเรื่องจดสิทธิบัตรด้วย ว่าใช้งบประมาณในการจดต่อชิ้นกี่บาท ถ้าใครทราบขอความรู้หน่อย
5. การเป็น dealer ให้บริษัทต่างชาตินั้น ระบบเหมือนซื้อของๆเค้ามาขายรึเปล่า ผมต้องเสียค่าเฟรนไชอะไรยังงั้นให้เค้ารึไม่
มันมีสัญญาผูกมัดมั้ยว่าเดือนนึงต้องสั่งของจากเค้ากี่ชิ้น เป็นกับไม่เป็นมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง
ผมบอกเค้าไปแล้วว่าบริษัทเราไม่ใหญ่อาจสั่งซื้อเยอะๆไม่ได้เค้าก็ ok ผมคิดว่าก็เป็นดีกว่าจะได้ซื้อของถูกๆ และคบกันไปยาวๆ
6. ผมไม่คิดจะกู้เงินหรอกนะ ผมวางแผนไว้ในใจว่าจะไปดีลงานให้ได้แล้วค่อยเอา P/O ไปกู้เงินมาทำเรื่อยๆ เดี๋ยวคงเก็บเงินได้เอง
แต่ผมอยากหาแผนสำรองไว้หน่อย ถ้าผมมีแค่ไอเดีย แผนการตลาดแบบสมบูรณ์ แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

มันมีลู่ทางไหนให้ผมกู้เงินได้บ้างรึเปล่า ตอนนี้ผมก็หา Investor มาร่วมลงทุน แต่ถ้ามันไม่มีผมก็จะทำอย่างที่ว่า
แต่อยากหาแผนสำรองไว้ เผื่อไม่มีเงินมาหมุนในบริษัท ซึ่งจริงๆผมลดความเสี่ยงตรงนี้ด้วยการจ้าง subcontract เป็นโปรเจคไป
อาจมีจ้างประจำแค่สองสามคน
เรื่องราวอาจจะยาวไปนิด ผมขอขอบคุณนักธุรกิจทุกท่านที่เสียเวลาอันมีค่ามาตอบคำถามให้ผม
ถ้าผมเติบโตมีธุรกิจตัวเอง ผมก็จะใช้เวลาส่วนหนึ่งมาตอบคำถามให้คนรุ่นต่อๆไปเช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านคับ
ทำธุรกิจ โดยไม่ขอเงินพ่อแม่ พอมีทางมั้ยคับ
ผมเลยคิดว่า เทอรมหน้าจะดร๊อปไว้ แล้วมาทำธุรกิจก่อน แต่เข้าใจว่าทำธุรกิจมันต้องใช้เงินทุน
ผมเองก็ไม่อยากรบกวนที่บ้าน คืออย่าใช้คำว่าไม่อยากเลย ผมจะไม่ขอเงินจากทางบ้านเลยแล้วกัน
เพราะตอนนี้ค่าเทอรม ค่ากินอยู่ ผมก็ไม่ได้ขอที่บ้านมานานแล้ว ผมอยากยืนด้วยตัวเองแบบเต็มตัว
สาเหตุที่อยากทำธุรกิจนั้นก็เพราะว่า ผมเองเป็นคนชอบคิดชอบประดิษฐ์และคลุกคลีอยู่กับเทคโนโลยีใหม่ๆมาตั้งแต่มัธยม
ก็เลยเจอ "ความเป็นไปได้" ของสินค้าไฮเทคในอนาคตเยอะแยะมากมาย พอเริ่มคิดว่ามันน่าจะขายได้ก็เริ่มศึกษาลึกๆลงไปเรื่อยๆ
จนมั่นใจแล้วว่าตอนนี้ผมทำได้แน่ๆ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องมีเงินลงทุนไม่มากนัก
ตอนนี้ผมเองฝึกอบรมเรื่องการวางแผนธุรกิจอยู่กับโครงการเถ้าแก่น้อยของ สวทช. ซึ่งฝึกฝนให้รู้จักเรื่องการเงินและการตลาด
รวมทั้งมีการเขียนแผนการตลาด ประเมินต้นทุน กำไรอย่างชัดเจน ซึ่งผมก็เข้าใจดี และที่สำคัญมันสร้าง contact ให้ผมเจอกับลูกค้าหลายรายที่เริ่มสอบถามถึงรายละเอียดงานของผม และเปิดโอกาสให้ผมเข้าไปดีลงานด้วย แต่ผมก็ยังไปไม่ได้เพราะยังไม่ตั้งบริษัท
อันที่จริงโครงการที่ผมไปฝึกอบรมนี้ มีการ pitching investor ด้วย แต่ผมไม่ได้คาดหวังไว้นักว่าจะมีคนมาลุงทนกับผม
แม้ผมมั่นใจว่าแผนการตลาดผมดีก็ตาม แต่ถ้ามันไม่มีใครมาลงทุน ผมก็จะทำธุรกิจของผมจริงๆจังอยู่ดี
ผมไม่ได้กะจะมาแข่งเอารางวัลอยู่แล้ว(แข่งมาตั้งกะมัธยม เริ่มเห็นว่ามันไม่สำคัญแล้ว) ผมอยากให้มันเป็นธุรกิจจริงๆมากกว่า
ผมยังมีเรื่องที่ไม่แน่ใจอยากถามและปรึกษาเพื่อนๆพี่ๆ คุณน้า คุณอาทุกท่านที่ทำธุรกิจเป็นของตัวเองซักเล็กน้อย
แต่ผมขอบอกสถานะตัวเองไว้นิดนึงจะได้ตอบผมถูก
ตอนนี้ผมมีเงินติดตัวทั้งหมด 150,000 ไม่มีหนี้ ไม่มีทรัพย์สินที่ดินอื่นๆ มีแค่ MEO คันนึงกับ Samsung hero 1 เครื่อง
ผมใช้เงินเดือนละ 6,000 รวมกิน อยู่ ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว เพราะทำงาน ตั้งแต่ 9 โมงถึงตีหนึ่งทุกวัน ไม่หยุดเสาร์อาทิตย์
แต่ 150,000 ที่ว่านี่คือหมดตัวเลยจริงๆ ผมกล้าทุ่มหมด ถ้าเจ๊งก็กลับบ้านไปเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่กลับมาเรียนแล้วเพราะไม่มีค่าเทอรม
คือวัดกันไปเลยแล้วกัน ผมชอบทำอะไรสุดตัวแบบนี้แหละ
ผมมี ธุรกิจ 2 อย่างที่อยากทำพร้อมกัน
อย่างแรกเกี่ยวกับพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ๆ ซึ่งผมรอไปเสนองานกับ TRUE อยู่
มูลค่างานถ้าได้ผมคิดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 4,000,000 กำไรน่าจะอยู่ที่เกือบครึ่งหนึ่ง เพราะเป็นงานขายไอเดีย
แต่ก็ต้องมีการสั่งของจากจีนมาใช้ด้วย ซึ่งผมคิดว่าแค่ตลาดด้าน solar roof ก็ยังอยู่ได้(ดี) แต่ผมเล่นตลาดไอเดียเพิ่มด้วย น่าจะไปได้สวย
ธุรกิจอันแรกนี้ ผมมีทั้งแผนการตลาดและข้อมูลครบถ้วนแล้ว ทำร่วมกับเพื่อนที่จบการตลาด ผมใช้ไอเดียนี้แข่งขันเถ้าแก่น้อยด้วย
อย่างที่สองเป็นธุรกิจทางด้านระบบบ้านอัจฉริยะ Smart Home อันนี้ผมมีอาจารย์คนนึงแนะนำตลาดมาให้ เป็นคอนโดหลายร้อยห้อง
กับบ้านอีกหลายสิบหลัง แต่ผมยังไม่ได้ไปเสนองานกับลูกค้าโดยตรงหรอก ผมใช้เวลาไปหาข้อมูลอยู่นาน
พบว่ามันมีคนทำพวกนี้น้อยมาก เพราะมันค่อนข้างยาก แต่ผมรู้จักคนที่ทำได้ เลยจะไปชวนเค้ามาทำด้วยกัน
ซึ่งเค้าตอบรับแล้ว ผมกะจะจ้างเค้าเป็นโปรเจคๆไป ถ้าไปได้สวยก็จะจ้างมาประจำ คนนี้คบได้ ไม่หักหลังผมแน่นอน
เพราะผมเป็นคนดีลเรื่องอุปกรณ์ที่จะใช้ และลูกค้าด้วยตัวเอง เค้าชิ่งผมไปทำเองไม่ได้แน่ๆ
ระบบ smart home นี้ประมาณว่า เราสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในบ้านได้จาก smart phone ทั้งไฟ แอร์ ประตูโรงรถ ม่าน
และยังมีระบบป้องกันภัยทั้งตรวจจับการเคลื่อนไหว แรงสั่นสะเทือน การเปิดประตู หน้าต่าง แก็สรั่ว ได้ ซึ่งหากมีอะไรผิดปรกติระบบจะ
รายงานข้อมูลไปที่มือถือเราทันที และเราสามารถเปิดกล้องวีดีโอที่ติดไว้ในที่ต่างๆในบ้านได้ทันทีเช่นกัน ถ้าใครเคยดูหนังล้ำๆ
บ้านสมัยใหม่เวลาจะออกจากบ้านไปมันจะมีจอสัมผัสอันหนึ่งติดไว้ที่ประตู เราก็กด Armed
นั่นคือเปิดระบบรักษาความปลอดภัยเต็มอัตรา
ตอนนี้เราทำได้ถึงขนาดนั้นแล้ว และไม่ได้แพงจนเว่อด้วย แต่เทคโนโลยีมันมีหลายตัว บางตัวก็เอาเข้ามาบ้านเราไม่ได้ ติดกฎหมาย
แต่ผมก็รู้จักอยู่เทคโนโลยีหนึ่ง กำลังมาแรงเหมือนกัน ผมไปคุยกับผู้ผลิตสินค้าที่นำมาใช้ทำระบบพวกนี้ไว้แล้ว เป็นบริษัทของจีน
และเค้าอยากให้ผมเป็น Dealer ในไทยให้เค้าด้วย(บริษัทมีอนาคตมาก มี Partner ทั้งอเมริกา ยุโรป ออสเตรีย) ผมเลยเห็นแนวโน้มว่าเป็นไปได้ อยากทำตรงนี้ด้วยเหมือนกัน
คำถามที่ผมอยากรู้มากก็คือ
1. จะต้องใช้เงินกี่บาท ในการจดทะเบียนบริษัท จำกัด ตรงนี้ผมทำร่วมกับเพื่อนเลยอยากให้เป็น บริษัท จำกัด
ผมอยากทราบราคาทั้งหมดแบบแป๊ะๆเลยนะ เพราะผมต้องบริหารเงินที่มีจำกัดมาก หรือใครมีเหตุผลดีๆให้จดแบบอื่นขอคำแนะนำด้วย
2. ถ้าผมสามารถไปดีลงานกับลูกค้าได้ ผมให้เค้าเขียนสัญญาซื้อ,จ้างงาน(P/O,invoice) ผมเอาสัญญานี้ไปกู้เงินจากธนาคารมาซื้อของที่ต้องใช้ในการทำงานและลงทุนได้ใช้มั้ย อยากทราบว่าเค้ากำหนดให้กู้ได้กี่ % ของมูลค่าสัญญา
3. การสั่งของจากจีน มีบริษัทรับจัดการรึเปล่า ทั้งเรื่องภาษีและใบเสร็จ ผมเคยสั่งแต่เป็นชิ้นๆ ไม่ซีเรียสเรื่องนั้น แต่ถ้าทำบริษัทคงต้อง
ทำตามขั้นตอนราชการ ตรงนี้ผมไปศึกษาได้ที่ไหนบ้าง พอจะมี Keyword ให้ผมหาข้อมูลต่อได้รึเปล่า
4. อยากทราบเรื่องจดสิทธิบัตรด้วย ว่าใช้งบประมาณในการจดต่อชิ้นกี่บาท ถ้าใครทราบขอความรู้หน่อย
5. การเป็น dealer ให้บริษัทต่างชาตินั้น ระบบเหมือนซื้อของๆเค้ามาขายรึเปล่า ผมต้องเสียค่าเฟรนไชอะไรยังงั้นให้เค้ารึไม่
มันมีสัญญาผูกมัดมั้ยว่าเดือนนึงต้องสั่งของจากเค้ากี่ชิ้น เป็นกับไม่เป็นมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง
ผมบอกเค้าไปแล้วว่าบริษัทเราไม่ใหญ่อาจสั่งซื้อเยอะๆไม่ได้เค้าก็ ok ผมคิดว่าก็เป็นดีกว่าจะได้ซื้อของถูกๆ และคบกันไปยาวๆ
6. ผมไม่คิดจะกู้เงินหรอกนะ ผมวางแผนไว้ในใจว่าจะไปดีลงานให้ได้แล้วค่อยเอา P/O ไปกู้เงินมาทำเรื่อยๆ เดี๋ยวคงเก็บเงินได้เอง
แต่ผมอยากหาแผนสำรองไว้หน่อย ถ้าผมมีแค่ไอเดีย แผนการตลาดแบบสมบูรณ์ แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
มันมีลู่ทางไหนให้ผมกู้เงินได้บ้างรึเปล่า ตอนนี้ผมก็หา Investor มาร่วมลงทุน แต่ถ้ามันไม่มีผมก็จะทำอย่างที่ว่า
แต่อยากหาแผนสำรองไว้ เผื่อไม่มีเงินมาหมุนในบริษัท ซึ่งจริงๆผมลดความเสี่ยงตรงนี้ด้วยการจ้าง subcontract เป็นโปรเจคไป
อาจมีจ้างประจำแค่สองสามคน
เรื่องราวอาจจะยาวไปนิด ผมขอขอบคุณนักธุรกิจทุกท่านที่เสียเวลาอันมีค่ามาตอบคำถามให้ผม
ถ้าผมเติบโตมีธุรกิจตัวเอง ผมก็จะใช้เวลาส่วนหนึ่งมาตอบคำถามให้คนรุ่นต่อๆไปเช่นกัน
ขอบคุณทุกท่านคับ